กรณีศึกษาแอฟ-แมท-สงกรานต์ "คนขายข่าวทึ้ง คนหลงข่าวทุบ คนเป็นข่าวทุกข์"

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213571066170848&id=1228486403
ประเด็นจริงๆของข่าวแทบไม่เกี่ยวกับฝ่ายหญิงคนใหม่ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่สื่อทำหน้าที่เป็น "agenda setter" (ผู้กำหนดประเด็นวาระทางสังคม) เลือกชี้เป้ายิงเพื่อสร้างกระแสข่าวให้ฝ่ายหญิงที่เข้ามาใหม่เป็นผู้ต้องสงสัยเป็นเหตุให้เขาหย่ากันเป็นหญิงชั่วเป็นคนที่ไปแย่งฝ่ายชายมาซึ่งเราจะเห็นได้จากคำถามทุกคลิปที่นักข่าวเจาะยิ่งแมทซึ่งคนเสพย์ข่าวก็สนุกไปกับท่าทีของคำตอบของแมททั้งๆที่ควรจะมีสติคิดนิดนึ่งว่าไม่ว่าจะมีแมทหรือไม่มีคนสองคนนี้เค้าไม่น่ากลับมาอยู่แล้วแต่คนเสพย์ข่าวคล้อยตามไปกับวาระที่สื่อกำหนดแล้วเกิดปัญหากับท่าที่การตอบของแมทซึ่งนั่นเป็นอัตลักษณ์ของเขาเขาตอบอย่างคนที่มั่นใจและรู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องปกติการตอบบนบุคลิกของแมทกลายเป็นวาระที่โดนไปดอกใหญ่ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกิดปัญหากับชีวิตเลย แล้วทำไมภาพของแมทออกมาแบบนั้น……… ..
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เขียนอะไรยืดยาว ไทยคำอังกฤษคำ
คนเสพข่าวเค้าแค่อยากรู้ความจริงแค่นั้นแหละ
พูดไม่จริง พูดจริงไม่หมด คนก็ยิ่งจี้ถาม
ถ้าไม่ใช่คนดัง ก็คงไม่มีใครสนใจ
เรื่องส่วนตัวของคนสาธารณะ ก็คือเรื่องสาธารณะ มีชื่อเสียงเงินทองเพราะสาธารณะสนับสนุน ดังนั้นจะห้ามสาธารณะยุ่งเรื่องส่วนตัวได้หรอ ไม่อยากให้เป็นเรื่องสาธารณะก็เหยียบให้มิด ปิดให้สนิท
ปิดๆเปิดๆ คนเค้าเดาใจไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเป็นความจริง ถามย้ำกี่ครั้ง คำตอบมันก็ต้องเหมือนเดิม แต่นี่มีแผลไง นักข่าวเหรอจะปล่อย
ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนหน้านี้เราก้อว่านางนะ
แต่พอเราไปอ่านบทความนี้

กรณีศึกษา แอฟ-แมท-สงกรานต์
"คนขายข่าวทึ้ง คนหลงข่าวทุบ คนเป็นข่าวทุกข์"
written by Thanabatra Beboyl Chaidarnn
page owner: ตุ๊ดส์review / Pussy can talk

เรื่องผัวๆเมียๆ รักๆใคร่ๆของดารานักแสดง เป็นเรื่องที่ถูกจับตามองอย่างหนักเสมอ และตลอดเวลาในหมู่คนไทย บางเรื่องดูไม่ได้เป็นประเด็นอะไรเลย ดูไม่ได้ซับซ้อน แต่ดราม่ายืดยาว ส่วนหนึ่งมาจาก "สื่อมวลชนตัวจี๊ด"

จริงๆ ถ้าเท้าความตามท้องเรื่องง่ายๆเลย สงกรานต์กับพี่แอฟ แยกกันอยู่ ด้วยปัญหาทางครอบครัวของเขา ซึ่งทางแอฟเขาอยากหย่า แล้วคามาเป็นปี เพราะทางฝั่งสงกรานต์ และครอบครัวเขาก็พยายามประคอง มันโคตรชัดว่าจุดจบของคู่นี้ จากตัวฝ่ายหญิงที่มั่นคงมาก ไม่สามารถกลับมารีเทิร์นแน่นอน มีแค่เรื่องลูกเท่านั้นที่ฝ่ายหญิง focus และเมื่อดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง เรื่องราวไปสู่คำว่า "การเริ่มต้นใหม่" ทั้งแอฟ และสงกรานต์เลือก set zero ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน ดังนั้น จริงๆประเด็นคือ สงกรานต์แค่เลือกที่จะ "เปิดใจเริ่มต้น" ความรักของเขาอีกครั้ง หลังจบกับความรักครั้งก่อนไป

ประเด็นจริงๆของข่าว แทบไม่เกี่ยวกับฝ่ายหญิงคนใหม่ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่สื่อทำหน้าที่เป็น "agenda setter" (ผู้กำหนดประเด็นวาระทางสังคม) เลือกชี้เป้ายิง เพื่อสร้างกระแสข่าวให้ฝ่ายหญิงที่เข้ามาใหม่ เป็นผู้ต้องสงสัย เป็นเหตุให้เขาหย่ากัน เป็นหญิงชั่ว เป็นคนที่ไปแย่งฝ่ายชายมา ซึ่งเราจะเห็นได้จากคำถามทุกคลิปที่นักข่าวเจาะยิงแมท ซึ่งคนเสพย์ข่าวก็สนุกไปกับท่าทีของคำตอบของแมท ทั้งๆที่ควรจะมีสติคิดนิดนึงว่า ไม่ว่าจะมีแมท หรือไม่มี คนสองคนนี้เค้าไม่น่ากลับมาอยู่แล้ว แต่คนเสพย์ข่าวคล้อยตามไปกับวาระที่สื่อกำหนด แล้วเกิดปัญหากับท่าทีการตอบของแมท ซึ่งนั่นเป็นอัตลักษณ์ของเขา เขาตอบอย่างคนที่มั่นใจ และรู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องปกติ การตอบบนบุคลิกของแมทกลายเป็นวาระที่โดนไปดอกใหญ่ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกิดปัญหากับชีวิตเลย

แล้วทำไมภาพของแมทออกมาแบบนั้น? หลายคัทที่เกิดขึ้นบน social network ตั้งใจตัดตอนท่าทีและน้ำเสียงของแมทในขณะตอบนักข่าวบนบุคลิกของเขา ที่ไม่เป็นที่ถูกใจ ซึ่งสื่อในฐานะ "gatekeeper" (ผู้รักษาประตูทางสังคม) เลือกกรองสารและภาพที่นำเสนอ ให้แมทตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะมีแต่ภาพของแมทที่ดูแล้วตีความว่า aggressiveness / uncontrol ทั้งๆที่นักข่าวใช้กลยุทธ์ในการจี้ถามวนๆไปมา สร้างความอึดอัด และพยายามนำสคริปต์ไปสู่จุดที่นักแสดงสาวมีอารมณ์ร่วมกับคำถาม

เราเห็น social bullying จากข่าวนี้หนักมาก ที่ส่วนตัวมองว่ารุนแรง คือ การเอาคุณค่าของแอฟ เทียบกับแมท ซึ่งการเปรียบเทียบคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของคนสองคน ว่าใครสูงค่ากว่าใคร ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในสังคม และจริงๆแล้ว ผู้เสพย์ข่าวที่สนุกปากกันมาก เพราะดันไม่ได้เข้าใจเรื่อง personality & tone of voices ตรงนี้เป็น self-identity ของผู้หญิงสองคน ที่แค่เค้ามีการแสดงออกที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่เราใช้การตีตราคุณค่าของคนจากการแสดงออก (stigmatization) เพราะ stereotype ที่เราแค่เคยชิน มากำหนดคนนี้ดี (พูดจาเรียบร้อย นิ่มนวล น้ำเสียงสุภาพ) และอีกคนหนึ่งชั่ว (พูดจาตรงไปตรงมา น้ำเสียงดัง และมีอารมณ์กับคำถามที่ถูกจี้ต่อเนื่อง) ซึ่งจริงๆเรื่องพื้นฐานพวกนี้ เราไม่สามารถนำมากำหนดคุณค่าของคน บนอัตลักษณ์การนำเสนอตัวตนอันแตกต่างได้

นี่คือสังคมไทย คนเสพย์ข่าวหลงประเด็น จากสื่อที่ทั้งยั่ว และยุ ให้คนดูชั่วร้ายเกินเบอร์ และคนที่ตกเป็นเหยื่อให้สังคมย่ำยี คือคนดังที่เป็นข่าว...ข่าวที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่นักข่าวปั่นเก่ง ยิงเก่ง และใช้ไมโครโฟนกับกล้องฆ่าคนเป็นข่าวให้ตายทั้งเป็น จากกระแสสังคม ที่เขาปลุกปั้นขึ้นมา มอมเมาให้คนเสพย์สนุก แต่คนเป็นทุกข์คือจำเลยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด...กับแค่คนสองคนกำลังเริ่มต้นความรัก จากอดีตที่เขาเคยล้มเหลว และผิดหวัง ก็แค่นั้นเอง

#เราจะเห็นข่าวเลวๆในประเทศไปถึงศตวรรษไหน
#stopsocialbullying

----

(เขียนเพิ่มเติมครับ)

เมื่อคืน คือตัวผู้เขียนเองนอนไม่หลับ หลังจากดูข่าวแมทสัมภาษณ์ แล้วเข้าไป Twitter เพราะกะว่าจะเสพย์ข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมบ้าง แต่ปรากฏว่าเราเห็น Social Bullying แล้วเราทนไม่ไหว กับประเด็นของสื่อที่ออกมาเล่นเรื่องนี้ เลยเป็นที่มาของการเขียนถึงเรื่องนี้ อยากให้สังคมได้คิดถึงการนำเสนอของสื่อในมุมมองที่ต่างออกไป

ดีใจมากๆที่มีคนเอาสิ่งที่เราคิดไปแชร์ใน Social Network ต่อไป และมันเป็นประโยชน์ ให้คนได้ขบคิดว่า เราโอเคจริงๆหรือ ที่เอาชีวิตของคนอื่นมาด่าทอ มาเปรียบเทียบคุณค่าของคน เราโอเคจริงๆหรือกับสื่อที่มีอำนาจ อยากจะจรดปากกาเขียนข่าวฆ่าใครก็ได้

ภูมิใจที่ข้อความที่เราเขียนจากหัวใจมีประโยชน์ต่อสังคม บอยอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนที่ยังสนุกกับการด่าคนที่เราไม่รู้จักเค้าว่า คุณควรหยุด และเสพย์สื่อให้มีสติมากขึ้น ถ้าสื่อไม่ช่วยให้เราฉลาดขึ้น เราต้องฉลาดก่อน และรู้เท่าทันสื่อปัจจุบันให้มากขึ้นครับ

เพราะนอกจากแมทแล้ว คนที่จะเป็นเหยื่อของสื่อคนต่อมา ก็คือพวกคุณ ที่เผลอเอาใจตกต่ำไปด่าทอคน ไปเหยียดคน ไปตัดสินคนอื่น

ขอบคุณทุกท่านที่แชร์มัน
ขอบคุณที่ Support ความคิดของบอยครับ

เราจะสร้างสรรค์สังคมของเราด้วยน้ำมือของสื่อมวลชนที่สนุกกับการตีข่าว เพื่อขายงานให้ดังๆ และวิธีคิดของการตีตราบุคคลแบบนี้จริงๆหรือครับ?


เราว่าเราน่ารังเกียจกว่าแมทอีกอ่ะ
ขอโทษนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่