คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 23

กระทู้สนทนา
ผ่านมาร่วมสองวันแล้ว แต่ธีร์วราคล้ายยังไม่ตื่นจากฝันเลย

เคาะนิ้วบนโต๊ะทำงานด้วยจังหวะสม่ำเสมอ หัวใจกลับเต้นไม่เป็นส่ำยามคิดถึงเขา พยายามใคร่ครวญจนปวดหัวยังหาทางอธิบายเรื่องคืนนั้นไม่เจอเสียที มันไร้เหตุผล ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนควรทำสักนิด มิหนำซ้ำท่ามกลางอารมณ์เคว้งคว้างกับคำถามที่ไร้คำตอบ ธีร์วราต้องสารภาพอย่างยอมจำนน หล่อนมีความสุข...สุขแทบให้อภัยตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

ยังไม่ทันสมเพชตัวเองมากกว่านั้นน้องชายหล่อนก็เดินเข้ามาเสียก่อน ธีทัตชะงักเมื่อเจอพี่สาว

“พี่แก้วมานั่งในห้องทำงานผมทำไม”

เลขานุการประจำตัวเขาตามหลังมารายงานขลาดๆ “คุณแก้วรอที่นี่ตั้งนานแล้วค่ะ สั่งหนูไว้ห้ามบอกคุณกายด้วย”

“อย่าโมโหเด็กเลยน่า” แล้วพูดกับพนักงาน “เธอไปเถอะ อย่าลืมที่ฉันสั่งไว้อีกอย่างล่ะ”

เจ้าของห้องหันไปขมวดคิ้วใส่พี่สาว ฝ่ายนั้นเพียงผายมือยังเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานอย่างไม่สะทกสะท้าน ธีทัตจำต้องกระแทกตัวนั่ง

“ถ้าจะมาถึงโรงงานก็ควรโทร. บอกก่อน”

“ขืนบอกแล้วเราจะอยู่ให้พี่เห็นหน้าหรือ”

นับแต่วันที่ทะเลาะกันหนักสองพี่น้องก็ยังไม่ได้คืนดี เมื่อมารดาเริ่มไต่ถามด้วยผิดสังเกต ธีทัตจึงพยายามทำตัวปกติต่อหน้าพวกท่าน ทว่าลับหลังยังมึนตึงเหมือนเดิม วันนี้ก็เช่นกัน เขากอดอกปั้นหน้าบูดแต่ธีร์วราแค่มองเฉยๆ รอจนเลขานุการนำแฟ้มจำนวนหนึ่งมาวางให้

“นี่ค่ะของที่คุณแก้วต้องการ แฟ้มงานซึ่งจะจัดส่งไปให้คุณเซ็นที่บริษัทในวันนี้”

หล่อนพยักหน้าแล้วปล่อยอีกฝ่ายถอยกลับจากห้อง ธีทัตกระฟัดกระเฟียด “แฟ้มนี่ยังไงก็ต้องไปรอพี่ที่สำนักงานอยู่แล้ว จะมาเอาถึงโรงงานทำไม”

“ต้องเสียเวลาขนาดนั้นเพื่ออะไร” หล่อนถือวิสาสะหยิบปากกาจากโต๊ะน้องชายมาเซ็นในช่องผู้มีอำนาจอนุมัติ แล้วส่งคืนเจ้าตัวที่ทำหน้าเหลอหลา

“พี่จะไม่อ่านสักหน่อยรึ”

ธีร์วราขึ้นชื่อลือชาเรื่องความละเอียดรอบคอบ แฟ้มงานส่งไปกว่าหล่อนจะตรวจสอบจนยอมอนุมัติมักต้องเอากลับมาแก้อย่างน้อยก็สักรอบ เป็นสิบรอบยังเคยมีแล้วด้วยซ้ำ

“ถ้าเป็นเรื่องที่ทางโรงงานเสนอไปแสดงว่าต้องผ่านตากายเรียบร้อย พี่จะตรวจซ้ำทำไม ทำอย่างนี้มาสักเดือนแล้วแต่กายไม่ทันสังเกต”

ใช่ หญิงสาวลองง้อด้วยวิธีนี้มาช่วงหนึ่งแต่น้องชายไม่เคยรับรู้ เลยต้องมาทำให้ดูต่อหน้ากันเลย ธีทัตดึงแฟ้มไปพิจารณาด้วยอาการอ้ำอึ้ง หล่อนโน้มตัวใกล้เขา

“เมื่อก่อนพี่ผิดที่ทำเหมือนไม่ไว้ใจเรา ตั้งแต่นี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ในที่ประชุมอาทิตย์หน้าพี่จะเสนอให้แผนงานทุกอย่างที่กายเป็นคนคุมสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องรอพี่อนุมัติอีกต่อไป แค่ส่งรายงานตามหลังมาก็พอ”

ชายหนุ่มอ้าปากค้าง “นี่มันเปลี่ยนระบบการทำงานนับแต่ก่อตั้งลายหงส์มาเลยนะ บอร์ดจะยอมหรือ”

“ช่วงนี้การเตรียมลายหงส์เข้าตลาดหลักทรัพย์กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้าย ความพยายามหลายปีของพวกเราใกล้สัมฤทธิ์ผล พี่คงจะยุ่งอีกยาวเลย ต้องแบ่งภาระงานออกไปบ้างถึงจะถูกต้อง พี่จะอธิบายกับบอร์ดเอง”

“พี่แน่ใจแล้วหรือ” ธีทัตย้ำซ้ำซากราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เกิดตรงหน้า

“พี่ต่างหากที่ควรถาม เพราะการปรับเปลี่ยนนี่เท่ากับพี่ผลักภาระซึ่งเกี่ยวข้องกับสายการผลิตไปที่กายคนเดียว เรามั่นใจไหมล่ะว่ารับผิดชอบไหว”

ชายหนุ่มนิ่งคิดพักใหญ่ “ผมจะยอมรับถ้าสามารถเพิ่มทีมที่ปรึกษาได้ อยากยืมตัวอาโยธินกับอีกสองสามคนในบริษัทมาเสริมทัพ”

คนฟังดีใจเมื่อธีทัตไม่ได้รีบรับปาก แต่กลับพยายามทบทวนแล้วเลือกวิธีอย่างรอบคอบ นับว่าน้องชายหล่อนเติบโตทางความคิดขึ้นมาก แต่ชื่อของโยธินซึ่งโผล่ขึ้นในคำขอร้องก็สร้างความหนักใจพอควร ด้วยลูกน้องเก่าแก่คนนี้แหละที่คอยผลักดันให้ธีทัตตัดสินใจขโมยไอเดียอมรา

แต่มองอีกแง่ โยธินถือหางฝ่ายธีทัตมาโดยตลอด ดังนั้นถ้าน้องชายหล่อนคอยสนับสนุนเขา โยธินคงไม่มีวันทรยศและยินดีช่วยเหลือทุกวิถีทาง เป็นฐานอำนาจให้ธีทัตในลายหงส์ต่อไป เพราะอนาคตหล่อนอาจไม่อยู่เป็นแขนขาให้น้องชายอีกแล้ว...

ธีร์วรารีบพูดก่อนจะเผลอถอนใจ “เอาตามที่กายต้องการเลย เตรียมเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุมด้วยล่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มหน้าบาน “ใกล้เที่ยงพอดี อยู่กินข้าวกันก่อนนะพี่แก้ว”

ธีทัตคงอยากเลี้ยงฉลองการกลับมาคืนดีของพี่น้อง เสียดายธีร์วราจำต้องปฏิเสธด้วยมีนัดหมายล่วงหน้า จึงได้แต่หลบตาน้องชายอย่างมีพิรุธพลางรีบขอตัว

*****
แดดใกล้โรยสาดแสงสะท้อนผิวน้ำย้อมสีส้มไปทั้งผืน ธารใสไหวระลอกทอดยาวตามโค้งราวไม่มีที่สิ้นสุด ผิวน้ำอยู่ใกล้จนธีร์วราแทบโน้มตัวลงแตะถึง หล่อนชะโงกหน้ามองอย่างเผลอไผล เงาในน้ำเป็นภาพหญิงสาวผมยาวดัดลอนคลาย สวมเสื้อเชิ้ตไร้ปกตัวหลวม แต่งหน้าบางๆ แทบไม่เหลือเค้าผู้หญิงทำงานเมื่อเช้า แล้วพลันมีเงาร่างสูงโปร่งขยับมาทาบหลังเงาหล่อน ต่างยิ้มให้กันบนผิวน้ำ

สุเมธเกาะราวระเบียงบนโป๊ะที่ยืนอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารที่พาหญิงสาวมาในวันนี้ พลางชี้มือสุดแขน “เลยคุ้งน้ำทางโน้นไปอีกชั่วโมงก็จะเริ่มออกอ่าวแล้วครับ ผมลอยอังคารแม่ที่นั่น”

“เก็บอัฐิท่านไว้บ้างไหมคะ”

“ไม่ครับ แม่เคยสั่งไว้ว่าไม่ต้อง” เขายกยิ้มบางๆ “คุณแม่ท่านเป็นคนอย่างนี้แหละครับ ไม่ยึดติดกับอะไรนานโดยเฉพาะความเศร้า แม่ว่าจะเอามาถ่วงชีวิตไว้ทำไม ถ้าล้มลงเพราะปัญหาท่านจะรีบลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง ทำให้ผมเห็นมาแต่เด็ก...แล้วมันก็ช่วยพยุงผมไว้ในเวลานี้”

“พอฟังคุณก็ชักเสียดายที่ไม่มีโอกาสรู้จักน้าชมนาดอีกแล้ว” หญิงสาวก้มมองช่อดอกไม้ในมือ เป็นกล้วยไม้แวนด้าม่วงแต้มขาว แซมเดซี่ตรงนู้นตรงนี้ล้อมกลุ่มดอกไม้ปลายกลีบแหลมส่งกลิ่นหอมระรวย...ดอกชมนาด

หล่อนปล่อยมือให้ช่อดอกไม้ร่วงแตะผิวน้ำ ลอยเอื่อยตามคลื่นเล็กๆ ซึ่งโอบล้อมประคองไว้จนลับสายตา “ขอโทษนะคะน้าชมนาด ที่หนูไม่ได้ไปงานศพ”

“อย่าคิดมากเลยครับ ถ้าแม่ทราบเหตุผลต้องเข้าใจคุณ”

ธีร์วราทอดสายตาสานสบกับเขาผ่านเงาในน้ำ “บางทีถ้าท่านไม่ทราบ...อาจดีกว่านะคะ”

ชายหนุ่มนิ่งงัน ช่วงนั้นลมพลันพัดกระโชกแรง สุเมธรีบใช้มือที่เหลือจับราวโป๊ะข้างกายหญิงสาวเพื่อเอาตัวบังลมให้ ริมฝีปากกระซิบข้างหู “เข้าร้านเถอะครับ ลมมันแรง”

ในที่สุดธีร์วราก็ยอมหมุนกายเผชิญหน้าเขาตรงๆ ใกล้จนเห็นเงาเขาสะท้อนบนนัยน์ตาคู่งาม สุเมธชอบมองมันได้ทั้งวี่ทั้งวัน แม้แต่ตอนที่เงาผู้ชายนั่นยิ้มไม่หุบเหมือนคนปัญญาอ่อน...ก็ยังชอบ

“บอกผมหน่อยสิว่าคุณไม่ใช่ความฝัน”

“ฉันคงบอกไม่ได้หรอกค่ะ แต่พอรู้ว่าคนเราคงยากจะฝันทั้งที่ยังลืมตาอยู่”

“ผมกำลังฝันดีแน่ๆ เชื่อเถอะ เพราะสำหรับผม...คุณเคยเป็นคนที่สุดเอื้อมมือคว้า อยู่สูงซะยิ่งกว่าเจ้าหญิงสักองค์เสียอีก”

สุเมธยังจับราวระเบียงซ้ายขวาจึงเหมือนโอบหล่อนไว้กลายๆ วันนี้เขาสวมเสื้อยืดกางเกงพอดีเข่า ผมไม่ได้ใส่เจลเลยถูกลมตีกระจายแถมแยงเข้าตาเสียด้วย แต่เขาแค่หยีตาสู้ ยังคงยืนกั้นลมให้หล่อนเช่นเดิม หญิงสาวอมยิ้ม เอื้อมมือสางผมยุ่งเหยิงอย่างประณีต

“จะว่าไปฉันอยากทำอย่างนี้ให้มาหลายครั้งแล้วนะ”

เขาก้มหัวเพื่อให้หล่อนสางผมง่ายขึ้น ดวงตาคมกริบจึงยิ่งแนบชิดจนลมหายใจสะดุด

“ส่วนผมก็อยากทำสักอย่างกับคุณเหมือนกัน...แต่ดันทำตรงนี้ไม่ได้”

ธีร์วราขึงตา ชกอกพ่อตัวดีเบาๆ เสียงหัวเราะของเขาฟังได้ไม่รู้เบื่อ ความตื้อตันเอ่อท้นจนแปลบใจ หล่อนก็ช่างไร้เดียงสาที่เคยหลอกตัวเองว่าสักวันจะลืมเขาสำเร็จ

หรือมีเพียงความไร้เดียงสา จึงสามารถตักตวงความสุขบนช่วงเวลาเช่นนี้...

*****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่