รีวิว เที่ยวเกาหลีคนเดียว ครั้งแรก 7 วัน 6 คืน 16-22 ตุลาคม 2561 (Seoul Fashion Week 2018 )

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการเที่ยวเกาหลีใต้ เพียงคนเดียว ในระยะเวลา 7 วัน ครั้งแรก ของผมให้เพื่อนๆดูกันครับ
ครั้งนี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมด้วย ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ถ้าพิมพ์ให้งงๆบ้างนะครับ ^^




เรามาเริ่มกันเลยครับ Let's Go!!!!!

การเตรียมตัวของผมก่อนไปเกาหลีครั้งแรก
ย้ำ! ครั้งแรก ผมอาจจะกังวลเรื่องของเอกสารค่อนข้างเยอะครับ สิ่งที่ผมเตรียมไปมีดังนี้ครับ

1.กระเป๋าเป้ จัดประมาณนี้ครับ
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- พาสปอร์ต (Passport)
- เอกสารผ่านตม. ขาเข้า
- แพลนเที่ยว (ทำตามใจตัวเอง)
- เอกสารยืนยันตัวตนว่ามีงานทำ มาเที่ยว ไม่ได้เป็นผีน้อยนะจ๊ะ
- เงินสกุลวอน ₩
- บัตรเครดิต VISA / Mastercard (ถ้ามี)
- อุปกรณ์จิปาถะ เช่น แปรงสีฟัน,ยาสีฟัน,ครีมบำรุงผิวหน้าอันบอบบาง,น้ำยาบ้วนปาก,ยาแก้เมา จัดใส่ถุงซิบล็อคให้มิดชิด ขนาดต้องไม่เกินชิ้นละ 100 ml. นะครับ
- ขาดไม่ได้เลยคือ Sim2Fly / Power Bank
- กระเป๋าเดินทาง ได้ฟรีขาไป 15 กิโล ชั่งได้ 7 โล เสียดายยย ขากลับซื้อเพิ่ม 20โลครับ

การจัดกระเป๋าผมมีประมาณนี้นะครับ
#เด้วขาดไรจะมาอัพเดทเพิ่มนะครับ พิมพ์ไปคิดไป 555

ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปสนามบินกันเลยครับ ฟิ้ววววว •~~~~

✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈

DAY 1 : ออกเดินทาง
การเดินทางของผมจะใช้รถไฟฟ้า Airport Real Link จากสถานี พญาไท มุ่งหน้าไปที่ สถานีสนามบินสุวรรณภูมิครับ

Cr.https://www.flickr.com/photos/newdavich/4922124343




https://th.m.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Suvarnabhumi_ARL_Station_02.jpg

พอถึงสนามบินแล้ว ก็หิวสิครับยังไม่ได้กินอะไรมาเลย เค้าบอกมาว่าที่นี่มาศูนย์อาหารคาราไม่แพงเลยเดินหาเลยครับ จำชื่อไว้นะ "Magic Food Point"




ราคาอาหารที่นี่จะเริ่มต้นที่ประมาณ 50 บาท
วิธีการซื้ออาหารที่นี่ เหมือนฟู๊ดคอร์ตทั่วไปเลยครับ
แลกเงินจะได้เป็นบัตรแทนจำนวนเงินเพื่อจ่ายให้กับพ่อค้า ปล.ในนี้เสียงจะดังมากเพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเจอแต่คนจีนเสียงดัง ลำไยเวอร์ อุ๊ย อินเนอร์มาแรงเกิน 5555

เม้าท์เยอะไปแล้ว เมื่อไหร่จะบินซะที อิ่มแล้วไปเช็คอินกัน ไปกันเลยครับ

ตอนนี้ผมได้เช็คอินเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ




การเดินทางในครั้งนี้ ผมใช้บริการของสายการบิน Jeju Air สายการบิน Low Cost ชื่อดังของเกาหลีใต้ครับ ขาไป เค้าให้ฟรีน้ำหนักกระเป๋า 15 กิโล เพื่อโหลดลงใต้เครื่อง แต่ผมดันใส่มาได้ 7กิโล เสียดายจังเลย TT

หลังจากที่เราเช็คอินเรียบร้อยแล้ว
จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจเครื่องแต่งกาย อาวุธ ของมีคม ของเหลวที่นำขึ้นเครื่อง ฯลฯ
รวมๆแล้ว ผ่านฉลุยครับ

และเราก็ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองขาออก (ตม.)
เรียบร้อย
จากนั้นก็ไปรอขึ้นเครื่องตอน 1:35 น. (เวลาไทย) ครับ




ตอนนี้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ พร้อมลุยแล้ว



แอร์สายการบินนี้สวยๆทั้งนั้นเลย หนุ่มๆก็หล่อ >< เขิน 555555

พร้อมบินแล้วครับ Go !!!! ✈ อีก 5 ชั่วโมงเจอกันที่ สนามบิน Incheon นะครับ ขอตัวนอนก่อนแฮร่ๆ
💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤💤


DAY 1
ถึงแล้ว Incheon เราลงกันที่ Terminal 2 ครับ^^
อุณหภูมิเช้านี้ 6 องศาครับ เย็นจุงเบย



ลงเครื่องละเดินต่อไปเรื่อยๆ



จะเจอทางเดินยาวๆแบบนี้ครับ



เราบินมาถึงที่นี่ตรงเวลาเป๊ะๆครับ เวลาที่เกาหลีใต้จะไวกว่าประเทศไทย ประมาณ 2 ชั่วโมงนะครับ ^^


หลังจากนั้นเดินลงบันใดเลื่อนมาเรื่อยๆ จะเจอรถไฟที่วิ่งวนไปวนมา ทุกๆ 5 นาที เพื่อรับผู้โดยสารจาก Terminal 2 ไปยัง Terminal 1 เพื่อไปจุดของ ตม. ครับ





และแล้วเราก็มาถึงจุดที่คนไทย กลัวที่สุด(หรือเปล่า) นั่นคือ ตม. เกาหลีนั่นเองครับ ซึ่งจุดนี้บอกไว้ก่อนนะครับว่าห้ามถ่ายรูป และห้ามบันทึกวิดีโอเด็ดขาดครับ หากผิดพลาดตรงไหนแจ้งลบได้ครับ

หลังจากนี้ไปจะเป็นความรู้ ช่วงที่ยืนต่อแถวรอครับ
ผมเข้าต่อแถวช่องหมายเลข 9 ซึ่ง ตม. เป็นผู้หญิงครับ ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าดุครับ

พอถึงคิวที่ผมต้องเข้าไปหน้าเค้าเตอร์
พร้อมยื่นพาสปอร์ต + ตั๋วขาไป และใบผ่านตม.เกาหลีครับ ช่วงที่ยืนรอก็มีตื่นเต้นบ้างครับ เน้นย้ำ !การที่มาเกาหลีใต้ ครั้งแรกและมาคนเดียว มีโอกาสติดตม. สูงมาก เพราะตม. ที่นี่ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมากๆครับในเรื่องนี้  สุดท้ายผมก็ผ่านมาได้ด้วยดี พี่ตม. ไม่ถามผมสักคำเลยครับ เดินผ่านแบบงงๆ ภายใน 2 นาที
ก่อนจะผ่านเข้าไป พี่ตม. ก็บอกแค่ว่า ให้ยิ้ม และให้แตะนิ้วที่เครื่องบันทึกลายนิ้วมือ
และพูดว่า Welcome to Korea ^^
เราก็ตอบไปว่า แต๊งกิ้ว คัมซาฮัมนิดา
พร้อมโปรยยิ้มให้แบบ มิสไทยแลนด์ 55555

### อ้อ ผมลืมบอกครับ เกี่ยวกับระหว่างทางที่บินมา แอร์และสจ๊วต จะเดินแจกใบเอกสารเข้าเมือง ในผ่านศุลกากร และจะแจกปากกาให้เขียนคนละ 1 แท่งครับ จุดนี้ต้องใจแข็ง และห้ามช่วยเหลือใครนะครับ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันก็ตาม เพราะด้วยความมีน้ำใจของเรา มันเสี่ยงต่อการติดตม. และอาจจะโดนเหมารวมว่าเป็น "ผีน้อย"ได้

แต่เรามาแบบบริสุทธิ์ใจ ยังไงก็ผ่านครับ เค้าดูออกว่าใครมาเที่ยว หรือหนีมาทำงานครับเดี๋ยวผมจะทิ้งตัวอย่างไว้ล่างข้อความนี้นะครับ ... ###




ภาพเล็กไปหน่อย แต่ก็มีตัวอักษรบอกแนวทางอยู่นะครับ

พอผ่านตม. เข้ามาแล้ว ก็มาเอากระเป๋าตามสายพานที่ไหลมาเรื่อยๆ ครับพร้อมลุยละครับ

การเดินทางเข้า Seoul ผมใช้วิธีการเดินทางโดยใช้รถไฟ Arex ขึ้นจาก Terminal 1 มุ่งหน้าไปยังสถานี รถไฟใต้ดิน Sinchon ออกประตูหมายเลข 1
ค่าเดินทาง ทั้งหมด ประมาณ 4900 ₩ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 140 บาท ถูกผิด อย่าว่ากันเน้อ ^^


ในภาพ คือมันสิ้นสุดที่ Hongik แต่จริงๆแล้วเราต้อง Transfer รถไฟมาที่ Line2 สายสีเขียวมาที่ Sinchon อีกทีครับ

ตอนนี้มาถึงที่พักแล้ว เอาของลงที่ห้องละร่างกายก็เริ่มอ่อนเพลียครับ พักผ่อนอยู่ 2 ชั่วโมง ร่างกายมันเริ่มหิว อุณหภูมิ ช่วงที่ผมไป กลางวันจะอยู่ที่ 15-17 องศาครับ เย็นสบายๆ

นี่คือที่พักของผมครับ

29, Sinchon-ro 3ga-gil, Seodaemun-gu, ซอแดมุน, 03785 โซล, เกาหลีใต้

ราคาไม่แพง พนักงานเป็นกันเองมากๆครับ หล่อด้วย เพราะจะเอาเงินไปเที่ยวมากกว่าพักห้องแพงๆด้วยหละเลยเลือกที่นี่ครับ 5555
สำหรับ DAY 1 ไม่มีอะไรมากครับยังไม่ได้ไปเที่ยวไหน เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ พร้อมเก็บตก ในช่วง DAY 2 ให้ดูนะครับ

●●● ปล. สงสัยตรงไหน สอบถามได้ครับเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้ผมช่วยได้ไม่มากก็น้อยครับ ^^ ●●●
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่