เฌอปราง BNK48 ชีวิตหนักอึ้งแตรับมือได้สบายๆ

บทสัมภาษณ์จากประชาชาติธุรกิจนะครับ มีเรื่องราวที่น่าสนใจจากฉบับนี้ที่น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ติดตามวงและเฌอปราง จะขอยกคำถามคำตอบบางส่วนมานะครับ สำหรับที่เหลือจะอยู่ในลิงค์ของประชาชาติธุรกิจ  https://www.prachachat.net/d-life/news-247393

เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 (บีเอ็นเคโฟร์ตี้เอท) ที่แฟน ๆ เรียกว่า “แคปเฌอ” เป็นหนึ่งสาวฮอตไอดอลคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าว โดยพื้นฐานในฐานะเมมเบอร์ BNK48 ที่โด่งดังมากในยุคนี้ ก็ทำให้เธอต้องอยู่ในพื้นที่สื่อ และเป็นที่จับจ้องมากอยู่แล้ว และยิ่งพ่วงตำแหน่ง “กัปตัน” หรือหัวหน้าวงด้วย ก็ยิ่งทำให้เธอถูกโฟกัสมากขึ้นไปอีก

จากภาพรวม BNK48 เกือบ 30 ชีวิต แยกย่อยรายบุคคล เฌอปราง คือ คนที่ “ไปไกล” กว่าคนอื่น ทั้งในแง่การได้รับโอกาส ผลงาน ชื่อเสียง ความนิยม และแน่นอนว่าได้เข้ามามาก ก็เสียไปมาก เป็นแรงเสียดทานระหว่างทางที่หนักหนามากเช่นกัน

หญิงสาววัย 22 กับบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ การแข่งขัน ความคาดหวังของผู้คน ความพอใจของคนรอบข้างที่เธอต้อง handle ไว้ เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่า “หนักเกินตัว” แต่สาวน้อยคนนี้ก็จัดการมันได้

…ชีวิตของเฌอปรางเป็นชีวิตคนที่น่าสนใจและน่าทำความรู้จักมาก ๆ คนหนึ่งในยุคนี้ และนั่นคือเหตุผลของบทสนทนาต่อไปนี้

Q : ในการทำงานเราแย้งบ้างไหม ทั้งงาน BNK และหนัง

กับพี่โอ๋แล้วก็แย้งบ้าง เช่น แบบว่า พี่โอ๋หนูว่าพูดแบบนี้มันหนูไม่ถนัดปากเลย ขอปรับตรงนี้นิดหนึ่งได้ไหม ส่วน BNK แย้งตลอดเวลา แต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ รายละเอียด เช่น อันนั้นยังไม่ได้นะคะ พี่ทำไมยังไม่พรินต์หน้านี้ ส่วนในการทำเพลงไม่ค่อยยุ่ง เพราะว่าหนูไม่เก่งในการร้องเพลง แต่ถ้าเรื่องการอยู่กับวง การคิดกิจกรรมอีเวนต์ก็ค่อนข้างมีความเห็น เช่น พี่คะ หนูว่าตรงนี้มันยังไม่ค่อยดี เมื่อไหร่เราจะได้รายละเอียดตรงนี้เพิ่ม หรือจะกระตุ้นน้อง ๆ ยังไง ก็มีการนำเสนออะไรหลายอย่าง

Q : ทำอะไรบ้างในฐานะกัปตัน

ส่วนใหญ่จะเป็นคนกลางรับหน้าสื่อ พูดโดยรวม พูดนำในคอนเสิร์ต คอยดีล คอยประสานงาน ดูภาพรวมว่าเราจะพัฒนาอะไรได้บ้าง เท่าที่เราทำได้

Q : ในหนังสารคดี Girls Don’t Cry ที่เราบอกว่า คนอยู่ข้างล่างก็ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอยู่ข้างบน ความรู้สึกคนข้างบนเป็นยังไง

เขาไม่ได้มาเจอสื่อ เขาไม่ได้มานั่งทำทุกอย่างตลอดเวลา เขาไม่เข้าใจหนู หนูก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน มันไม่มีใครเข้าใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเป็นเรื่องปกติ แค่เรานึกถึงใจเขาใจเรานิดหนึ่ง เฌอก็พอจะเห็นใจ พอจะนึกภาพออกว่ามันเป็นยังไง เขายิงคำถามที่ล้อขึ้นมาให้หนูพูดประโยคนั้นด้วยแหละ ที่มีคนพูดว่า “คนอยู่ข้างบนไม่เข้าใจความรู้สึกคนที่อยู่ข้างล่าง” มันก็เหมือนกัน เราแค่อยู่คนละมุมมองกันเฉย ๆ ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะเจาะถึงใคร

Q : การเป็นกัปตันมันมีอะไรบ้างที่หนักหรือยากกว่าเมมเบอร์คนอื่น

มันไปสุดไม่ได้ เพราะหนูรู้สึกว่ากัปตันจะต้องคิดถึงวงมาก่อน การปฏิบัติตัวทุกอย่าง เราก็ต้องทำเพื่อวง ถ้าเฌอพลาด มันจะเหมือนพลาดทั้งวง ไม่รู้ว่าสำคัญตัวเองเยอะเกินไปหรือเปล่า แต่ว่าด้วยความที่อยู่ในสื่อ ภาพลักษณ์โดยรวม ถ้าคนเป็นหัวหน้าพลาด มันเหมือนทุกอย่างพลาดไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหนูปฏิบัติตัวดีไว้ก่อน มันน่าจะช่วยอะไรได้เยอะกว่า แต่หนูก็ไม่ได้บอกว่าหนูทำให้น้องหรือวงดูดีเพราะหนูนะ

Q : อะไรที่เหนื่อยหรือหนักที่สุดตั้งแต่มาเป็น BNK48

เอาจริง ๆ รู้สึกเหนื่อยใจที่สุดเวลาโดนบอกว่า เราได้สิ่งนี้มาเพราะเราเป็นกัปตัน หรือเราได้สิ่งนี้มาเพราะว่าเขาดัน อันนี้จะรู้สึกแบบ… (ทำหน้าเหนื่อยใจ) ก็เขาเลือกเราแล้ว จะให้เราเอาโอกาสที่เป็นของเราไปให้คนอื่นเหรอ เราก็อยากถามกลับไปเหมือนกัน ก็เขาเลือกให้เราทำอ่ะ เวลาที่โดนพูดอะไรประมาณนี้ หรือประมาณว่าเมมเบอร์ไม่พอใจเรา ก็จะรู้สึกว่าแบบ… จะให้เราทำยังไงเหรอ จะให้เราเอาโอกาสเราไปให้คุณ แล้วถ้าเราให้ เขาจะเลือกคุณหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ก็ได้แต่ส่งเสริมทุกคนเท่าที่เราทำได้ อย่างเรื่องงานแสดง โอกาสอย่างนี้ได้มาแล้วจะให้คนอื่นยังไงอ่ะ ถามจริงเหอะ แต่หนูก็เข้าใจว่ามันก็มีแหละ ความอิจฉาความอะไร มันก็เป็นสัจธรรม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นธรรมชาติการเลือกสรรนะคะ ถ้าจะพูดตรง ๆ มันเป็นธรรมชาติ ไม่งั้นจะมีคนที่อยู่รอด หรือคนที่ไม่รอดได้ยังไง มันต้องมีทั้งสองอย่างอยู่แล้ว แต่เฌอก็ต้องขอบคุณที่เขายังอยู่กับวง ยังฟอลโลว์สิ่งที่เฌอพูดอยู่บ้างเวลาเรียกรวม ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เฌอทำมันไม่ดีแล้วต่อต้านออกมาอย่างเด่นชัด

Q : อนาคตเราที่เคยตั้งเป้าไว้ว่าอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ยังอยากเป็นอยู่ไหม

ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้เริ่มเบนเข็มแล้ว พอเรามาทำตรงนี้ด้วย เรียนวิทยาศาสตร์ด้วย เราก็อยากทำอะไรที่ส่งเสริมทั้งสองอย่างไปด้วยกัน ใช้ชื่อเสียงเท่าที่เราพอจะทำได้ส่งเสริมสิ่งที่เราชอบด้วย เช่น ทำให้คนสนใจวิทยาศาสตร์มากขึ้น หรือทำให้คนรู้ว่าวิทยาศาสตร์มันไม่ยาก และไม่ต้องเก่งมากที่สุด เพราะเฌอก็ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่เฌอช่างสงสัย และเฌอใช้ความพยายามกับมันมาก

Q : เป้าหมายสูงสุดในสายวิทยาศาสตร์และสายบันเทิงของเราคืออะไร

เป้าหมายสูงสุดในสายวิทยาศาสตร์ คือ ได้จบปริญญาเอก ซึ่งทำได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้นะ แต่พยายามจะทำ ส่วนเป้าหมายในทางบันเทิง ตอนแรกตั้งเป้าว่าหลังจากจบ BNK48 ก็จะไม่อยู่แล้ว แต่หลังจากนี้ขอดูก่อน ถ้ามีก็อยากทำ เอาจริง ๆ เฌอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้มากขนาดที่เข้ามาเป็น BNK48 เฌอรู้สึกว่าการได้ทำตรงนี้มันเป็นประโยชน์ ก็อยากมีผลงานให้เขาติดตามและเป็นแรงบันดาลใจว่า เราก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เราก็จะพยายามในทุก ๆ สิ่งที่เราทำได้ เท่าที่โอกาสเข้ามา เราก็อยากให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด พยายามใช้โอกาสให้เต็มที่ที่สุด เท่าที่สังขารเราจะไหว ไม่อยากให้ทุกคนเสียดายเวลา หรือเสียดายโอกาสที่ตัวเองได้เกิดมา จะวิชาไหนฝั่งไหนก็ได้แล้วแต่ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่างเฌอ เฌอเข้ามา BNK เพราะเฌอชอบมัน แล้วพอมันต่อยอดได้หลายอย่าง มันทำให้เฌอ explore อะไรหลายอย่างในชีวิต และยิ่งมันส่งเสริมสิ่งที่เฌอชอบมาก่อนหน้านี้ได้ ก็ยิ่งแฮปปี้ที่จะทำไปเรื่อย ๆ ยิ่งเห็นว่ามันดีกับเขา เป็นแรงบันดาลใจให้เขา มันก็ยิ่งดีที่จะให้เขาหยิบส่วนนี้ของเราไปเป็นแรงบันดาลใจ ส่วนอะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องเอาไปนะคะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่