บทที่ 1
https://pantip.com/topic/38250267
ปืนพกมาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อไร เมวินท์รู้สึกถึงความเย็นยะเยียบของเนื้อโลหะในมือ ความตายในความรู้สึก ในขณะหญิงสาวเบื้องหน้ายังคงอ้าปากหัวเราะไม่ยอมหยุด ท่าทางของเธอดูเหมือนว่ากำลังพยายามพัฒนาทักษะในการกวนประสาทของคนอื่นให้มีเลเวลสูงขึ้น ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังล้มละลายกับการควบคุมของตนเอง จะว่าไปก็คงพอ ๆ กัน ระหว่างคนหัวเราะเป้นบ้าเป็นหลัง กับคนกำลังจะมีอาการใกล้บ้า
เขาลุกขึ้น ปืนฉวยโอกาสติดมือขึ้นมาด้วย เล็งเป้าหมายใส่ใบหน้าอย่างไม่ตั้งใจ ที่กำลังหัวเราะร่วน เหมือนคนกำลังจะอัตตวินิบาตกรรมด้วยการหัวเราะ รู้เพียงว่าต้องหยุดเสียงหัวเราะนรกแตกของเธอ มันไร้ผล
ปืนสำลักเสียงกึกก้องหลายนัด
ใบหน้าของฝานฝันสะท้านไหวไปมาตามแรงกระทบของลูกกระสุน ศีรษะฉีกแหว่งออกไปซีกหนึ่ง เลือดและมันสมองผสมผสานในอัตราส่วนงดงาม กระจัดกระจายแต่งแต้มพื้นเป็นภาพดอกเหมย
แต่ริมฝีปากสีแดงสดยังไม่ยอมหยุดยิ้ม
“ที่รัก คุณเป็นไรไปคะ” น้ำเสียงหวานใสไม่รู้สึกรู้สมถึงการโดนยิง “คุณกำลังขับถ่ายอารมณ์แบบไหนออกมาคะ หึง หวง โกรธ แค้น หรือว่า...”
กลัว....เขาเป็นคนกระชากคำตอบนั้นเข้ามาเอง เขากำลังกลัวต่อความผิดปกติเบื้องหน้า จะว่าไปมันเริ่มผิดปกติตั้งแต่เขาบีบคอเจ้าหนุ่มเด็กเสิร์ฟหน้าหล่อจนนัยน์ตาทะลักหลุดออกมาให้ฝานฝันเคี้ยวเล่นเป็นอาหารว่าง ร่างของหญิงสาวเบื้องหน้าถลันลุกพรวดพราดขึ้นอย่างไม่ตาดคิด เขาเองก็สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เซถลาไปด้านหลัง
ลมพัดผ่านเย็นวูบ ภาพเบื้องหน้าพร่าไหวราวผิวน้ำถูกแรงลมพายุพัด
เมวินท์ยืนอยู่ริมถนน ในมือยังถือช่อดอกไม้ ดูเหมือนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่กำลังชะงักค้างท่ามกลางความเคลื่อนไหวรอบด้าน ผู้คนแร่งร้อนเดินผ่านไปมาไม่มีใครสนใจใคร เมื่อตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเริ่มสังเกตพบว่าผู้คนต่างพากันมีส่วนใดส่วนหนึ่งขาดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ บางคนแขนขาหายไปข้างหนึ่ง บางคนใบหน้าเหลือซีกเดียว บางคนเป็นร่างไร้ศีรษะ มองแล้วทำให้ขนลุก แต่พวกเขายังคงเดินไปมาด้วยท่าทางปกติไม่ทุกข์ไม่ร้อน
อะไรที่พวกเขาขาดหายไป โลกทั้งโลกถูกลบง่านอย่างนี้เชียวหรือ ?
ชายหนุ่มยังอยู่ในวังวนของความสับสนไม่เข้าใจ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คืออะไรกันแน่ ฝานฝันอยู่ที่ไหน
ดูเหมือนไม่ต้องให้อยู่กับคำถามวนงงงวยนานเกินไปนัก ฝานฝันเดินตรงเข้ามาอย่างแช่มช้าบนฟุตปาธ เธออยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสดใส ใบหน้าหายไปซีกหนึ่ง ลักษณะของการขาดหายดูเหมือนศีรษะถูกลบหายออกไปมากกว่าจะเพราะแรงกระแทกหรือระเบิดอะไรก็ตาม ไม่ใช่อย่างนั้น
“ฝัน....คุณ...” เอ่ยปากไม่กี่พยางค์ก็ต้องชะงักค้าง รอยยิ้มของหญิงสาวนุ่มนวล ขณะเดินมาก้มดมช่อดอกไม้สวยในมือของเขา เลยเดินผ่านไปราวกับมาสนใจอะไรอีกต่อไป
“ฝัน...” เขาหันหลังกลับ ร้องเรียกตามหลังไปด้วยเสียงสั่นสะท้าน แต่ร่างของเธอหายไปจากสายตาอย่างไม่น่าเชื่อ เมวินท์ยืนชะงักงัน หัวใจเย็นเฉียบ
“คุณอาคะ...” เสียงเรียกใครบางคนทำให้ชายหนุ่มสลัดตัวเองหลุดจากภวังค์ ก้มหน้ามองตามเสียงเรียก
เด็กหญิงอายุ ไม่เกินห้าขวบ ในชุดกระโปรงสีขาว เธอมีแมวสีขาวตัวหนึ่งในอ้อมกอด ทั้งสองกำลังเงยหน้าขึ้นมามอง ทั้งคนทั้งแมวมีสายตาฉงนพอกัน
เมวินท์ ยังมีอาการเหมือนคนที่อาการโรคประสาทกำลังถามหา เด็กผู้หญิงกับแมว ไม่ควรอยู่บนถนนสายนี้...มันไม่ใช่...แต่สุดท้ายเขาเองก็ต้องยอมรับว่าใช่...เพราะตัวเขาเอง ก็อยู่บนถนนสายนี้เหมือนกัน ถ้าในอ้อมอกเขามีช่อดอกไม้ เด็กหญิงก็มีแมว มันต่างกันตรงไหน....
“คุณอา..”
เสียงเรียกอีกครั้ง ชายหนุ่มรวบรวมสติ ก่อนที่ความปกติจะกระเจิดกระเจิงไปเสียก่อน
“หนู..” เสียงของเขาแหบพร่า
“ค่ะ หนูชื่อฝันฝาน”
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก มันจะบ้ากันไปถึงไหน ผู้หญิงที่เพิ่งเดินจากเขาไปอย่างไม่ไยดี คือฝานฝัน แล้วแม่หนูฝันฝาน ทะลึ่งมาได้อย่างไร ไม่ได้บังเอิญมากไปใช่ไหม....แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เด็กน้อยก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงถักเส้นผมเปีย น่ารัก...ธรรมดาคนหนึ่ง รวมทั้งเจ้าแมวตัวนั้นด้วย มือของเด็กหญิง เอื้อมมาจับข้อมือของเขา ข้อมือที่กำลังกุมช่อดอกไม้ และช่อดอกไม้เริ่มมีอาการไหวสั่นเหมือนมีชีวิต หรือกำลังเรียกร้องหาเจ้าของ เหมือนแมว...แมวที่ต้องการเจ้าของ ไม่ใช่แค่แมวที่ต้องการเจ้าของ หัวใจก็ต้องการเจ้าของ และคนดูแล ทันทีที่นึกได้ หางตาคล้ายมีหยดน้ำกลั่นจากหัวใจ บางเบาไหลริน
“ฝันฝาน..” เขาหลุดหล่นเสียงเหมือนละเมอ
“ค่ะ คุณอา หนูชื่อฝันฝาน”
“ทำไม”
“ยังไงมากกว่านะคะ คุณอา” มือของเด็กน้อยกระตุกมือของเขา ราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง
“ทำไม” ชายหนุ่มหลุดคำถามโง่ ๆ คำถามเดิม จะโง่ ก็ขอให้โง่ จนถึงที่สุด เด็กน้อยหัวร่อคิกคัก มือซ้ายกอดแมวในมือแน่น เจ้าเหมียวที่เขาเองยังไม่แน่ใจว่าน้องแมวเป็นเพศไหนกันแน่ ส่งเสียงร้อง เมี้ยว....พลางหันหน้ามามอง เข้าแมวบ้า...เขาคิดในใจ แต่แล้วทันใดนั้น เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
อาคารบ้านเรือน ผู้คนล้วนไม่ธรรมดาอย่างควรจะเป็น เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างก่อเกิดมาจาก ฝีแปรงระบายสีจัดจ้านของฟินเซนต์ ฟัน โคค เหมือนเป็นภาพสองมิติ
“ตูข้า ท่าจะบ้า...” เขาเริ่มสงสัยความคิดของตัวเอง เริ่มยิ้มและหัวเราะ จนตกใจกับพฤติกรรมของตัวเอง เวร...หรือข้าจะบ้าจริง ๆ บ้าก็บ้าวะ.. ความคิดออกขบขัน แต่รอยยิ้มเปี้อนร่องรอยโศกสลด
อยากจะบ้าตาย...นึกแล้วก็ต้องหัวเราะอีกครั้ง
ใครบ้างในโลกนี้บ้าจนตายทั้งเป็น
หัวศรีษะมันแกว เพราะยังมีอะไรมากมายจะขบคิดให้บ้าไปมากกว่านั้น
“ฝานฝัน...” ชายหนุ่มถักร้อยความคิดตัวเองออกมาเป็นคำพูด อย่างไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็น พยายามขืนตัวออกจากมือน้อย ๆ ของเด็กหญิง
"คุณอาเป็นคนดื้อ” เด็กหญิงพูดเสียงเรียบ “ตามหนูมาสิคะ”
เอาละสิ นังหนูคนนี้เป็นใครกัน.. “หนูจะพาอาไปไหน”
“ไม่ได้พาไปไหนเลย คุณอาคะ เรากำลังอยู่ในลืมของความทรงจำที่ถูกลืม หรือถูกเขี่ย ถูกลบทิ้งไป”
เมวินท์ตะลึง โลกของความทรงจำที่ถูกลืม มันบ้าชัด ๆ ความทรงจำอย่างมากก็เป็นได้เพียงความคิด ไม่มีตัวตน ไม่มีอนุภาค ไม่มีขนาด หรือมวลสาร มันจะจักรวาลของตัวเองได้อย่างไร ต่อให้บ้ากว่านี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
บ้าเหรอ....
ทันที ที่ความคิดนี้ผลุดขึ้นมา เขาก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ โลกของความทรงจำที่ถูกลบ คงไม่ต่างจากโลกของความบ้า..ความบ้าที่ไร้ขอบเขต แม้ว่าขอบเขตนั้น สนิทชิดแนบกับคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ก็ตาม มีอะไรบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ
ช่างหัวเถอะ...ฝานฝันอยู่ที่ไหน” เขาแผ่วคราง คิดใครบางคนที่ทรยศ แต่ทำไมยังคิดถึงอยู่ พอคำพูดหล่นออกไป ก็อยากให้หัวใจตนเองหล่นตามไปด้วยเพื่อจะได้เหยียบขยี้ ให้แหลกยับไปกับฝ่ามือฝ่าเท้า
ใ จเจ้ากรรมไม่น่าถลำไปรักคนผิด
ทั้งที่รู้ฉันไม่มีสิทธิ์ใฝ่คิดรักเขาทำไม
สิ้นสุดกันทีไม่มีเยื่อใย
ถึงรักเขาหมดหัวใจก็จะไม่ขอแย่งใครมาครอง
ฃายหนุ่มสะดุ้งเมื่อพบว่าตัวเองกำลังครวญเพลง ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ให้ตายสิ คนเราถ้าจะบ้า ไม่มีการส่งสัญญาณเตือนกันหรืออย่างไร ความจริง ความบ้า ความลวง อะไรกันแน่ ที่กำลังเล่นงาน
เด็กหญิงเหมือนจะรับรู้ความสับสนในใจของอีกฝ่าย เธอผละมือจากกันเกาะกุม วิ่งห่างออกไปห้าหกก้าว ก่อนหันมายิ้ม แมวในอ้อมกอดทำสีหน้าท่าทางยิ้มไปด้วย
“ค้นหาตัวเองให้เจอนะคะ”
เมวินท์ฟังแล้วแทบปล่อยช่อดอกไม้ในมือทิ้ง แต่นี่หัวใจของเขา ที่ตั้งใจจะมอบให้แด่เธอ คนแสนรัก และกับเพื่อนที่แสนดี ให้ตายเถอะ มันเกิดเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้อย่างไร คนนะเฟ้ย...ไม่ใช่แมว !
ฝานฝัน ยังคงนั่งรออยู่ในร้านอาหาร เขามองเห็นเธอตั้งแต่อยู่ประตูทางเข้า ใช้เท้าผลักประตูเข้าไปอย่างมีอารมณ์ พอเห็นสภาพในร้าน ก็หัวเราะเสียงดัง
ฝานฝันนั่งรอเขาในร้าน อย่างที่คิดไว้จริง ๆ
โปรดติดตามบทต่อไป เด้อ
ขอบคุณมิตรรักแฟนเพลง รักกันน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ^^
คุณ turtle_cheesecake , คุณ kasareev , คุณ นลินมณี , คุณ Na(นะ) , คุณ เด็กหญิงเจ้ย , คุณ ลุงแผน , คุณ Lady Star 919, คุณ ลายลิขิต , คุณ maesriruen , คุณ KTHc และท่าน ๆ ที่แวะเวียนมา มิได้เอ่ยนาม




รัก ลวง แค้น 2/2
https://pantip.com/topic/38250267
ปืนพกมาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อไร เมวินท์รู้สึกถึงความเย็นยะเยียบของเนื้อโลหะในมือ ความตายในความรู้สึก ในขณะหญิงสาวเบื้องหน้ายังคงอ้าปากหัวเราะไม่ยอมหยุด ท่าทางของเธอดูเหมือนว่ากำลังพยายามพัฒนาทักษะในการกวนประสาทของคนอื่นให้มีเลเวลสูงขึ้น ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังล้มละลายกับการควบคุมของตนเอง จะว่าไปก็คงพอ ๆ กัน ระหว่างคนหัวเราะเป้นบ้าเป็นหลัง กับคนกำลังจะมีอาการใกล้บ้า
เขาลุกขึ้น ปืนฉวยโอกาสติดมือขึ้นมาด้วย เล็งเป้าหมายใส่ใบหน้าอย่างไม่ตั้งใจ ที่กำลังหัวเราะร่วน เหมือนคนกำลังจะอัตตวินิบาตกรรมด้วยการหัวเราะ รู้เพียงว่าต้องหยุดเสียงหัวเราะนรกแตกของเธอ มันไร้ผล
ปืนสำลักเสียงกึกก้องหลายนัด
ใบหน้าของฝานฝันสะท้านไหวไปมาตามแรงกระทบของลูกกระสุน ศีรษะฉีกแหว่งออกไปซีกหนึ่ง เลือดและมันสมองผสมผสานในอัตราส่วนงดงาม กระจัดกระจายแต่งแต้มพื้นเป็นภาพดอกเหมย
แต่ริมฝีปากสีแดงสดยังไม่ยอมหยุดยิ้ม
“ที่รัก คุณเป็นไรไปคะ” น้ำเสียงหวานใสไม่รู้สึกรู้สมถึงการโดนยิง “คุณกำลังขับถ่ายอารมณ์แบบไหนออกมาคะ หึง หวง โกรธ แค้น หรือว่า...”
กลัว....เขาเป็นคนกระชากคำตอบนั้นเข้ามาเอง เขากำลังกลัวต่อความผิดปกติเบื้องหน้า จะว่าไปมันเริ่มผิดปกติตั้งแต่เขาบีบคอเจ้าหนุ่มเด็กเสิร์ฟหน้าหล่อจนนัยน์ตาทะลักหลุดออกมาให้ฝานฝันเคี้ยวเล่นเป็นอาหารว่าง ร่างของหญิงสาวเบื้องหน้าถลันลุกพรวดพราดขึ้นอย่างไม่ตาดคิด เขาเองก็สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เซถลาไปด้านหลัง
ลมพัดผ่านเย็นวูบ ภาพเบื้องหน้าพร่าไหวราวผิวน้ำถูกแรงลมพายุพัด
เมวินท์ยืนอยู่ริมถนน ในมือยังถือช่อดอกไม้ ดูเหมือนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่กำลังชะงักค้างท่ามกลางความเคลื่อนไหวรอบด้าน ผู้คนแร่งร้อนเดินผ่านไปมาไม่มีใครสนใจใคร เมื่อตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเริ่มสังเกตพบว่าผู้คนต่างพากันมีส่วนใดส่วนหนึ่งขาดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ บางคนแขนขาหายไปข้างหนึ่ง บางคนใบหน้าเหลือซีกเดียว บางคนเป็นร่างไร้ศีรษะ มองแล้วทำให้ขนลุก แต่พวกเขายังคงเดินไปมาด้วยท่าทางปกติไม่ทุกข์ไม่ร้อน
อะไรที่พวกเขาขาดหายไป โลกทั้งโลกถูกลบง่านอย่างนี้เชียวหรือ ?
ชายหนุ่มยังอยู่ในวังวนของความสับสนไม่เข้าใจ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คืออะไรกันแน่ ฝานฝันอยู่ที่ไหน
ดูเหมือนไม่ต้องให้อยู่กับคำถามวนงงงวยนานเกินไปนัก ฝานฝันเดินตรงเข้ามาอย่างแช่มช้าบนฟุตปาธ เธออยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสดใส ใบหน้าหายไปซีกหนึ่ง ลักษณะของการขาดหายดูเหมือนศีรษะถูกลบหายออกไปมากกว่าจะเพราะแรงกระแทกหรือระเบิดอะไรก็ตาม ไม่ใช่อย่างนั้น
“ฝัน....คุณ...” เอ่ยปากไม่กี่พยางค์ก็ต้องชะงักค้าง รอยยิ้มของหญิงสาวนุ่มนวล ขณะเดินมาก้มดมช่อดอกไม้สวยในมือของเขา เลยเดินผ่านไปราวกับมาสนใจอะไรอีกต่อไป
“ฝัน...” เขาหันหลังกลับ ร้องเรียกตามหลังไปด้วยเสียงสั่นสะท้าน แต่ร่างของเธอหายไปจากสายตาอย่างไม่น่าเชื่อ เมวินท์ยืนชะงักงัน หัวใจเย็นเฉียบ
“คุณอาคะ...” เสียงเรียกใครบางคนทำให้ชายหนุ่มสลัดตัวเองหลุดจากภวังค์ ก้มหน้ามองตามเสียงเรียก
เด็กหญิงอายุ ไม่เกินห้าขวบ ในชุดกระโปรงสีขาว เธอมีแมวสีขาวตัวหนึ่งในอ้อมกอด ทั้งสองกำลังเงยหน้าขึ้นมามอง ทั้งคนทั้งแมวมีสายตาฉงนพอกัน
เมวินท์ ยังมีอาการเหมือนคนที่อาการโรคประสาทกำลังถามหา เด็กผู้หญิงกับแมว ไม่ควรอยู่บนถนนสายนี้...มันไม่ใช่...แต่สุดท้ายเขาเองก็ต้องยอมรับว่าใช่...เพราะตัวเขาเอง ก็อยู่บนถนนสายนี้เหมือนกัน ถ้าในอ้อมอกเขามีช่อดอกไม้ เด็กหญิงก็มีแมว มันต่างกันตรงไหน....
“คุณอา..”
เสียงเรียกอีกครั้ง ชายหนุ่มรวบรวมสติ ก่อนที่ความปกติจะกระเจิดกระเจิงไปเสียก่อน
“หนู..” เสียงของเขาแหบพร่า
“ค่ะ หนูชื่อฝันฝาน”
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก มันจะบ้ากันไปถึงไหน ผู้หญิงที่เพิ่งเดินจากเขาไปอย่างไม่ไยดี คือฝานฝัน แล้วแม่หนูฝันฝาน ทะลึ่งมาได้อย่างไร ไม่ได้บังเอิญมากไปใช่ไหม....แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เด็กน้อยก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงถักเส้นผมเปีย น่ารัก...ธรรมดาคนหนึ่ง รวมทั้งเจ้าแมวตัวนั้นด้วย มือของเด็กหญิง เอื้อมมาจับข้อมือของเขา ข้อมือที่กำลังกุมช่อดอกไม้ และช่อดอกไม้เริ่มมีอาการไหวสั่นเหมือนมีชีวิต หรือกำลังเรียกร้องหาเจ้าของ เหมือนแมว...แมวที่ต้องการเจ้าของ ไม่ใช่แค่แมวที่ต้องการเจ้าของ หัวใจก็ต้องการเจ้าของ และคนดูแล ทันทีที่นึกได้ หางตาคล้ายมีหยดน้ำกลั่นจากหัวใจ บางเบาไหลริน
“ฝันฝาน..” เขาหลุดหล่นเสียงเหมือนละเมอ
“ค่ะ คุณอา หนูชื่อฝันฝาน”
“ทำไม”
“ยังไงมากกว่านะคะ คุณอา” มือของเด็กน้อยกระตุกมือของเขา ราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง
“ทำไม” ชายหนุ่มหลุดคำถามโง่ ๆ คำถามเดิม จะโง่ ก็ขอให้โง่ จนถึงที่สุด เด็กน้อยหัวร่อคิกคัก มือซ้ายกอดแมวในมือแน่น เจ้าเหมียวที่เขาเองยังไม่แน่ใจว่าน้องแมวเป็นเพศไหนกันแน่ ส่งเสียงร้อง เมี้ยว....พลางหันหน้ามามอง เข้าแมวบ้า...เขาคิดในใจ แต่แล้วทันใดนั้น เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
อาคารบ้านเรือน ผู้คนล้วนไม่ธรรมดาอย่างควรจะเป็น เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างก่อเกิดมาจาก ฝีแปรงระบายสีจัดจ้านของฟินเซนต์ ฟัน โคค เหมือนเป็นภาพสองมิติ
“ตูข้า ท่าจะบ้า...” เขาเริ่มสงสัยความคิดของตัวเอง เริ่มยิ้มและหัวเราะ จนตกใจกับพฤติกรรมของตัวเอง เวร...หรือข้าจะบ้าจริง ๆ บ้าก็บ้าวะ.. ความคิดออกขบขัน แต่รอยยิ้มเปี้อนร่องรอยโศกสลด
อยากจะบ้าตาย...นึกแล้วก็ต้องหัวเราะอีกครั้ง
ใครบ้างในโลกนี้บ้าจนตายทั้งเป็น
หัวศรีษะมันแกว เพราะยังมีอะไรมากมายจะขบคิดให้บ้าไปมากกว่านั้น
“ฝานฝัน...” ชายหนุ่มถักร้อยความคิดตัวเองออกมาเป็นคำพูด อย่างไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็น พยายามขืนตัวออกจากมือน้อย ๆ ของเด็กหญิง
"คุณอาเป็นคนดื้อ” เด็กหญิงพูดเสียงเรียบ “ตามหนูมาสิคะ”
เอาละสิ นังหนูคนนี้เป็นใครกัน.. “หนูจะพาอาไปไหน”
“ไม่ได้พาไปไหนเลย คุณอาคะ เรากำลังอยู่ในลืมของความทรงจำที่ถูกลืม หรือถูกเขี่ย ถูกลบทิ้งไป”
เมวินท์ตะลึง โลกของความทรงจำที่ถูกลืม มันบ้าชัด ๆ ความทรงจำอย่างมากก็เป็นได้เพียงความคิด ไม่มีตัวตน ไม่มีอนุภาค ไม่มีขนาด หรือมวลสาร มันจะจักรวาลของตัวเองได้อย่างไร ต่อให้บ้ากว่านี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
บ้าเหรอ....
ทันที ที่ความคิดนี้ผลุดขึ้นมา เขาก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ โลกของความทรงจำที่ถูกลบ คงไม่ต่างจากโลกของความบ้า..ความบ้าที่ไร้ขอบเขต แม้ว่าขอบเขตนั้น สนิทชิดแนบกับคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ก็ตาม มีอะไรบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ
ช่างหัวเถอะ...ฝานฝันอยู่ที่ไหน” เขาแผ่วคราง คิดใครบางคนที่ทรยศ แต่ทำไมยังคิดถึงอยู่ พอคำพูดหล่นออกไป ก็อยากให้หัวใจตนเองหล่นตามไปด้วยเพื่อจะได้เหยียบขยี้ ให้แหลกยับไปกับฝ่ามือฝ่าเท้า
ใ จเจ้ากรรมไม่น่าถลำไปรักคนผิด
ทั้งที่รู้ฉันไม่มีสิทธิ์ใฝ่คิดรักเขาทำไม
สิ้นสุดกันทีไม่มีเยื่อใย
ถึงรักเขาหมดหัวใจก็จะไม่ขอแย่งใครมาครอง
ฃายหนุ่มสะดุ้งเมื่อพบว่าตัวเองกำลังครวญเพลง ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ให้ตายสิ คนเราถ้าจะบ้า ไม่มีการส่งสัญญาณเตือนกันหรืออย่างไร ความจริง ความบ้า ความลวง อะไรกันแน่ ที่กำลังเล่นงาน
เด็กหญิงเหมือนจะรับรู้ความสับสนในใจของอีกฝ่าย เธอผละมือจากกันเกาะกุม วิ่งห่างออกไปห้าหกก้าว ก่อนหันมายิ้ม แมวในอ้อมกอดทำสีหน้าท่าทางยิ้มไปด้วย
“ค้นหาตัวเองให้เจอนะคะ”
เมวินท์ฟังแล้วแทบปล่อยช่อดอกไม้ในมือทิ้ง แต่นี่หัวใจของเขา ที่ตั้งใจจะมอบให้แด่เธอ คนแสนรัก และกับเพื่อนที่แสนดี ให้ตายเถอะ มันเกิดเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้อย่างไร คนนะเฟ้ย...ไม่ใช่แมว !
ฝานฝัน ยังคงนั่งรออยู่ในร้านอาหาร เขามองเห็นเธอตั้งแต่อยู่ประตูทางเข้า ใช้เท้าผลักประตูเข้าไปอย่างมีอารมณ์ พอเห็นสภาพในร้าน ก็หัวเราะเสียงดัง
ฝานฝันนั่งรอเขาในร้าน อย่างที่คิดไว้จริง ๆ
โปรดติดตามบทต่อไป เด้อ
ขอบคุณมิตรรักแฟนเพลง รักกันน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ^^
คุณ turtle_cheesecake , คุณ kasareev , คุณ นลินมณี , คุณ Na(นะ) , คุณ เด็กหญิงเจ้ย , คุณ ลุงแผน , คุณ Lady Star 919, คุณ ลายลิขิต , คุณ maesriruen , คุณ KTHc และท่าน ๆ ที่แวะเวียนมา มิได้เอ่ยนาม