ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่สิบ ก่อนคู่สุดท้ายในเกมรอบแรก.....
เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ธรรมดา ด้วยทักษะความสามารถทางภาษาต่างประเทศนับสิบภาษาในหัว ทั้งภาษาในปัจจุบันและภาษาโบราณ สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คน จนนำเธอไปสู่การสัมภาษณ์ แล้วความจริงอีกข้อหนึ่งก็ปรากฏ เป็นความจริงที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าทักษะทางภาษาของเธอเสียอีก
เพราะไปๆมาๆ เธอเป็นอีกคนหนึ่ง มีอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งผ่านประสบการณ์ "วินาศกรรม" และดวงจิตของเธอยังประกอบด้วยดวงจิตของผู้อื่นๆซึ่งเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอีกนับร้อยๆดวง!!
ติดตามอ่านเรื่องนี้กันครับ แล้วดูซิว่า "ผู้แต่งต่อ" จะพาไปจบ อย่างไร ???
อย่าลืมให้เกรดกันนะครับ ก่อนจะคิดหาตัวผู้เขียนทั้งสองคน...ครับผม


เช้าของทุกวัน เสียงปลุกของแม่จะดังขึ้นมาทำให้หนูต้องตื่นขึ้นมา ทั้งที่หนูยังอยากจะนอน อยู่บนเตียงอันแสนสุข
"ดาว ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย"
หนูหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อต้องตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรอันแสนน่าเบื่อ หนูจึงต่อรองกับแม่อย่างอัตโนมัติ
"ขออีก 10 นาที หนูยังนอนไม่อิ่มเลยแม่"
แม่เสียงดุขึ้นมาทันใด
"ไม่ ต้องตื่นเดี๋ยวนี้ นี่เกือบ 6 โมงแล้ว แม่จะไปทำงานสายเร็วๆๆ ตื่นๆ แล้วเก็บที่นอนด้วย"
แล้วหนูจะขัดคำสั่งแม่ได้ยังไง ก็แม่ตัวใหญ่กว่าหนูตั้งเยอะ หนูจึงค่อยๆ ลงจากเตียง เก็บหมอน ผ้าห่ม ที่กระจัดกระจาย ให้กลับมาเป็นระเบียบตามที่แม่ต้องการ
หนูอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ส่วนแม่ของหนูเธอมานั่งรอที่โต๊ะ มีอาหารวางอยู่ ที่แม่ทำให้กินทุกวัน นี่ก็เป็นเมนูอันแสนน่าเบื่อ ข้าวต้มหมู ไข่ต้ม นมสด และกล้วยน้ำหว้า
หนูเคยสงสัยว่าแม่ทำอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง ถึงทำแต่อาหารแบบเดิมซ้ำๆ หนูจำต้องกินอย่างตั้งใจ เพื่อไม่ให้แม่ต้องเสียใจ จึงกินของบนโต๊ะจนหมดในทุกๆ วัน
แต่ความหวังดีของหนูที่ให้กับแม่ ทำให้หนูกินแต่อาหารแบบเดิมซ้ำๆ หนูเคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงต้องเสียใจ เวลาที่หนูจะไม่ยอมกินอาหารที่แสนน่าเบื่อพวกนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เรามีกันอยู่แค่เพียงสองคนเท่านั้น
ช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อยังไม่จบเพียงแค่นี้ หนูต้องมานั่งในห้องเรียน ที่มีเด็กๆ แต่งตัวคล้ายๆ กัน นั่งอยู่ด้วยกันเต็มไปหมด ตอนเที่ยงก็ต้องไปทำอะไรก็ไม่รู้กับเด็กๆ พวกนั้น ทั้งที่หนูทำอะไรได้มากกว่า การเล่นตุ๊กตา ดังนั้นหนูจึงไปห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ แทนที่จะไปเล่นกับเด็กๆ พวกนั้น
หนูอ่านหนังสือในห้องสมุดทุกเล่ม มันเหมือนอาหารที่หนูรู้สึกหิว กระหายที่จะได้ลิ้มรสของมัน เป็นเหมือนสารอาหารที่จำเป็นเพื่อหล่อเลี้ยงให้หนูเติบโตขึ้น เพื่อวันหนึ่งหนูจะได้ไม่ต้องทำอะไรซ้ำๆ แบบนี้
ดังนั้นหนูจึงอ่านหนังสือที่มีทุกเล่ม ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เยอรมัน รัสเซีย อิตาลี่ ฝรั่งเศส เกาหลี บาลีและสันสกฤต อาหรับ หรือแม้แต่ภาษาฮิบรู หนูอ่านจนหมด โดยที่หนูไม่เคยมีใครสอนมาก่อน
หนูไม่เคยคิดสงสัยในเรื่องนี้ มันก็เหมือนกับหนูจำไม่ได้ว่าหนูสามารถเคี้ยวอาหารลงท้องได้เมื่อไหร่ แม้แต่แม่ของหนูก็ไม่รู้ว่าหนูอ่านหนังสือเหล่านี้ได้ เพราะแม่ต้องทำงานตั้งแต่เช้าถึงเย็น แถมยังไปทำงานพิเศษจนถึงสามทุ่ม กลับมาหนูก็นอนหลับ แล้วแม่จะเอาเวลาที่ไหนมาดูว่าหนูทำอะไรได้บ้าง
แต่วันนี้ครูติ๋ว ครูที่ดูแลห้องสมุดมองดูหนูด้วยสายตาแปลกๆ มันจะแปลกอะไรกันนักหนา ที่หนูอายุ 9 ขวบ แต่อ่านหนังสือพวกนี้แล้วเข้าใจ มันแปลกนักหรือไง...
หรือมันอาจแปลกจริงๆ อย่างที่พวกเขาคิด เพราะหนูเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่หนูอ่านหนังสือเล่มนี้ มีอะไรบางอย่างหวนกลับคืนมาอย่างช้าๆ แต่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เสียงของครูดังขึ้นทำให้หนู ละสายตาจากตัวอักษร
"นี่น้องดาวอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ด้วยหรือจ้ะ"
"ค่ะ ก็มันเป็นหนังสือที่เขียนโดย
ซิกมันด์ ฟรอยด์ ว่าด้วยเรื่อง
Phychoanalytic Theories หนูกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ คุณบรรณารักษ์"
ที่หนูเรียกครูติ๋วว่า คุณบรรณารักษ์ เพราะหนูรู้ว่าคุณครูทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ในเวลานี้ เธอมองหนังสือเล่มใหญ่ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาเยอรมัน หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมโรงเรียนเล็กๆ ถึงมี หนังสือเล่มนี้ได้
ครูติ๋วมองหนังสือเล่มนี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอจึงถามด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
"นะ...น้องดาว เข้าใจเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้หรือเปล่าจ้ะ"
"ก็ไม่ยากนะคะ ถึงมีบางอย่างที่หนูสงสัย แต่ 92.7% หนูเข้าใจเนื้อหาที่เขียนให้เข้าใจในจิตใจของมนุษย์ หนูว่าหนังสือเล่มนี้ยังอธิบายไม่ละเอียดพอ ถ้าเป็นไปได้ หนูต้องหาเล่มอื่นมาอ่านประกอบด้วย"
คุณครูพยายามมองไปรอบๆ เหมือนหากล้องที่ซุกซ่อน เพื่อแอบถ่ายอาการตื่นตระหนก แต่มันจะมีได้ยังไง เพราะทั้งหมดคือเรื่องจริง แล้วคุณครูติ๋วก็เดินออกไปจากห้องสมุด ด้วยอาการรีบร้อน เพื่อจะแจ้งกับเพื่อนๆ ครูว่า เธอได้รับรู้อะไรที่เกินกว่าเธอจะเข้าใจ
แล้วเรื่องของหนู เด็กหญิงพราวแสง ลูกสาวของแม่บ้านทำความสะอาด ในสำนักงานบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก็กลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว เรื่องราวของหนูถูกพูดปากต่อปากจนกลายเป็นปรากฎการณ์
นักข่าวมาขอสัมภาษณ์เพื่อลงข่าวในทีวีเกือบทุกช่อง แล้วเรื่องก็เลวร้ายขึ้น เมื่อหนูถูกเชิญให้ไปร่วมรายการข่าวรายการหนึ่ง ที่มีทั้งหมอทางกายภาพ หมอทางจิตเวช หมอเด็ก ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ในห้องส่งเต็มไปหมด
พี่นักข่าวที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ขอให้หนูอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศส หนูก็อ่านออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศส อ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น อ่านหนังสือภาษาอาหรับ ทุกคนที่อยู่ในห้องส่ง ถึงกลับตกตะลึง ส่งเสียงหือขึ้นมาพร้อมกัน โดยไม่ต้องมีผู้กำกับสั่ง แล้วคำถามทำให้หนูเข้าสู่อันตรายก็คือ
"หนูดาว คิดว่า อะไรทำให้หนูอ่านหนังสือพวกนี้ได้ครับ"
หนูมองหน้าพี่นักข่าว คิดในสมองว่าอะไรคือความต้องการของพี่นักข่าวคนนี้ แล้วหนูก็อธิบายออกมาทั้งหมด
"หนูคิดว่า ทั้งหมดเกิดขึ้นจากเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่เกิดระเบิด เหนือน่านฟ้าซีเรีย เมื่อ 9 ปีก่อน แล้วหนูก็อยู่บนนั้นพอดี เพราะหนูเกิดไปทราบข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่มีชื่อ รหัสว่า
PCW gold 12707 ทุกคนบนเครื่องจึงต้องรับเคราะห์ไปกับหนูด้วย"
พี่นักข่าวขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วเขาก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เพราะพี่นักข่าวคงไม่อยากให้กลายเป็นรายการที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณที่แม่ชอบดูกับหนู แต่แม่จะทำท่าหวาดเสียวโดยกอดหนูแน่น แล้วหลบหน้า ในบางครั้งมีอะไรตกลงมา
"น้องดาวกำลังบอกว่า หนูอยู่บนเครื่องบินลำนั้น ที่เกิดอุบัติเหตุในขณะที่บินหรือครับ
แต่เมื่อ 9 ปีก่อน หนูยังไม่เกิดไม่ใช่หรือ"
หนูพูดออกมาด้วยเสียงที่ดัง และชัดเจนขึ้น
"ไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ แต่มันเป็นเพราะขีปนาวุธแบบโทมาฮอว์ค ที่นำวิถีโดย GPS ผลิตในเกาหลีเหนือ แต่ใช้ในอิสราเอล ซีเรีย และกลุ่มประเทศในอาหรับ ยิงเครื่องบินลำนั้นเพื่อกำจัดข้อมูลที่หนูมีอยู่ ให้สลายไปพร้อมกัน"
ทั้งหมอ ทั้งผู้เชียวชาญ ทั้งนักข่าวมองหน้ากันไปมา ก่อนมีหมอจิตเวชท่านหนึ่งเอ่ยถามออกมา ด้วยสีหน้าปกติ
"หนูมองเห็นเป็นภาพ หรือว่าหนูคิดไปเอง หรืออาจจะเห็นจากในข่าวที่หนูอ่านในโซเซี่ยลมีเดี่ย ใช่ไหมครับ"
หนูใช้ดวงตาที่เหมือนไม่ใช่ของหนู จ้องไปยังคุณหมอท่านนั้น คุณหมอถึงกลับหน้าถอดสีที่จ้องดวงตาของหนู เหมือนจิตใจของคุณหมอท่านนั้นถูกหนูควบคุมไว้ทั้งหมด
เหมือนว่าหนูสามารถบังคับให้เขาหยุดหายใจได้เพียงแค่หนูคิด แล้วหนูก็ปล่อยจิตของเขาออก จนคุณหมอพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง ดวงตาของคุณหมอมีแต่ความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด หนูใช้น้ำเสียงโทนต่ำ
"หนูไม่ได้เห็น หนูไม่ได้ฝัน หนูไม่ได้อ่าน และหนูไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากเปิดเผยความจริง ที่พวกมันทำกับหนู และคนอื่นๆ ในเครื่องบินลำนั้น เครื่องบินที่มีผู้โดยสาร รวมทั้งลูกเรือ 322 ชีวิต ที่ต้องตายพร้อมกัน"
หนูรับรู้ว่ามีสายตาจับจ้องดูหนูใน ณ.ที่แห่งใดในโลกอันกว้างใหญ่ หนูลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ มือยันที่โต๊ะ จ้องไปยังกล้องที่อยู่ตรงกลาง ดอลลี่เลื่อนด้วยพลังจากจิตของหนู ที่บังคับให้มันเคลื่อนเข้ามา ช่างกล้องหน้าถอดสีอย่างตื่นตกใจ แล้วหนูก็พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน
"พวกแกต้องชดใช้จากเรื่องนี้ ชีวิตที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จาก 322 ดวงจิต ต้องการความยุติธรรม ถ้าแกไม่มาหาฉัน ภายใน 3 วัน ข้อมูลที่พวกแกไม่อยากให้มันเปิดเผยสู่สารธารณะชน จะเผยแพร่ออก ทุกช่องทาง เพราะข้อมูลพวกนั้น มันอยู่ในนี้
ในหัวของฉัน อาเชอร์ แบล็ควอเธอร์"
หนูชี้ที่ขมับด้านซ้ายตนเองอย่างช้าๆ ไม่รู้สายตาของหนูเป็นอย่างไร แต่หนูรับรู้ถึงความกดดันในร่างกาย ที่มาจากจิตใจภายในที่มิได้มีหนูแค่คนเดียว แต่มี 322 ดวงจิตภายในนี้ ในร่างกายของหนู...
เด็กหญิงพราวแสง นาดี ลูกสาวของแม่ มาลี นาดี ลูกคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะพ่อไปมีเมียใหม่ ตั้งแต่หนูยังไม่เกิด แล้วตอนนี้หนูก็พอที่จะรู้แล้วว่าหนูเกิดมาเพื่ออะไร
ก็เพื่อทวงเอาความยุติธรรม จากพวกคนที่ทำให้เครื่องบินตก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม... เพราะหนูมิใช่ ดญ.พราวแสง แต่เป็นใครคนหนึ่งที่ชื่อ อาเชอร์ แบล็ควอเธอร์ กับดวงจิตของผู้ตายทั้ง 322 ชีวิต ที่ต้องการความยุติธรรมจากการตายโดยไร้ความผิด นั่นเอง
( จบส่วนที่ 1 โดย "ถุงมือจีเนียส" )
🌟☀🌟 THE GLOVES FINAL 2018 #7 ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่ 10 ถม."จีเนียส"+ ถม."เรียลิตี้" ตอน "ตื่น" 🌟☀🌟
ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่สิบ ก่อนคู่สุดท้ายในเกมรอบแรก.....
เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ธรรมดา ด้วยทักษะความสามารถทางภาษาต่างประเทศนับสิบภาษาในหัว ทั้งภาษาในปัจจุบันและภาษาโบราณ สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คน จนนำเธอไปสู่การสัมภาษณ์ แล้วความจริงอีกข้อหนึ่งก็ปรากฏ เป็นความจริงที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าทักษะทางภาษาของเธอเสียอีก เพราะไปๆมาๆ เธอเป็นอีกคนหนึ่ง มีอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งผ่านประสบการณ์ "วินาศกรรม" และดวงจิตของเธอยังประกอบด้วยดวงจิตของผู้อื่นๆซึ่งเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอีกนับร้อยๆดวง!!
ติดตามอ่านเรื่องนี้กันครับ แล้วดูซิว่า "ผู้แต่งต่อ" จะพาไปจบ อย่างไร ???
อย่าลืมให้เกรดกันนะครับ ก่อนจะคิดหาตัวผู้เขียนทั้งสองคน...ครับผม
เช้าของทุกวัน เสียงปลุกของแม่จะดังขึ้นมาทำให้หนูต้องตื่นขึ้นมา ทั้งที่หนูยังอยากจะนอน อยู่บนเตียงอันแสนสุข
"ดาว ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย"
หนูหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อต้องตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรอันแสนน่าเบื่อ หนูจึงต่อรองกับแม่อย่างอัตโนมัติ
"ขออีก 10 นาที หนูยังนอนไม่อิ่มเลยแม่"
แม่เสียงดุขึ้นมาทันใด
"ไม่ ต้องตื่นเดี๋ยวนี้ นี่เกือบ 6 โมงแล้ว แม่จะไปทำงานสายเร็วๆๆ ตื่นๆ แล้วเก็บที่นอนด้วย"
แล้วหนูจะขัดคำสั่งแม่ได้ยังไง ก็แม่ตัวใหญ่กว่าหนูตั้งเยอะ หนูจึงค่อยๆ ลงจากเตียง เก็บหมอน ผ้าห่ม ที่กระจัดกระจาย ให้กลับมาเป็นระเบียบตามที่แม่ต้องการ
หนูอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ส่วนแม่ของหนูเธอมานั่งรอที่โต๊ะ มีอาหารวางอยู่ ที่แม่ทำให้กินทุกวัน นี่ก็เป็นเมนูอันแสนน่าเบื่อ ข้าวต้มหมู ไข่ต้ม นมสด และกล้วยน้ำหว้า
หนูเคยสงสัยว่าแม่ทำอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง ถึงทำแต่อาหารแบบเดิมซ้ำๆ หนูจำต้องกินอย่างตั้งใจ เพื่อไม่ให้แม่ต้องเสียใจ จึงกินของบนโต๊ะจนหมดในทุกๆ วัน
แต่ความหวังดีของหนูที่ให้กับแม่ ทำให้หนูกินแต่อาหารแบบเดิมซ้ำๆ หนูเคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงต้องเสียใจ เวลาที่หนูจะไม่ยอมกินอาหารที่แสนน่าเบื่อพวกนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เรามีกันอยู่แค่เพียงสองคนเท่านั้น
ช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อยังไม่จบเพียงแค่นี้ หนูต้องมานั่งในห้องเรียน ที่มีเด็กๆ แต่งตัวคล้ายๆ กัน นั่งอยู่ด้วยกันเต็มไปหมด ตอนเที่ยงก็ต้องไปทำอะไรก็ไม่รู้กับเด็กๆ พวกนั้น ทั้งที่หนูทำอะไรได้มากกว่า การเล่นตุ๊กตา ดังนั้นหนูจึงไปห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ แทนที่จะไปเล่นกับเด็กๆ พวกนั้น
หนูอ่านหนังสือในห้องสมุดทุกเล่ม มันเหมือนอาหารที่หนูรู้สึกหิว กระหายที่จะได้ลิ้มรสของมัน เป็นเหมือนสารอาหารที่จำเป็นเพื่อหล่อเลี้ยงให้หนูเติบโตขึ้น เพื่อวันหนึ่งหนูจะได้ไม่ต้องทำอะไรซ้ำๆ แบบนี้
ดังนั้นหนูจึงอ่านหนังสือที่มีทุกเล่ม ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เยอรมัน รัสเซีย อิตาลี่ ฝรั่งเศส เกาหลี บาลีและสันสกฤต อาหรับ หรือแม้แต่ภาษาฮิบรู หนูอ่านจนหมด โดยที่หนูไม่เคยมีใครสอนมาก่อน
หนูไม่เคยคิดสงสัยในเรื่องนี้ มันก็เหมือนกับหนูจำไม่ได้ว่าหนูสามารถเคี้ยวอาหารลงท้องได้เมื่อไหร่ แม้แต่แม่ของหนูก็ไม่รู้ว่าหนูอ่านหนังสือเหล่านี้ได้ เพราะแม่ต้องทำงานตั้งแต่เช้าถึงเย็น แถมยังไปทำงานพิเศษจนถึงสามทุ่ม กลับมาหนูก็นอนหลับ แล้วแม่จะเอาเวลาที่ไหนมาดูว่าหนูทำอะไรได้บ้าง
แต่วันนี้ครูติ๋ว ครูที่ดูแลห้องสมุดมองดูหนูด้วยสายตาแปลกๆ มันจะแปลกอะไรกันนักหนา ที่หนูอายุ 9 ขวบ แต่อ่านหนังสือพวกนี้แล้วเข้าใจ มันแปลกนักหรือไง...
หรือมันอาจแปลกจริงๆ อย่างที่พวกเขาคิด เพราะหนูเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่หนูอ่านหนังสือเล่มนี้ มีอะไรบางอย่างหวนกลับคืนมาอย่างช้าๆ แต่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เสียงของครูดังขึ้นทำให้หนู ละสายตาจากตัวอักษร
"นี่น้องดาวอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ด้วยหรือจ้ะ"
"ค่ะ ก็มันเป็นหนังสือที่เขียนโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์ ว่าด้วยเรื่อง Phychoanalytic Theories หนูกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ คุณบรรณารักษ์"
ที่หนูเรียกครูติ๋วว่า คุณบรรณารักษ์ เพราะหนูรู้ว่าคุณครูทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ในเวลานี้ เธอมองหนังสือเล่มใหญ่ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาเยอรมัน หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมโรงเรียนเล็กๆ ถึงมี หนังสือเล่มนี้ได้
ครูติ๋วมองหนังสือเล่มนี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอจึงถามด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
"นะ...น้องดาว เข้าใจเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้หรือเปล่าจ้ะ"
"ก็ไม่ยากนะคะ ถึงมีบางอย่างที่หนูสงสัย แต่ 92.7% หนูเข้าใจเนื้อหาที่เขียนให้เข้าใจในจิตใจของมนุษย์ หนูว่าหนังสือเล่มนี้ยังอธิบายไม่ละเอียดพอ ถ้าเป็นไปได้ หนูต้องหาเล่มอื่นมาอ่านประกอบด้วย"
คุณครูพยายามมองไปรอบๆ เหมือนหากล้องที่ซุกซ่อน เพื่อแอบถ่ายอาการตื่นตระหนก แต่มันจะมีได้ยังไง เพราะทั้งหมดคือเรื่องจริง แล้วคุณครูติ๋วก็เดินออกไปจากห้องสมุด ด้วยอาการรีบร้อน เพื่อจะแจ้งกับเพื่อนๆ ครูว่า เธอได้รับรู้อะไรที่เกินกว่าเธอจะเข้าใจ
แล้วเรื่องของหนู เด็กหญิงพราวแสง ลูกสาวของแม่บ้านทำความสะอาด ในสำนักงานบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก็กลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว เรื่องราวของหนูถูกพูดปากต่อปากจนกลายเป็นปรากฎการณ์
นักข่าวมาขอสัมภาษณ์เพื่อลงข่าวในทีวีเกือบทุกช่อง แล้วเรื่องก็เลวร้ายขึ้น เมื่อหนูถูกเชิญให้ไปร่วมรายการข่าวรายการหนึ่ง ที่มีทั้งหมอทางกายภาพ หมอทางจิตเวช หมอเด็ก ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ในห้องส่งเต็มไปหมด
พี่นักข่าวที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ขอให้หนูอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศส หนูก็อ่านออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศส อ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น อ่านหนังสือภาษาอาหรับ ทุกคนที่อยู่ในห้องส่ง ถึงกลับตกตะลึง ส่งเสียงหือขึ้นมาพร้อมกัน โดยไม่ต้องมีผู้กำกับสั่ง แล้วคำถามทำให้หนูเข้าสู่อันตรายก็คือ
"หนูดาว คิดว่า อะไรทำให้หนูอ่านหนังสือพวกนี้ได้ครับ"
หนูมองหน้าพี่นักข่าว คิดในสมองว่าอะไรคือความต้องการของพี่นักข่าวคนนี้ แล้วหนูก็อธิบายออกมาทั้งหมด
"หนูคิดว่า ทั้งหมดเกิดขึ้นจากเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่เกิดระเบิด เหนือน่านฟ้าซีเรีย เมื่อ 9 ปีก่อน แล้วหนูก็อยู่บนนั้นพอดี เพราะหนูเกิดไปทราบข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่มีชื่อ รหัสว่า PCW gold 12707 ทุกคนบนเครื่องจึงต้องรับเคราะห์ไปกับหนูด้วย"
พี่นักข่าวขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วเขาก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เพราะพี่นักข่าวคงไม่อยากให้กลายเป็นรายการที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณที่แม่ชอบดูกับหนู แต่แม่จะทำท่าหวาดเสียวโดยกอดหนูแน่น แล้วหลบหน้า ในบางครั้งมีอะไรตกลงมา
"น้องดาวกำลังบอกว่า หนูอยู่บนเครื่องบินลำนั้น ที่เกิดอุบัติเหตุในขณะที่บินหรือครับ แต่เมื่อ 9 ปีก่อน หนูยังไม่เกิดไม่ใช่หรือ"
หนูพูดออกมาด้วยเสียงที่ดัง และชัดเจนขึ้น
"ไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ แต่มันเป็นเพราะขีปนาวุธแบบโทมาฮอว์ค ที่นำวิถีโดย GPS ผลิตในเกาหลีเหนือ แต่ใช้ในอิสราเอล ซีเรีย และกลุ่มประเทศในอาหรับ ยิงเครื่องบินลำนั้นเพื่อกำจัดข้อมูลที่หนูมีอยู่ ให้สลายไปพร้อมกัน"
ทั้งหมอ ทั้งผู้เชียวชาญ ทั้งนักข่าวมองหน้ากันไปมา ก่อนมีหมอจิตเวชท่านหนึ่งเอ่ยถามออกมา ด้วยสีหน้าปกติ
"หนูมองเห็นเป็นภาพ หรือว่าหนูคิดไปเอง หรืออาจจะเห็นจากในข่าวที่หนูอ่านในโซเซี่ยลมีเดี่ย ใช่ไหมครับ"
หนูใช้ดวงตาที่เหมือนไม่ใช่ของหนู จ้องไปยังคุณหมอท่านนั้น คุณหมอถึงกลับหน้าถอดสีที่จ้องดวงตาของหนู เหมือนจิตใจของคุณหมอท่านนั้นถูกหนูควบคุมไว้ทั้งหมด
เหมือนว่าหนูสามารถบังคับให้เขาหยุดหายใจได้เพียงแค่หนูคิด แล้วหนูก็ปล่อยจิตของเขาออก จนคุณหมอพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง ดวงตาของคุณหมอมีแต่ความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด หนูใช้น้ำเสียงโทนต่ำ
"หนูไม่ได้เห็น หนูไม่ได้ฝัน หนูไม่ได้อ่าน และหนูไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากเปิดเผยความจริง ที่พวกมันทำกับหนู และคนอื่นๆ ในเครื่องบินลำนั้น เครื่องบินที่มีผู้โดยสาร รวมทั้งลูกเรือ 322 ชีวิต ที่ต้องตายพร้อมกัน"
หนูรับรู้ว่ามีสายตาจับจ้องดูหนูใน ณ.ที่แห่งใดในโลกอันกว้างใหญ่ หนูลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ มือยันที่โต๊ะ จ้องไปยังกล้องที่อยู่ตรงกลาง ดอลลี่เลื่อนด้วยพลังจากจิตของหนู ที่บังคับให้มันเคลื่อนเข้ามา ช่างกล้องหน้าถอดสีอย่างตื่นตกใจ แล้วหนูก็พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน
"พวกแกต้องชดใช้จากเรื่องนี้ ชีวิตที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จาก 322 ดวงจิต ต้องการความยุติธรรม ถ้าแกไม่มาหาฉัน ภายใน 3 วัน ข้อมูลที่พวกแกไม่อยากให้มันเปิดเผยสู่สารธารณะชน จะเผยแพร่ออก ทุกช่องทาง เพราะข้อมูลพวกนั้น มันอยู่ในนี้ ในหัวของฉัน อาเชอร์ แบล็ควอเธอร์"
หนูชี้ที่ขมับด้านซ้ายตนเองอย่างช้าๆ ไม่รู้สายตาของหนูเป็นอย่างไร แต่หนูรับรู้ถึงความกดดันในร่างกาย ที่มาจากจิตใจภายในที่มิได้มีหนูแค่คนเดียว แต่มี 322 ดวงจิตภายในนี้ ในร่างกายของหนู...
เด็กหญิงพราวแสง นาดี ลูกสาวของแม่ มาลี นาดี ลูกคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะพ่อไปมีเมียใหม่ ตั้งแต่หนูยังไม่เกิด แล้วตอนนี้หนูก็พอที่จะรู้แล้วว่าหนูเกิดมาเพื่ออะไร
ก็เพื่อทวงเอาความยุติธรรม จากพวกคนที่ทำให้เครื่องบินตก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม... เพราะหนูมิใช่ ดญ.พราวแสง แต่เป็นใครคนหนึ่งที่ชื่อ อาเชอร์ แบล็ควอเธอร์ กับดวงจิตของผู้ตายทั้ง 322 ชีวิต ที่ต้องการความยุติธรรมจากการตายโดยไร้ความผิด นั่นเอง
( จบส่วนที่ 1 โดย "ถุงมือจีเนียส" )