Suspiria (Luca Guadagnino, 2018) คะแนน B+

"โหยหา หลอกหลอน หวาดผวา" ตลอดระยะเวลาที่ได้รับชม 'Suspiria' ของผู้กำกับ 'ลูกา กวาดาญีโน' งานรีเมคหนังสยองขวัญ ปี 1977 ด้วยความยาว 152 นาที เต็มไปด้วยคำถามให้ครุ่นคิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องคืออะไรกันแน่ อะไรที่เกิดขึ้นภายในคณะนักเต้นแห่งนี้ สัญลักษณ์ต่างๆที่หนังสอดแทรกต้องการสื่อสารอะไร สิ่งต่างๆภายในเรื่องเต็มไปด้วยคำถาม และอาศัยการแสดงท่าทางลีลาประกอบท่าเต้นที่แสดงสภาวะทางอารมณ์ที่น่าฉงนสนเท่ห์ ความงุนงงหรือกระทั้งความสับสน ที่มาที่ไป และการรังสรรค์ปรากฏการณ์แปลกประหลาดชวนหลอกหลอน ทั้งหมดล้วนมีเสน่ห์และพาให้เรารู้สึกตกอยู่ในภวังค์ของการแสดงโชว์อะไรสักอย่างที่สุดแสนพิลึกพิลั่น ไม่เคยประสบหรือเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน บรรยากาศของหนังชวนหลอนและเขย่าประสาทตลอดเวลา ฉากหลังที่หนังเลือกใช้คือ กรุงเบอร์ลิน ยุคที่กำแพงเบอร์ลินยังไม่ถูกทำลาย ยังสะท้อนภาวะทางสงคราม ภายใต้ความหนาวเหน็บ ที่เยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความโหดร้ายของสงครามที่เหลือทิ้งไว้เพียงเศษซากความเศร้าหมอง และความโหยหาอดีต จนไปถึงความสำนึกต่อการกระทำในเวลาเดียวกัน หนังมีตัวละครที่แสวงหาหรือโหยหาอดีต ตามหาคนรักที่ต้องพลัดพรากจากกันไปด้วยสงคราม ความโหยหา การตามหา และจากลา นำพามาซึ่งเรื่องราวที่ชวนลึกลับ ลัทธิบูชาบ้าคลั่ง

หนังใช้เรื่องราวตำนานพระแม่สามองค์ และแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 6 องก์ โดยสอดแทรกเรื่องราวของพระแม่ทั้งสามเอาไว้ และเฉลยปมปัญหาตอนท้ายเรื่อง สะท้อนการแย่งชิงอำนาจระหว่างพระแม่ทั้งสาม ที่อาจจะมองไปถึงการขึ้นสู่อำนาจด้วยการฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม มุมหนึ่งของหนังจึงให้ภาพสะท้อนการเมืองด้วยเช่นกัน ที่สุดท้ายนำพามาซึ่งความเลวทรามต่ำช้า นักแสดงทุกคนในเรื่องรับบทกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง 'ดาโคตา จอห์นสัน' ที่ให้อารมณ์ชวนหลอนประสาท และท่าทางในการเต้นที่ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน 'ทิลดา สวินตัน' แสดงในเรื่องเป็นสามบทบาทตีบทแตกกระเจิงในทุกบท ยิ่งไปกว่านั้น ยังดูเหมาะกับบทบาทครูใหญ่ในโรงเรียนสอนเต้นลึกลับ ที่แววตาดูแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม หรือเล่ห์กลชวนน่าค้นหา ซาวด์ประกอบทำได้ชวนหลอน งานภาพของคุณ 'สอง-สยมภู มุกดี' คือความดีงานที่ประกอบสร้างให้ตัวเนื้องานดูหลอน ลึกลับ น่ากลัว และตัดสลับฉากภายนอกภายในของตัวสถาบันนักเต้นได้ชวนน่าขนลุก ในขณะเดียวกันก็ใช้ฉากแทนสัญญะไว้มากมาย ฉากไฮไลท์ต่างๆในหนังมีมุมมองที่พิเศษแปลกตา ถึงกระนั้น ด้วยการใช้ลูกเล่นต่างๆมากมายจนอาจจะดูล้นในบางมุม ทำให้เกิดคำถามและดูไม่รู้เรื่องในบางสถานการณ์อยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม หนังค่อนข้างดูยากพอสมควรและไม่เหมาะที่จะเสพเพื่อความบันเทิง ด้วยเนื้อหาและสาระที่ต้องอาศัยการตีความ ฉากความรุนแรง เลือดสาด และต้องใช้ความพยายามทนต่อความน่าอึดอัด ความงงเป็นไก่ตาแตก ว่าตอนนี้เรากำลังรับชมอะไรอยู่ ก็ดูเหมือนจะทำให้ตัวหนังเองเข้าถึงยาก และจับต้องได้ยากเสมือนงานศิลปะที่สามารถตีความไปได้หลากหลายเรื่องราว ท้ายสุด 'Suspiria' จึงเป็นงานที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแปลกใหม่ มุมมองใหม่ๆ และวิธีนำเสนอใหม่ๆ ของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ระทึกขวัญ ที่ทำงานได้ดี แม้จะมีเรื่องราวให้ชวนตั้งคำถามมากมาย และไม่ได้เฉลยอย่างตรงไปตรงมาเสียทีเดียว แต่ทั้งหมดก็ล้วนมีเสน่ห์และทำให้ตลอดการรับชมนั้นเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน(แปลกๆ)...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Suspiria (Luca Guadagnino, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
"โหยหา หลอกหลอน หวาดผวา" ตลอดระยะเวลาที่ได้รับชม 'Suspiria' ของผู้กำกับ 'ลูกา กวาดาญีโน' งานรีเมคหนังสยองขวัญ ปี 1977 ด้วยความยาว 152 นาที เต็มไปด้วยคำถามให้ครุ่นคิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องคืออะไรกันแน่ อะไรที่เกิดขึ้นภายในคณะนักเต้นแห่งนี้ สัญลักษณ์ต่างๆที่หนังสอดแทรกต้องการสื่อสารอะไร สิ่งต่างๆภายในเรื่องเต็มไปด้วยคำถาม และอาศัยการแสดงท่าทางลีลาประกอบท่าเต้นที่แสดงสภาวะทางอารมณ์ที่น่าฉงนสนเท่ห์ ความงุนงงหรือกระทั้งความสับสน ที่มาที่ไป และการรังสรรค์ปรากฏการณ์แปลกประหลาดชวนหลอกหลอน ทั้งหมดล้วนมีเสน่ห์และพาให้เรารู้สึกตกอยู่ในภวังค์ของการแสดงโชว์อะไรสักอย่างที่สุดแสนพิลึกพิลั่น ไม่เคยประสบหรือเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน บรรยากาศของหนังชวนหลอนและเขย่าประสาทตลอดเวลา ฉากหลังที่หนังเลือกใช้คือ กรุงเบอร์ลิน ยุคที่กำแพงเบอร์ลินยังไม่ถูกทำลาย ยังสะท้อนภาวะทางสงคราม ภายใต้ความหนาวเหน็บ ที่เยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความโหดร้ายของสงครามที่เหลือทิ้งไว้เพียงเศษซากความเศร้าหมอง และความโหยหาอดีต จนไปถึงความสำนึกต่อการกระทำในเวลาเดียวกัน หนังมีตัวละครที่แสวงหาหรือโหยหาอดีต ตามหาคนรักที่ต้องพลัดพรากจากกันไปด้วยสงคราม ความโหยหา การตามหา และจากลา นำพามาซึ่งเรื่องราวที่ชวนลึกลับ ลัทธิบูชาบ้าคลั่ง
หนังใช้เรื่องราวตำนานพระแม่สามองค์ และแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 6 องก์ โดยสอดแทรกเรื่องราวของพระแม่ทั้งสามเอาไว้ และเฉลยปมปัญหาตอนท้ายเรื่อง สะท้อนการแย่งชิงอำนาจระหว่างพระแม่ทั้งสาม ที่อาจจะมองไปถึงการขึ้นสู่อำนาจด้วยการฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม มุมหนึ่งของหนังจึงให้ภาพสะท้อนการเมืองด้วยเช่นกัน ที่สุดท้ายนำพามาซึ่งความเลวทรามต่ำช้า นักแสดงทุกคนในเรื่องรับบทกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง 'ดาโคตา จอห์นสัน' ที่ให้อารมณ์ชวนหลอนประสาท และท่าทางในการเต้นที่ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน 'ทิลดา สวินตัน' แสดงในเรื่องเป็นสามบทบาทตีบทแตกกระเจิงในทุกบท ยิ่งไปกว่านั้น ยังดูเหมาะกับบทบาทครูใหญ่ในโรงเรียนสอนเต้นลึกลับ ที่แววตาดูแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม หรือเล่ห์กลชวนน่าค้นหา ซาวด์ประกอบทำได้ชวนหลอน งานภาพของคุณ 'สอง-สยมภู มุกดี' คือความดีงานที่ประกอบสร้างให้ตัวเนื้องานดูหลอน ลึกลับ น่ากลัว และตัดสลับฉากภายนอกภายในของตัวสถาบันนักเต้นได้ชวนน่าขนลุก ในขณะเดียวกันก็ใช้ฉากแทนสัญญะไว้มากมาย ฉากไฮไลท์ต่างๆในหนังมีมุมมองที่พิเศษแปลกตา ถึงกระนั้น ด้วยการใช้ลูกเล่นต่างๆมากมายจนอาจจะดูล้นในบางมุม ทำให้เกิดคำถามและดูไม่รู้เรื่องในบางสถานการณ์อยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม หนังค่อนข้างดูยากพอสมควรและไม่เหมาะที่จะเสพเพื่อความบันเทิง ด้วยเนื้อหาและสาระที่ต้องอาศัยการตีความ ฉากความรุนแรง เลือดสาด และต้องใช้ความพยายามทนต่อความน่าอึดอัด ความงงเป็นไก่ตาแตก ว่าตอนนี้เรากำลังรับชมอะไรอยู่ ก็ดูเหมือนจะทำให้ตัวหนังเองเข้าถึงยาก และจับต้องได้ยากเสมือนงานศิลปะที่สามารถตีความไปได้หลากหลายเรื่องราว ท้ายสุด 'Suspiria' จึงเป็นงานที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแปลกใหม่ มุมมองใหม่ๆ และวิธีนำเสนอใหม่ๆ ของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ระทึกขวัญ ที่ทำงานได้ดี แม้จะมีเรื่องราวให้ชวนตั้งคำถามมากมาย และไม่ได้เฉลยอย่างตรงไปตรงมาเสียทีเดียว แต่ทั้งหมดก็ล้วนมีเสน่ห์และทำให้ตลอดการรับชมนั้นเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน(แปลกๆ)...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/