สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้จะมาบอกเล่าความประทับใจในการเข้าร่วมโครงการ Beijing Sister City Youth Camp 2018 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แบบฟรีๆ 100% กันไปเลยยยย

เริ่มแรกต้องขอชี้แจงก่อนว่าโครงการนี้คัดเลือกโดยสำนักงานการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร เพื่อหาเยาวชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครและศึกษาในระดับมัธยมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยไปเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่จัดในต่างประเทศ ซึ่งเมืองที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกับกรุงเทพมหานคร เช่น กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้, กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย, เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้นค่ะ



แต่ละโครงการจะมีการระบุรายละเอียดชัดเจนว่าโครงการนั้นๆต้องการเยาวชนที่ศึกษาในระดับใด โดยเยาวชนจะต้องส่งเรียงความภาษาไทยและภาษาอังกฤษตามหัวข้อที่กำหนดอย่างละฉบับ รวมทั้งต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครเพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนเยาวชนด้วยค่ะ ซึ่งเท่าที่ทราบมารูปแบบการสัมภาษณ์จะแตกต่างกันไป เช่น โครงการของกรุงโซลจะเน้นคัดเลือกเด็กที่กล้าแสดงออก กล้าเต้น กล้าร้องเพลง ส่วนของกรุงปักกิ่งจะเน้นที่ความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ มีการให้หัวข้อแล้วตอบคำถามแบบ Impromptu Speech เหมือนที่ใช้คัดเลือกนางสาวไทยเลยค่ะ

หลังจากได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเยาวชนแล้ว ทุกคนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเตรียมความพร้อมเพื่อแลกเปลี่ยนเยาวชนเมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2561 เป็นเวลา 3 วัน มีวิทยากรมาบรรยายเกร็ดความรู้ต่างๆเกี่ยวกับกรุงเทพมหานครและประเทศที่เราจะเดินทางไปเยือน ทำให้เยาวชนได้มีความพร้อมและความมั่นใจเพิ่มขึ้น



โดยโครงการทั้งหมดจะเปิดรับสมัครในช่วงต้นปี ราวๆเดือนกุมภาพันธ์ แต่สำหรับโครงการของกรุงปักกิ่งจะได้เดินทางในช่วงปลายเดือนตุลาคมค่ะ ถือว่าใช้เวลารอนานกว่าโครงการอื่นพอสมควร ความจริงคือตื่นเต้นค่ะ เป็นการไปจีนครั้งแรกของเราเลย มีทั้งความสงสัยว่าจะไม่มีระเบียบแบบที่คนอื่นเขาว่ากันจริงมั้ย อาหารจะทานยากจริงรึเปล่า คิดไปต่างๆนาๆเลยค่ะ ทำได้แค่รอไปเรื่อยๆจนในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง



21 ตุลาคม 2561 ได้เวลาออกเดินทางไปกรุงปักกิ่ง ด้วยสายการบินไทยเที่ยวบิน TG614 ด้วยความที่เที่ยวบินของเราเดินทางถึงกรุงปักกิ่งเวลา 15.50 ทำให้พวกเราพลาดกิจกรรมเขียนพู่กันจีนและระบายสีหน้ากากไปอย่างน่าเสียดาย แต่ความโชคดีที่สุดก็คือขณะที่พวกเรากำลังจะผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองนั้นเอง นักวอลเล่ย์บอลทีมชาติจีนที่เพิ่งกลับจากการแข่งขันก็เดินมากันทั้งทีมเลยค่ะ ตื่นเต้นมากก เพิ่งเคยเห็นตัวจริงใกล้ๆ ส่วนสูงนี่คือโดนเด่นมาแต่ไกล และนี่คือ Zhu Ting นักตบหัวเสาแห่งทีมชาติจีนค่ะ



หลังจากที่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองมาได้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีทีมงานรอรับเรานะคะ ซึ่งผู้ประสานงานของทีมไทยชื่อ จิม ค่ะ เป็นหนุ่มน้อยวัย 20 ปีเท่านั้นเอง นำข้าวของขึ้นรถบัสเรียบร้อยแล้วเราก็จะไปทานอาหารเย็นกันค่ะ มื้อแรกของเราในกรุงปักกิ่งเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่แปลกที่สุดเท่าที่เคยกินมา เพราะว่าเขาปิ้งทุกอย่างกันบนกระดาษไขค่ะ ปิ้งไปก็งงๆกันไป อาหารถือว่าหลากหลายดีนะคะ ติดอย่างเดียวคืออ่านไม่ออกค่ะ ป้ายอาหารเป็นภาษาจีนเกือบทั้งหมดเลย



เมื่อทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้วก็จะมีรถบัสนำพวกเราไปที่พักเพื่อเช็คอิน สำหรับที่พักของพวกเราใน 4 คืนแรกคือ North Star Yayuncun Hotel นะคะ ซึ่งมีหลายตึกมากและเป็นที่พักสำหรับนักกีฬาโอลิมปิกในช่วงแข่งขันด้วย มีห้าง มีร้านอาหารเป็นของตัวเองอยู่ในโซนโรงแรมเลย ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสนามกีฬารังนกมาก พวกเราจึงได้มีโอกาสเดินจากโรงแรมไปถ่ายรูปที่สนามกีฬารังนกตอนกลางคืนด้วยค่ะ



เช้าวันที่สองของค่าย พวกเราได้ไปเยี่ยม Organizing Committee of Beijing 2022 Winter Olympic Games ซึ่งมีวิทยากรบรรยายรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการที่ประเทศจีนจะได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2022 ค่ะ เป็นโครงการที่ทางจีนให้ความสำคัญมากถึงขนาดเตรียมสร้างสนามบินใหม่อีกแห่งในกรุงปักกิ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักกีฬาและผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาวโดยเฉพาะเลยค่ะ ทุ่มเทสุดๆ



จากนั้นก็เป็นช่วงทัศนศึกษาพระราชวังฤดูร้อน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและคนเยอะมากก ต้องระวังให้ดีอย่าพลัดหลงกับทีมงาน ที่นี่ถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องมากค่ะ แค่ได้มาเดินชมก็คุ้มแล้ว



ส่วนช่วงเย็นทีมงานก็พาเราเดินไปชมสนามกีฬารังนกและอาคาร Water Cube ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้แข่งขันกีฬาทางน้ำ ความจริงบริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะด้วย แต่เวลากลางคืนเขาก็จะเปิดไฟสวยๆให้ถ่ายรูปกัน เราก็ขอถ่ายภาพตามเทรนด์กับเขาสักหน่อย



วันที่สามของค่ายเป็นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจัดที่สำนักงานใหญ่ของ BAIC Group ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของค่ายนี้ค่ะ BAIC Group เป็นหนึ่งในห้ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีฐานการผลิตอยู่ทั่วประเทศเลยทีเดียว



หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราตื่นเต้นที่สุด เพราะพวกเราจะต้องนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนเยาวชนจากประเทศต่างๆภายใต้หัวข้อ Volunteerism and Sustainable Development จากนั้นช่วงเย็นก็จะเป็นการประชุมวางแผนกับเยาวชนประเทศอื่นๆเพื่อริเริ่มโครงการอาสาสมัครนานาชาติด้วยกัน กลุ่มของพวกเรามีทั้งเยาวชนจากแคนาดา มองโกเลีย มาเลเซีย ศรีลังกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและอาร์เจนติน่า เรียกได้ว่ามีความหลากหลายทางความคิด ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมากๆ



วันที่สี่ของค่ายเป็นการเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ของ BAIC Group ค่ะ ทุกคนจะได้รับแจกหูฟังและวิทยากรจะพาเดินอธิบายถึงกระบวนการต่างๆที่ซับซ้อนกว่าจะผลิตรถยนต์ได้หนึ่งคัน ทางโรงงานยังเตรียมกิจกรรมไว้ให้เราเล่นด้วยค่ะ ซึ่งก็คือ การแข่งกันขันน็อตเชื่อมกระจกมองข้างรถยนต์เข้ากับตัวรถยนต์ค่ะ ทีมไหนไวกว่าก็จะชนะไป ช่วงบ่ายเป็นการทำกิจกรรมอาสาในพื้นที่ชุมชน โดยทางค่ายจะให้แยกกันไปทำกลุ่มละ 2 ประเทศ ทีมที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับพวกเราเป็นเพื่อนทีมแคนาดา พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับเยาวชนและผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนเป็นภาษาอังกฤษ สอนการไหว้ทักทายแบบง่ายๆ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปด้วยในตัว



วันที่ห้า ช่วงเช้าเป็นการทัศนศึกษาจัตุรัสเทียนอันเหมินและพระราชวังต้องห้ามค่ะ จากที่เคยเห็นในภาพยนตร์สารคดีหลายเรื่องแล้ว พอได้มาเห็นของจริงใหญ่กว่าที่คิดไว้มากก เดินกันขาลากเลยทีเดียว ไกด์นำชมของเราเดินไวมากเหมือนพาเราวิ่งแข่ง ถ้าเดินตามไกด์คงจะไม่เหลือเวลาถ่ายรูปเลย สุดท้ายพวกเราได้แต่ตามติดธงของทีมงานประจำรถบัสเราแทนค่ะ เพราะทีมงานก็หลงกับไกด์เหมือนกัน บันเทิงมาก55555



หลังจากเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามก็จะเป็นการเดินทางไปยังที่พักแห่งที่ 2 ของเรา ชื่อว่า Longwan International Camping Park ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีนมากค่ะ ลักษณะคล้ายรีสอร์ทแยกเป็นหลังๆ ที่นี่เราก็จะได้พักรวมกัน 4 คนในห้องเดียวเลย แต่อากาศหนาวมากจนต้องมีฮีทเตอร์ในห้อง ตอนกลางคืนอุณหภูมิต่ำในระดับเลขตัวเดียวค่ะ และนี่คือที่พักของเราในคืนนี้



วันที่หก วันนี้ที่รอคอยมาถึงแล้วว เพราะว่าวันนี้คือวันที่พวกเราจะได้ไปกำแพงเมืองจีน แต่จากที่คิดไว้ว่าจะแต่งตัวสวยต้องกลับมาห่มมิดชิดเลยค่ะ อุณหภูมิเช้าวันนี้ 3 องศาเท่านั้นเอง! เพื่อนต่างชาติก็เป็นห่วงเหล่าคนไทยที่หนาวตัวสั่นมากเลย นอกจากจะหนาวแล้วที่กำแพงเมืองจีนลมยังแรงมากและทางเดินชันกว่าที่คาดไว้ ไม่เหมือนการเดินกำแพงเมืองจีนชิลๆสวยๆอย่างที่เข้าใจนะคะ ความจริงนี่คือการปีนกำแพงเมืองจีนค่ะ โชคดีมากที่ช่วงเวลาที่พวกเราเป็นเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วง สังเกตที่ภูเขาด้านหลังเริ่มเปลี่ยนสีเป็นหย่อมๆ สวยงามมากค่ะ



หลังจากเก็บความประทับใจที่กำแพงเมืองจีนแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับบริเวณที่พักเพื่อเข้าสู่กิจกรรมการนำเสนอโครงการอาสานานาชาติของแต่ละกลุ่มและการแสดงในงานเลี้ยงอำลา ความจริงสามารถเลือกได้นะคะว่าจะแสดงหรือไม่แสดง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะแสดงกันทุกประเทศค่ะ ทางค่ายเองก็มีการแสดงมาให้เราได้ชมด้วยเหมือนกัน จากนั้นก็จะเป็นช่วงแลกของที่ระลึกกันกับเพื่อนๆในค่ายค่ะ พวกเราทีมไทยก็มียาหม่อง กระเป๋าสตางค์และมาม่าคัพไปแจกด้วย



วันสุดท้ายในปักกิ่ง ถึงเวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับความทรงจำและมิตรภาพดีๆที่ได้จาก Beijing Sister City Youth Camp 2018 ครั้งนี้ เที่ยวบินของพวกเราเวลา 17.00 น. แต่ต้องรีบออกจากที่พักตั้งแต่ 9 โมงเช้าค่ะ เนื่องจากรถบัสออกจากโรงแรมแค่รอบตีห้ากับ 9 โมงเช้า ก็ได้แต่ใช้เวลาเดินเล่นช้อปปิ้งในสนามบินค่ะ อาหารมื้อสุดท้ายในทริปนี้คือ Spicy Chicken Burger ด้วยความอยากทานอาหารเผ็ดๆมาตลอด 7 วันของเรา รสชาติดีนะคะ เผ็ดใช้ได้เลย



กลับถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพค่าา อย่างแรกที่พวกเราทุกคนบอกว่าคิดถึงสุดๆคืออาหารไทยค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราคิดถึงกาแฟมากที่สุด เพราะที่จีนดื่มแต่ชาและไม่ดื่มกาแฟกัน โรงแรมก็ไม่มีการเสิร์ฟกาแฟในห้องอาหารเช้านะคะ เราและเพื่อนๆต่างชาติที่ดื่มกาแฟเป็นประจำทุกเช้าก็ต้องออกไปหาซื้อกาแฟกันเอง อย่างที่สองที่คิดถึงคือ อากาศเมืองไทยค่ะ สำหรับเราร้อนจนเหงื่อไหลก็ยังดีกว่าหนาวจนตัวสั่น 5555
ถือเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่สุดยอดมากๆค่ะ ประทับใจ อยากชวนเพื่อนๆและน้องๆมาสมัครกันเยอะๆนะคะ ส่วนผู้ใหญ่ที่มีญาติอยู่ในวัยมหาวิทยาลัยหรือมัธยมก็แนะนำให้บอกต่อค่ะ เพราะโครงการนี้ดีมากจริงๆ ฟรีตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าวีซ่า ค่าที่พัก ค่าอาหารและค่าเดินทางตลอดโครงการ สุดยอดมากๆค่ะ

หากสนใจโครงการแลกเปลี่ยนดังกล่าว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/bangkokiad/
Website : http://iad.bangkok.go.th/

ปิดท้ายกระทู้ด้วยภาพฤดูใบไม้ร่วงสวยๆที่ทำให้ทริปนี้มองไปทางไหนก็ดูสดใส สีเหลืองอร่ามม ชอบมากๆ