ปิดฉากลงไปแล้วแบบ - อ่ะนะ ไหนๆก็ไหนๆ
ยอมรับว่านี่เป็นละครที่หักมุมแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ได้หักมุมในเรื่องราว แต่เป็นการหักมุมในประเด็นหลัก และโทนของเรื่อง ที่เริ่มต้นด้วยการฆาตกรรม สืบสวน สอบสวน แล้วไปๆมาๆไหลไปกลายเป็น family drama
มองย้อนกลับไปแล้วก็กระอักกระอ่วนแทนคุณตำรวจเต้ ปิติศักดิ์และลูกน้อง เพราะผลงานที่ออกมาสู้พี่อี้ไม่ได้
งานของตำรวจในเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ก้าวตามหลังพี่อี้ แต่เป็นการยํ่าอยู่กับที่ ทำงานตามสคริปต์ที่คนเขียนบทละคร (อาจจะลืมนึกไปนะครับ) ว่าได้ปล่อยช่องโหว่ทิ้งไว้มากมาย โดยเฉพาะ การสอบสวนเหม่เหมกับเต้ย ที่วางนํ้าหนักได้ต่างกัน จนทำให้ความน่าเชื่อถือในบทบาทฝั่งตำรวจนี่เป๋ไปเลย
ช่วงตอนที่ 11-14 ที่เหม่เหมโยนความผิดให้เต้ย โดยที่ตำรวจไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเชื่อทุกอย่างที่เธอเล่า ทำให้ละครทั้งเรื่องที่ทำได้ดีมากๆมาตลอด 8-10 ตอน"พัง"ลงมาอย่างช่วยไม่ได้
และมาพังมากขึ้นในฉากในฮ่องกง ที่อี้ได้ set ขึ้นมาเพื่อหาความจริง ฉากนี้ดูแล้วรู้สึกว่า ทั้งคนเขียนบทฯ และผู้กำกับฯ เจตนาทำให้มันโอ่อ่า เลือกเล่นกับมุมกล้องได้หลายๆมุม ทุกอย่างดูเป้ะ เข้าที่เข้าทางเกินเหตุ ดูแล้วรู้สึกว่ามันตั้งใจดราม่าเกินกว่าความเป็นไปได้
น่าสงสารพี่แท่งที่ยอมเล่นฉาก Pier 9 เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คงเป็นไปไม่ได้
การดีไซน์บทฯในครึ่งแรกของละคร ตั้งใจออกแบบให้คนดูคิดถึงฉากฆาตกรรม เจตนา แรงจูงใจ การวางแผน
ที่สำคัญ คือ การหักมุมเรื่องฆาตกร
แต่เมื่อฉากฆาตกรรมที่รอลุ้นกันมานาน เป็นแค่อุบัติเหตุจากความฟูมฟาย
ดูฉากนี้จบแล้ว คนดูก็ต้องบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า "เอาอย่างนี้ เลยเหรอเมิง"

นี่ยังไม่นับอีกบางประเด็น ที่เปิดทิ้งไว้แล้วไม่ได้ตามไปเก็บ
หลังจาก Gourmet เอ้ย กู๋เมธได้ลั่นไกยิงพี่ชายตัวเอง น้องเหม่เหม ก็ได้เปลี่ยนสถานะจากลูกสาวกู๋เมธ ไปเป็นผู้กำกับฯ ละครทั้งเรื่องอยู่ประมาณ 3-4 ตอน เหม่เหมสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในกำมือ ด้วยความฉลาด เขี้ยว บังเอิญ ดวงดี และ อำมหิต
ฉากที่เหม่เหมและพ่อ ใช้ชีวิตแบบชิลชิลในฮ่องกง เที่ยวเล่น กิน street foods พูดถึงอนาคตอันสดใส ฯลฯ ชวนกระอักกระอ่วนจริงๆ
บทละครสรุปลงที่การสารภาพบาป และการให้อภัย แต่สิ่งที่ตัวละครได้กระทำกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง การโกหก โยนความผิด ความรุนแรง การปกป้องคนผิด ความอำมหิต ฯลฯ ทำให้ภาพการยิ้มหัวกันที่โต๊ะอาหารในตอนจบดูโลกสวย fake และเหลือเชื่อเอามากๆ
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง บางครอบครัว ทะเลาะกันด้วยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ยังสามารถตัดญาติขาดมิตรกันได้ง่ายๆ ไม่สามารถกลับมาคุยกันได้อีกเลย
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดอีกอย่างในเรื่อง คือ ความตั้งใจ tie in โฆษณาต่างๆเข้ามาแบบทะเร่อทะร่า รู้สึกถึงความไม่ให้เกียรตินักแสดง และ down grade ละครของตัวเองลงอย่างมาก โดยเฉพาะซีนท้ายเรื่อง ที่เปิดตัวแฟนเตี๋ยวกับอาม่า คนดูรู้สึกว่าเป็นไปเพื่อ Tie in Line TV #กากจริงๆ
ดูแล้วบอกตามตรงครับ ว่า เกรงใจคุณเล็ก ภัทราวดี
หากละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ ก็คงเป็นความสำเร็จที่ทำให้คนดู-อย่างข้าพเจ้า-เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน
5 5 5
อย่างไรก็ตาม มีบางฉากสั้นๆที่ดีไซน์ได้ดี เท่าที่จำได้ คือ ฉากฉีเล่นกีตาร์ และประเสริฐร้องเพลง"ความรักเพรียกหา" / ฉากภัสสรซัดกับคริสในงานศพประเสริฐ / ฉากพีทถามอี้ตรงๆในรถ เรื่องแอบปีนเข้าบ้านตัวเอง / ฉากพีทต่อยกับอี้หลังจากรู้ความจริง
นักแสดงที่เล่นได้ดีมาก คือ พีท / เวกัส / อี้ โดยเฉพาะ 2 คนแรก shine มาก

สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ Score ขอแชร์ให้ฟังกันอีกรอบแล้วกันนะครับ
เลือดข้น คน...เออว่ะ ไหนๆก็ไหนๆ :)
ยอมรับว่านี่เป็นละครที่หักมุมแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ได้หักมุมในเรื่องราว แต่เป็นการหักมุมในประเด็นหลัก และโทนของเรื่อง ที่เริ่มต้นด้วยการฆาตกรรม สืบสวน สอบสวน แล้วไปๆมาๆไหลไปกลายเป็น family drama
มองย้อนกลับไปแล้วก็กระอักกระอ่วนแทนคุณตำรวจเต้ ปิติศักดิ์และลูกน้อง เพราะผลงานที่ออกมาสู้พี่อี้ไม่ได้
งานของตำรวจในเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ก้าวตามหลังพี่อี้ แต่เป็นการยํ่าอยู่กับที่ ทำงานตามสคริปต์ที่คนเขียนบทละคร (อาจจะลืมนึกไปนะครับ) ว่าได้ปล่อยช่องโหว่ทิ้งไว้มากมาย โดยเฉพาะ การสอบสวนเหม่เหมกับเต้ย ที่วางนํ้าหนักได้ต่างกัน จนทำให้ความน่าเชื่อถือในบทบาทฝั่งตำรวจนี่เป๋ไปเลย
ช่วงตอนที่ 11-14 ที่เหม่เหมโยนความผิดให้เต้ย โดยที่ตำรวจไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเชื่อทุกอย่างที่เธอเล่า ทำให้ละครทั้งเรื่องที่ทำได้ดีมากๆมาตลอด 8-10 ตอน"พัง"ลงมาอย่างช่วยไม่ได้
และมาพังมากขึ้นในฉากในฮ่องกง ที่อี้ได้ set ขึ้นมาเพื่อหาความจริง ฉากนี้ดูแล้วรู้สึกว่า ทั้งคนเขียนบทฯ และผู้กำกับฯ เจตนาทำให้มันโอ่อ่า เลือกเล่นกับมุมกล้องได้หลายๆมุม ทุกอย่างดูเป้ะ เข้าที่เข้าทางเกินเหตุ ดูแล้วรู้สึกว่ามันตั้งใจดราม่าเกินกว่าความเป็นไปได้
น่าสงสารพี่แท่งที่ยอมเล่นฉาก Pier 9 เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คงเป็นไปไม่ได้
การดีไซน์บทฯในครึ่งแรกของละคร ตั้งใจออกแบบให้คนดูคิดถึงฉากฆาตกรรม เจตนา แรงจูงใจ การวางแผน
ที่สำคัญ คือ การหักมุมเรื่องฆาตกร
แต่เมื่อฉากฆาตกรรมที่รอลุ้นกันมานาน เป็นแค่อุบัติเหตุจากความฟูมฟาย
ดูฉากนี้จบแล้ว คนดูก็ต้องบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า "เอาอย่างนี้ เลยเหรอเมิง"
นี่ยังไม่นับอีกบางประเด็น ที่เปิดทิ้งไว้แล้วไม่ได้ตามไปเก็บ
หลังจาก Gourmet เอ้ย กู๋เมธได้ลั่นไกยิงพี่ชายตัวเอง น้องเหม่เหม ก็ได้เปลี่ยนสถานะจากลูกสาวกู๋เมธ ไปเป็นผู้กำกับฯ ละครทั้งเรื่องอยู่ประมาณ 3-4 ตอน เหม่เหมสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในกำมือ ด้วยความฉลาด เขี้ยว บังเอิญ ดวงดี และ อำมหิต
ฉากที่เหม่เหมและพ่อ ใช้ชีวิตแบบชิลชิลในฮ่องกง เที่ยวเล่น กิน street foods พูดถึงอนาคตอันสดใส ฯลฯ ชวนกระอักกระอ่วนจริงๆ
บทละครสรุปลงที่การสารภาพบาป และการให้อภัย แต่สิ่งที่ตัวละครได้กระทำกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง การโกหก โยนความผิด ความรุนแรง การปกป้องคนผิด ความอำมหิต ฯลฯ ทำให้ภาพการยิ้มหัวกันที่โต๊ะอาหารในตอนจบดูโลกสวย fake และเหลือเชื่อเอามากๆ
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง บางครอบครัว ทะเลาะกันด้วยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ยังสามารถตัดญาติขาดมิตรกันได้ง่ายๆ ไม่สามารถกลับมาคุยกันได้อีกเลย
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดอีกอย่างในเรื่อง คือ ความตั้งใจ tie in โฆษณาต่างๆเข้ามาแบบทะเร่อทะร่า รู้สึกถึงความไม่ให้เกียรตินักแสดง และ down grade ละครของตัวเองลงอย่างมาก โดยเฉพาะซีนท้ายเรื่อง ที่เปิดตัวแฟนเตี๋ยวกับอาม่า คนดูรู้สึกว่าเป็นไปเพื่อ Tie in Line TV #กากจริงๆ
ดูแล้วบอกตามตรงครับ ว่า เกรงใจคุณเล็ก ภัทราวดี
หากละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ ก็คงเป็นความสำเร็จที่ทำให้คนดู-อย่างข้าพเจ้า-เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน
5 5 5
อย่างไรก็ตาม มีบางฉากสั้นๆที่ดีไซน์ได้ดี เท่าที่จำได้ คือ ฉากฉีเล่นกีตาร์ และประเสริฐร้องเพลง"ความรักเพรียกหา" / ฉากภัสสรซัดกับคริสในงานศพประเสริฐ / ฉากพีทถามอี้ตรงๆในรถ เรื่องแอบปีนเข้าบ้านตัวเอง / ฉากพีทต่อยกับอี้หลังจากรู้ความจริง
นักแสดงที่เล่นได้ดีมาก คือ พีท / เวกัส / อี้ โดยเฉพาะ 2 คนแรก shine มาก
สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ Score ขอแชร์ให้ฟังกันอีกรอบแล้วกันนะครับ