เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า วันนึงผมอ่านหนังสือนี้เมื่อนานมาแล้ว 7 - 8 ปีที่แล้วได้ละมัง รู้สึกชอบการสไตล์เล่าเรื่องมากคับ
มันให้อารมณ์อ่านเหมือนอ่านเรื่องเจ้าชายน้อยในฉบับที่หม่นๆ แต่บางทีก็เหมือนนิยายสืบสวนเต็มไปด้วยการผจญภัยทางความคิดและ
ผจญภัยของจริงและมีเรื่องราวทั้งครอบครัว,เพื่อน,การผจญภัย เลยรู้สึกชอบมากคับตอนนั้น แต่อ่านๆ ดูแรกๆ ไม่ได้ใสใจชื่อหนังสือ
เห็นผ่านตาแถบสีแดงๆ ที่สันว่าเป็นประเภทวรรณกรรมและเขียนอีกว่าหนังสือที่ควรอ่านอะไรสักอย่าง เลยลองอ่านเรื่องย่อบางส่วน
ที่หลังปกก็ติดใจ เข้าไปเปิดอ่านก็เพลินสิคับทีนี้ และเนื่องด้วยว่ามันเป็นหนังสือของห้องสมุด ผมก็ทำได้แค่อ่านมันจนจบ
แล้วเอากลับไปไว้ที่เดิมมันเป็นเล่มไม่หนามาก 100 - 250 หน้า(ไม่แน่ใจคับเพราะรีบอ่านให้จบไวๆ) ขนาดเท่าพ็อกเก็ตบุ๊ค(A5)
เล่มไม่หนามากแต่กลับใส่อารมณ์มาเต็ม ผมมีโอกาสได้อ่านครั้งเดียว แล้วก็ลืมหายไปเลย พอนึกดูแล้วมันกลับเป็นเรื่องเดียว
ที่ผมจำได้ว่าตัวเองชอบมากและคิดว่าคงจะจำเนื้อเรื่องได้เลยไม่ได้ใส่ใจอีกแต่พอนึกอยากกลับไปหาอ่านอีกก็ไม่อยู่ให้อ่านแล้ว
และนี่คือเรื่องบางส่วนที่ผมพอจำได้นะคับ ถ้าใครได้อ่านเรื่องนี้หรือคล้ายๆ เรื่องนี้ช่วยกรุณาบอกชื่อเรื่องให้ผมหน่อยนะคับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ปล.ผมว่าถ้า GTH หยิบเรื่องนี้มาทำหนังต่อจากเรื่องแฟนฉัน ก็น่าจะได้อีกอารมณ์นึง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กช่วง ประถม,ม.ต้น ฉากหลังไม่ได้อยู่ในยุคนี้
น่าจะอยู่ในยุคของโทรศัพท์ตู้สาธารณะกำลังฮิตด้วยซ้ำ ยุคของโทรบ้านยังแพงอยู่คับน่าจะประมานนั้นช่วงยุค 90-95 คิดว่าประมาณนี้นะ
แต่ปัจจุบันไม่มี GTH แล้วเข้าแยกตัวแยกทางกันแล้วสำหรับใครที่ยังไม่รู้ GTH ย่อมาจากชื่อย่อของ 3 บริษัทที่ลงทุนร่วมกันนะคับ
เนื้อเรื่อง(เท่าที่ผมจำได้)นะคับ : เด็กชายคนนึงประมาณประถมปลายๆ หรือม.ต้น (ชื่อไทยๆ แต่ผมจำไม่ได้)
ผมขอสมมติตั้งให้มันชื่อไอ้โชคแล้วกันนะคับ โชคอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวตัวเล็กๆ วัยประถม แม่ทำหมูยอขายทุกวันเลยต้องตื่นแต่เช้า
ช่วยงานแม่ทุกอย่างทำหมูยอ ส่งหมูยอ เอาหมูยอไปขาย ช่วยงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ว่างๆ ก็ดูแลน้องแทนแม่เล่นกับน้อง
เรียกได้ว่ารักแม่รักน้อง เป็นคนเงียบๆ ไม่พูดมากและบุคลิกพอจะเป็นผู้นำ มีความคิดในหัวตลอดเวลาว่าไม่อยากให้แม่ลำบากกว่านี้
แต่ไม่ดราม่านะ ความไม่ดราม่ามากมายนี่แหละคับทำให้มันมีเสน่ห์ มีบ้านเป็นบ้านสองชั้นกึ่งไม้กึ่งปูน(ชั้นบนเป็นไม้) วันนึงก็มีเหตุกาณ์ประหลาด
เขาเห็นชายลึกลับแปลกหน้าอยู่อีกฟากของรั้วที่บ้านหลัง บริเวณบ้านนั้นเป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่เพราะเจ้าของบ้านไปอยู่ต่างประเทศ
เลยทิ้งบ้านไว้อย่างนั้นบ้านโชคเลยได้แต่เอาสังกะสีมาแปะกั้นไว้พอให้ปิดบังสายตาไม่ให้มองเห็น เพราะคิดว่ามันน่ากลัวไม่อยากให้เด็กข้ามไปเล่น
ขณะที่กำลังเล่นอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวแล้วเข้าไปเก็บอะไรสักอย่างที่กระเด็นตกไปอีกฟากของรั้วแล้วเรื่องมันก็ลึกลับขึ้นเรื่อยๆ แบบนั้นอยู่พักนึง
เหมือนกับว่าจะเกิดคดีขึ้น แล้วโชคดันเป็นคนไปเห็นชายคนนั้นเอาอะไรมาซ่อนในบ้านหลังนั้นเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะ
กลัวว่าแม่กับน้องจะลำบาก แล้วก็ดำเนินเรื่องมาเรื่อยๆ จนมาถึงวันเปิดเทอมเรียนชั้นใหม่ บลาๆๆ (ผมจำไม่ค่อยได้แล้วจากนี้)
จนเรื่องมันก็เล่ามาถึงช่วงที่เข้าเรียนในโรงเรียนช่วงสอบใกล้เสร็จใกล้ปิดเทอมก็ เริ่มมีข่าวเรื่องค่ายของชมรมที่จะตั้งแคมป์ในป่า
ว่าใครจะสมัครไปกับทางโรงเรียนบ้าง เพื่อลืมเหตุการณ์ที่เห็นในวันนั้นไอ้โชคก็เลยขอแม่ไปแล้วขอให้ญาติหรือเพื่อนบ้านเนี่ยแหละว่าให้ช่วยดูแล
แม่กับน้องแทนด้วย พอถึงกำหนดวันทางชมรมก็พากันนั่งรถหัวตัดไปกับครูและก็เพื่อนๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นกิจกรรมนี้จัดขึ้นในชมรมนักอนุรักษ์
ของทางโรงเรียนจัดขึ้น(หรือทางครูชมรมจัดกันเองหว่า) จนเริ่มผ่านเข้าไปในป่าลึกจากถนนลาดยางสีดำจากในเมืองเข้าสู่ชนบท
เริ่มเป็นทุ่งนาแล้วก็เลี้ยวเข้าซอยเป็นดินลูกรัง อ่านไปมันได้อารมณ์มากผมนี่มองเห็นภาพทุ่งนาตัดกับป่าแล้วก็ทุ่งนาไปเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่าลึก
ลึกแล้วก็ลึกอีก และยังมีช่วงที่รถก็ติดหล่มดินหรือโคลน เด็กผู้ชายทุกคนก็ลงไปช่วยกันเข็นผู้หญิงก็ร้องเพลงให้กำลังใจ บรรยากาศมันใช่มากคับ
จนมาถึงอุทยานแห่งชาติสักที่เรื่องราวก็เริ่มตื่นเต้นขึ้น พอมาถึงก็มีครูและวิทยากรอธิบายนู่นนี่พอค่ำๆ ก็ก่อกองไฟผมชอบเรื่องแนวนี้มากมันฟิน..
หลังจากนั้นครูก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้จัดกลุ่มแต่ละกลุ่มจะพากันออกเดินทางไปวันรุ่งขึ้นโดยมีคนนำทางให้
ในกลุ่มของโชคก็มีเพื่อนที่พอจะสนิทกันอยู่บ้างอีกสองคนที่ได้จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน ทั้งสามคนนี้
มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ โดยจะมีคนนึงที่บุคลิกออกแนวหนอนหนังสือ ใส่แว่น อ้อใช่ๆ เป็นตัวละครเดียวที่ผมเพิ่งนึกออกว่าเพื่อนเรียกมันว่า
ไอ้แว่น ใช่คับมันชื่อแว่นเป็นคนมีน้ำใจและพูดเก่ง เพื่อนของโชคหนึ่งในสองคนนี้ชอบถ่ายรูป จะพกกล้องติดตัวเสมอคิดว่าน่าจะเป็นไอ้แว่นเนี่ยแหละนะ
ครั้งนี้มันก็พกมาด้วย ส่วนคนที่สองบุคลิกนั้นผมไม่แน่ใจอ่านแล้วก็ตีไม่แตกว่ามันเป็นคนยังไง แต่โดยรวมแล้วสามคนนี้ก็มีจุดที่ดึงดูดให้มาเป็นเพื่อนกัน
และเรื่องมันก็งวดขึ้นเรื่อยๆ ว่าเด็กสามคนพลัดหลงกลุ่ม ติดอยู่ในป่าต้องหาทางออกและเดินไปเรื่อยๆ ทั้งมีเรื่องทะเลาะกันตอนหลงทาง
เหมือนจะเจอคคนไม่คนหรืออะไรสักอย่าง ต้องหนีเอาตัวรอดจนออกไปเจอกับทุ่งหญ้า(หรือทุ่งดอกไม้)โล่งกว้าง เป็นที่ที่สวยแต่ไม่รู้จักและไม่มีคนเลย
มันผจญภัยไปหมด สนุกดราม่าครบรสเลยคับ แล้วก็มีการบาดเจ็บระหว่างทางจนเจอทางออกไปจนอาจารย์ถึงได้รู้ว่าเขาแจ้งตำรวจแจ้งอุทยานเพื่อ
หาทางช่วยเหลือเป็นเรื่องใหญ่มากเลยคับ อารมณ์เด็กติดถ้ำหลวงแต่มันแฟนซีกว่านั้นมาก... ตอนจบมันจบง่ายไปหน่อยแต่การเล่าเรื่องนี่ใช้ได้เลยคับ
จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ หรือเพราะจำไม่ได้ก็ไม่รู้ว่า คดีแรกกับเรื่องที่หลงป่ามันเชื่อมกันยังไง จำได้แค่ว่ามันตื่นเต้นและอบอุ่นไปพร้อมกัน
ค่อยๆ เล่าเผยความรู้สึกออกมาทีละนิด แปลกดีนะผมอ่านหนังสือด้วยความรู้สึกรึไงไม่รู้ จำความรู้สึกขณะอ่านได้แต่กลับจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้
เพราะงั้นใครพอรู้บ้างคับว่าเรื่องนี้ชื่ออะไร คอมเม้นท์ให้ด้วยนะคับ ขอบคุณมาก
ตามหาหนังสือไทยคับ หมวดวรรณกรรมเยาชน เนื้อเรื่องตื่นเต้นมาก คนไทยแต่ง(ผู้หญิง) ช่วยผมได้ไหมคับ?
มันให้อารมณ์อ่านเหมือนอ่านเรื่องเจ้าชายน้อยในฉบับที่หม่นๆ แต่บางทีก็เหมือนนิยายสืบสวนเต็มไปด้วยการผจญภัยทางความคิดและ
ผจญภัยของจริงและมีเรื่องราวทั้งครอบครัว,เพื่อน,การผจญภัย เลยรู้สึกชอบมากคับตอนนั้น แต่อ่านๆ ดูแรกๆ ไม่ได้ใสใจชื่อหนังสือ
เห็นผ่านตาแถบสีแดงๆ ที่สันว่าเป็นประเภทวรรณกรรมและเขียนอีกว่าหนังสือที่ควรอ่านอะไรสักอย่าง เลยลองอ่านเรื่องย่อบางส่วน
ที่หลังปกก็ติดใจ เข้าไปเปิดอ่านก็เพลินสิคับทีนี้ และเนื่องด้วยว่ามันเป็นหนังสือของห้องสมุด ผมก็ทำได้แค่อ่านมันจนจบ
แล้วเอากลับไปไว้ที่เดิมมันเป็นเล่มไม่หนามาก 100 - 250 หน้า(ไม่แน่ใจคับเพราะรีบอ่านให้จบไวๆ) ขนาดเท่าพ็อกเก็ตบุ๊ค(A5)
เล่มไม่หนามากแต่กลับใส่อารมณ์มาเต็ม ผมมีโอกาสได้อ่านครั้งเดียว แล้วก็ลืมหายไปเลย พอนึกดูแล้วมันกลับเป็นเรื่องเดียว
ที่ผมจำได้ว่าตัวเองชอบมากและคิดว่าคงจะจำเนื้อเรื่องได้เลยไม่ได้ใส่ใจอีกแต่พอนึกอยากกลับไปหาอ่านอีกก็ไม่อยู่ให้อ่านแล้ว
และนี่คือเรื่องบางส่วนที่ผมพอจำได้นะคับ ถ้าใครได้อ่านเรื่องนี้หรือคล้ายๆ เรื่องนี้ช่วยกรุณาบอกชื่อเรื่องให้ผมหน่อยนะคับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ปล.ผมว่าถ้า GTH หยิบเรื่องนี้มาทำหนังต่อจากเรื่องแฟนฉัน ก็น่าจะได้อีกอารมณ์นึง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กช่วง ประถม,ม.ต้น ฉากหลังไม่ได้อยู่ในยุคนี้
น่าจะอยู่ในยุคของโทรศัพท์ตู้สาธารณะกำลังฮิตด้วยซ้ำ ยุคของโทรบ้านยังแพงอยู่คับน่าจะประมานนั้นช่วงยุค 90-95 คิดว่าประมาณนี้นะ
แต่ปัจจุบันไม่มี GTH แล้วเข้าแยกตัวแยกทางกันแล้วสำหรับใครที่ยังไม่รู้ GTH ย่อมาจากชื่อย่อของ 3 บริษัทที่ลงทุนร่วมกันนะคับ
เนื้อเรื่อง(เท่าที่ผมจำได้)นะคับ : เด็กชายคนนึงประมาณประถมปลายๆ หรือม.ต้น (ชื่อไทยๆ แต่ผมจำไม่ได้)
ผมขอสมมติตั้งให้มันชื่อไอ้โชคแล้วกันนะคับ โชคอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวตัวเล็กๆ วัยประถม แม่ทำหมูยอขายทุกวันเลยต้องตื่นแต่เช้า
ช่วยงานแม่ทุกอย่างทำหมูยอ ส่งหมูยอ เอาหมูยอไปขาย ช่วยงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ว่างๆ ก็ดูแลน้องแทนแม่เล่นกับน้อง
เรียกได้ว่ารักแม่รักน้อง เป็นคนเงียบๆ ไม่พูดมากและบุคลิกพอจะเป็นผู้นำ มีความคิดในหัวตลอดเวลาว่าไม่อยากให้แม่ลำบากกว่านี้
แต่ไม่ดราม่านะ ความไม่ดราม่ามากมายนี่แหละคับทำให้มันมีเสน่ห์ มีบ้านเป็นบ้านสองชั้นกึ่งไม้กึ่งปูน(ชั้นบนเป็นไม้) วันนึงก็มีเหตุกาณ์ประหลาด
เขาเห็นชายลึกลับแปลกหน้าอยู่อีกฟากของรั้วที่บ้านหลัง บริเวณบ้านนั้นเป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่เพราะเจ้าของบ้านไปอยู่ต่างประเทศ
เลยทิ้งบ้านไว้อย่างนั้นบ้านโชคเลยได้แต่เอาสังกะสีมาแปะกั้นไว้พอให้ปิดบังสายตาไม่ให้มองเห็น เพราะคิดว่ามันน่ากลัวไม่อยากให้เด็กข้ามไปเล่น
ขณะที่กำลังเล่นอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวแล้วเข้าไปเก็บอะไรสักอย่างที่กระเด็นตกไปอีกฟากของรั้วแล้วเรื่องมันก็ลึกลับขึ้นเรื่อยๆ แบบนั้นอยู่พักนึง
เหมือนกับว่าจะเกิดคดีขึ้น แล้วโชคดันเป็นคนไปเห็นชายคนนั้นเอาอะไรมาซ่อนในบ้านหลังนั้นเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะ
กลัวว่าแม่กับน้องจะลำบาก แล้วก็ดำเนินเรื่องมาเรื่อยๆ จนมาถึงวันเปิดเทอมเรียนชั้นใหม่ บลาๆๆ (ผมจำไม่ค่อยได้แล้วจากนี้)
จนเรื่องมันก็เล่ามาถึงช่วงที่เข้าเรียนในโรงเรียนช่วงสอบใกล้เสร็จใกล้ปิดเทอมก็ เริ่มมีข่าวเรื่องค่ายของชมรมที่จะตั้งแคมป์ในป่า
ว่าใครจะสมัครไปกับทางโรงเรียนบ้าง เพื่อลืมเหตุการณ์ที่เห็นในวันนั้นไอ้โชคก็เลยขอแม่ไปแล้วขอให้ญาติหรือเพื่อนบ้านเนี่ยแหละว่าให้ช่วยดูแล
แม่กับน้องแทนด้วย พอถึงกำหนดวันทางชมรมก็พากันนั่งรถหัวตัดไปกับครูและก็เพื่อนๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นกิจกรรมนี้จัดขึ้นในชมรมนักอนุรักษ์
ของทางโรงเรียนจัดขึ้น(หรือทางครูชมรมจัดกันเองหว่า) จนเริ่มผ่านเข้าไปในป่าลึกจากถนนลาดยางสีดำจากในเมืองเข้าสู่ชนบท
เริ่มเป็นทุ่งนาแล้วก็เลี้ยวเข้าซอยเป็นดินลูกรัง อ่านไปมันได้อารมณ์มากผมนี่มองเห็นภาพทุ่งนาตัดกับป่าแล้วก็ทุ่งนาไปเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่าลึก
ลึกแล้วก็ลึกอีก และยังมีช่วงที่รถก็ติดหล่มดินหรือโคลน เด็กผู้ชายทุกคนก็ลงไปช่วยกันเข็นผู้หญิงก็ร้องเพลงให้กำลังใจ บรรยากาศมันใช่มากคับ
จนมาถึงอุทยานแห่งชาติสักที่เรื่องราวก็เริ่มตื่นเต้นขึ้น พอมาถึงก็มีครูและวิทยากรอธิบายนู่นนี่พอค่ำๆ ก็ก่อกองไฟผมชอบเรื่องแนวนี้มากมันฟิน..
หลังจากนั้นครูก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้จัดกลุ่มแต่ละกลุ่มจะพากันออกเดินทางไปวันรุ่งขึ้นโดยมีคนนำทางให้
ในกลุ่มของโชคก็มีเพื่อนที่พอจะสนิทกันอยู่บ้างอีกสองคนที่ได้จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน ทั้งสามคนนี้
มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ โดยจะมีคนนึงที่บุคลิกออกแนวหนอนหนังสือ ใส่แว่น อ้อใช่ๆ เป็นตัวละครเดียวที่ผมเพิ่งนึกออกว่าเพื่อนเรียกมันว่า
ไอ้แว่น ใช่คับมันชื่อแว่นเป็นคนมีน้ำใจและพูดเก่ง เพื่อนของโชคหนึ่งในสองคนนี้ชอบถ่ายรูป จะพกกล้องติดตัวเสมอคิดว่าน่าจะเป็นไอ้แว่นเนี่ยแหละนะ
ครั้งนี้มันก็พกมาด้วย ส่วนคนที่สองบุคลิกนั้นผมไม่แน่ใจอ่านแล้วก็ตีไม่แตกว่ามันเป็นคนยังไง แต่โดยรวมแล้วสามคนนี้ก็มีจุดที่ดึงดูดให้มาเป็นเพื่อนกัน
และเรื่องมันก็งวดขึ้นเรื่อยๆ ว่าเด็กสามคนพลัดหลงกลุ่ม ติดอยู่ในป่าต้องหาทางออกและเดินไปเรื่อยๆ ทั้งมีเรื่องทะเลาะกันตอนหลงทาง
เหมือนจะเจอคคนไม่คนหรืออะไรสักอย่าง ต้องหนีเอาตัวรอดจนออกไปเจอกับทุ่งหญ้า(หรือทุ่งดอกไม้)โล่งกว้าง เป็นที่ที่สวยแต่ไม่รู้จักและไม่มีคนเลย
มันผจญภัยไปหมด สนุกดราม่าครบรสเลยคับ แล้วก็มีการบาดเจ็บระหว่างทางจนเจอทางออกไปจนอาจารย์ถึงได้รู้ว่าเขาแจ้งตำรวจแจ้งอุทยานเพื่อ
หาทางช่วยเหลือเป็นเรื่องใหญ่มากเลยคับ อารมณ์เด็กติดถ้ำหลวงแต่มันแฟนซีกว่านั้นมาก... ตอนจบมันจบง่ายไปหน่อยแต่การเล่าเรื่องนี่ใช้ได้เลยคับ
จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ หรือเพราะจำไม่ได้ก็ไม่รู้ว่า คดีแรกกับเรื่องที่หลงป่ามันเชื่อมกันยังไง จำได้แค่ว่ามันตื่นเต้นและอบอุ่นไปพร้อมกัน
ค่อยๆ เล่าเผยความรู้สึกออกมาทีละนิด แปลกดีนะผมอ่านหนังสือด้วยความรู้สึกรึไงไม่รู้ จำความรู้สึกขณะอ่านได้แต่กลับจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้
เพราะงั้นใครพอรู้บ้างคับว่าเรื่องนี้ชื่ออะไร คอมเม้นท์ให้ด้วยนะคับ ขอบคุณมาก