เห็นว่า น่าสนใจดี จึงนำมานำเสนอครับ
จากเพจ Soraj Hongladarom ของ ศาสตราจารย์โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์
นักวิชาการด้านปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไปๆมาๆสังคมเริ่มถกเถียงอะไรที่ซ้บซ้อนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเชิงมโนทัศน์มากขึ้น เช่น
ปัญหาว่า พลเมืองคนหนึ่งมีสิทธิไปสนับสนุนรัฐประหารได้หรือไม่
ผมตีความว่า
คำถามนี้เท่ากับถามว่า พลเมืองคนหนึ่งมีสิทธิใช้เสรีภาพตัวเอง เพื่อดำเนินการไม่ให้เกิดเสรีภาพในรัฐได้หรือไม่
ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่ได้
เพราะว่า "การใช้เสรีภาพ" ดังกล่าว "เป็นการใช้เสรีภาพเพื่อทำลายฐานรากของการมีเสรีภาพที่เขาเองกำลังใช้อยู่" นั่นเอง
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ "เป็นการใช้เสรีภาพเพื่อให้เกิดสภาวะที่ตัวเองนั้นเองจะไร้เสรีภาพในท้ายที่สุด"
เราต้องไม่ลืมว่า การทำลายฐานรากนี้เท่ากับว่าในท้ายที่สุดถ้าทำลายได้
จะไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวผู้ทำลายเท่านั้นที่จะถูกทำลายเสรีภาพ แต่เป็นคนอื่นๆด้วย
เพราะการทำแบบนี้ก็คือ "การไปสนับสนุนรัฐประหาร เป็นการให้ความถูกต้องชอบธรรมแก่รัฐประหาร" นั่นเองครับ
เพราะ "การมีรัฐประหาร" คือ "การทำลายระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้หลักประกันสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน"
ด้วยเหตุนี้ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ
ซึ่งมีผู้แทนไทยนำโดยหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เป็นผู้ลงนาม จึงมีในมาตราสุดท้าย คือมาตรา 30 ว่า
Nothing in this Declaration may be interpreted as implying for any State, group or person any right to engage in any activity or to perform any act aimed at the destruction of any of the rights and freedoms set forth herein.
แปลว่า "ไม่มีบทบัญญัติใดในปฏิญญาฉบับนี้ที่จะตีความไปได้ว่า มีนัยยะว่ารัฐใด หรือกลุ่มใดหรือปัจเจกชนใด จะมีสิทธิในการมีส่วนร่วมในการใดๆ หรือทำการใดๆที่มุ่งทำลายสิทธิหรือเสรีภาพข้อใดข้อหนึ่งที่บัญญัติไว้ในปฏิญญานี้"
จบครับ
JJNY : ศาสตราจารย์โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ กับประเด็น "สิทธิใช้เสรีภาพตัวเอง เพื่อดำเนินการไม่ให้เกิดเสรีภาพในรัฐ"
จากเพจ Soraj Hongladarom ของ ศาสตราจารย์โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์
นักวิชาการด้านปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไปๆมาๆสังคมเริ่มถกเถียงอะไรที่ซ้บซ้อนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเชิงมโนทัศน์มากขึ้น เช่น
ปัญหาว่า พลเมืองคนหนึ่งมีสิทธิไปสนับสนุนรัฐประหารได้หรือไม่
ผมตีความว่า
คำถามนี้เท่ากับถามว่า พลเมืองคนหนึ่งมีสิทธิใช้เสรีภาพตัวเอง เพื่อดำเนินการไม่ให้เกิดเสรีภาพในรัฐได้หรือไม่
ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่ได้
เพราะว่า "การใช้เสรีภาพ" ดังกล่าว "เป็นการใช้เสรีภาพเพื่อทำลายฐานรากของการมีเสรีภาพที่เขาเองกำลังใช้อยู่" นั่นเอง
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ "เป็นการใช้เสรีภาพเพื่อให้เกิดสภาวะที่ตัวเองนั้นเองจะไร้เสรีภาพในท้ายที่สุด"
เราต้องไม่ลืมว่า การทำลายฐานรากนี้เท่ากับว่าในท้ายที่สุดถ้าทำลายได้
จะไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวผู้ทำลายเท่านั้นที่จะถูกทำลายเสรีภาพ แต่เป็นคนอื่นๆด้วย
เพราะการทำแบบนี้ก็คือ "การไปสนับสนุนรัฐประหาร เป็นการให้ความถูกต้องชอบธรรมแก่รัฐประหาร" นั่นเองครับ
เพราะ "การมีรัฐประหาร" คือ "การทำลายระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้หลักประกันสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน"
ด้วยเหตุนี้ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ
ซึ่งมีผู้แทนไทยนำโดยหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เป็นผู้ลงนาม จึงมีในมาตราสุดท้าย คือมาตรา 30 ว่า
Nothing in this Declaration may be interpreted as implying for any State, group or person any right to engage in any activity or to perform any act aimed at the destruction of any of the rights and freedoms set forth herein.
แปลว่า "ไม่มีบทบัญญัติใดในปฏิญญาฉบับนี้ที่จะตีความไปได้ว่า มีนัยยะว่ารัฐใด หรือกลุ่มใดหรือปัจเจกชนใด จะมีสิทธิในการมีส่วนร่วมในการใดๆ หรือทำการใดๆที่มุ่งทำลายสิทธิหรือเสรีภาพข้อใดข้อหนึ่งที่บัญญัติไว้ในปฏิญญานี้"
จบครับ