สวัสดี
เราสร้างกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากแชร์ประสบการในรัว ม.ราม ที่เราได้มีโอกาสเข้าไปใช้ชีวิตระยะหนึ่ง
การดิ้นรน ทำยังไงให้เรียนจบมาได้โดยที่ทางบ้านไม่ได้ส่งเสียรายเดือน
เราเป็นคนหนึ่งที่ จบ ม.ราม ที่มักจะโดนคำถามจาก คนที่ไม่รู้จักเราดีพอถามว่า
- สอบที่ใหนไม่ติดหรอถึงเรียนราม?
- พี่ได้ข่าวว่าคนที่จบรามไม่เก่งภาษาอังกฤษ?
- เรียนกี่สิบปีหล่ะ กว่าจะจบ
- น้องเรียนในที่ๆค่าเทอมถูก ต้นทุนชีวิตน้องไม่ได้แพง จะเรียกเงินเดือนเยอะๆไปทำไม?
เริ่มเลยละกัน
ปี 2554 เป็นปีที่เราเริ่มสมัครเรียน โดยตอนนั้นเรามีเงินติดตัวอยู่ 20,000 บาท
โจทย์ตอนนั้นคือ จะใช้ชีวิตต่อไปยังไงโดยให้เรียนจบ และมีชีวิตอยู่รอดใน กทม (เราเป็นเด็กต่างจังหวัด)
คำถามต่อมา จะเรียนคณะอะไร,จะอยู่ที่ใหน,จะทำอะไรเลี้ยงชีพ
อันดับแรกที่ทำก็คือ เดินไปในมหาลัย คณะแรกทางขวามือ คณะบริหารธุรกิจ (ตอนนั้นคิดในใจชื่อฟังดูจะเรียนง่าย เอาอันนี้แหละ)
สมัครเรียน เสียค่าสมัคร และค่าหน่วนกิต ประมาณ 2,500 บาท
ต่อไป หาที่พัก ก็เดินไปหน้าราม หาหอหญิงที่ถูกที่สุด แล้วเราก็ไปเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอพัก เลยตรงเข้าไปถาม
เรา: พี่คะ ขอโทษนะคะ มีห้องว่าหรือเปล่าคะ
พี่: อ๋อ พี่เป็นคนเช่าอ่ะจ๊ะ เจ้เจ้าของหอจะกลับมาเย็นๆ
เรา: (คิดในใจ..ทำไงดีอ่ะ ถ้าไม่มีที่นอนคืนนี้แย่แน่เลย)
เหมือนพี่สาวจะเห็นสีหน้าเราไม่ค่อยดี แกเลยถามขึ้นมาว่า
พี่: มาจากต่างจังหวัดใช่มั้ย?
เรา: ค่ะ นู๋อยากเรียน เลยมาสมัครเรียน ละจะหางานทำไปด้วยค่ะ
พี่: พี่ก็เด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวนะ พี่เห็นหนูแล้วคิดถึงสมันพี่มาเรียนใหม่ๆเลย พี่เรียนรัฐศาสตร์ ตอนนี้พี่เหลืออีกเล่มเดียว จะจบละ เอางี้ เดี๋ยวอยู่นี่แหละ รอเจ้เจ้าของหอ ที่นี่ค่าเช่าไม่แพง แล้วเรื่องงาน เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนพี่ที่เป็นซุปให้ เราทำงานห้างได้มั้ย พวกเชียร์ขายสินค้าอ่ะ
เรา: ได้ค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ
พี่: ไม่เป็นไร เราลูกพ่อขุนเหมือนกัน มีอะไรก็ช่วยๆกัน
สรุป วันนั้นได้ที่พัก เป็นหอหญิง เดือนละ 900 บาท ห้องเล็กๆ มีเตียง 3.5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า ทางเดินในห้องเล็กๆ ห้องน้ำรวม อยู่หน้าราม
วันถัดมาพี่สาวใจดีก็ได้พาเดินหน้ารามแนะนำสถานที่ ว่าท่าเรืออยู่ตรงใหน ขึ้นรถเมล์ยังไง หาของกินได้ที่ใหน ของใช้ซื้อที่ใหน และพาไปหาเพื่อนของพี่สาวใจดี
เพื่อนพี่สาวใจดี น่ารักมากต้อนรับเราเป็นอย่างดี และแนะนำบริษัทออแกไนเซอร์ พร้อมการเตรียมหลักฐานไปสมัครงาน
วันถัดมาเราเตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมดและไปสมัครงาน
รอประมาณ 1 อาทิตย์ บริษัทก็แจ้งกลับให้ไปลงงานจัดชิม ในห้างๆหนึ่งไม่ไกลจากที่พัก ค่าแรงวันละ 500 บาท ทำ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ (เงินออกอาทิตย์ถัดไปหลังเสร็จงาน)
พอได้ที่เรียน ที่พัก และได้งานแล้ว เราจัดสรร ตารางเวลาดังนี้
จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี : เข้าเรียน ในวิชาที่เราลงไว้ วันใหนว่างก็เข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ : ทำงาน งานเริ่ม 11.00-20.00น.
จบ ม.ราม แล้วไง
เราสร้างกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากแชร์ประสบการในรัว ม.ราม ที่เราได้มีโอกาสเข้าไปใช้ชีวิตระยะหนึ่ง
การดิ้นรน ทำยังไงให้เรียนจบมาได้โดยที่ทางบ้านไม่ได้ส่งเสียรายเดือน
เราเป็นคนหนึ่งที่ จบ ม.ราม ที่มักจะโดนคำถามจาก คนที่ไม่รู้จักเราดีพอถามว่า
- สอบที่ใหนไม่ติดหรอถึงเรียนราม?
- พี่ได้ข่าวว่าคนที่จบรามไม่เก่งภาษาอังกฤษ?
- เรียนกี่สิบปีหล่ะ กว่าจะจบ
- น้องเรียนในที่ๆค่าเทอมถูก ต้นทุนชีวิตน้องไม่ได้แพง จะเรียกเงินเดือนเยอะๆไปทำไม?
เริ่มเลยละกัน
ปี 2554 เป็นปีที่เราเริ่มสมัครเรียน โดยตอนนั้นเรามีเงินติดตัวอยู่ 20,000 บาท
โจทย์ตอนนั้นคือ จะใช้ชีวิตต่อไปยังไงโดยให้เรียนจบ และมีชีวิตอยู่รอดใน กทม (เราเป็นเด็กต่างจังหวัด)
คำถามต่อมา จะเรียนคณะอะไร,จะอยู่ที่ใหน,จะทำอะไรเลี้ยงชีพ
อันดับแรกที่ทำก็คือ เดินไปในมหาลัย คณะแรกทางขวามือ คณะบริหารธุรกิจ (ตอนนั้นคิดในใจชื่อฟังดูจะเรียนง่าย เอาอันนี้แหละ)
สมัครเรียน เสียค่าสมัคร และค่าหน่วนกิต ประมาณ 2,500 บาท
ต่อไป หาที่พัก ก็เดินไปหน้าราม หาหอหญิงที่ถูกที่สุด แล้วเราก็ไปเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอพัก เลยตรงเข้าไปถาม
เรา: พี่คะ ขอโทษนะคะ มีห้องว่าหรือเปล่าคะ
พี่: อ๋อ พี่เป็นคนเช่าอ่ะจ๊ะ เจ้เจ้าของหอจะกลับมาเย็นๆ
เรา: (คิดในใจ..ทำไงดีอ่ะ ถ้าไม่มีที่นอนคืนนี้แย่แน่เลย)
เหมือนพี่สาวจะเห็นสีหน้าเราไม่ค่อยดี แกเลยถามขึ้นมาว่า
พี่: มาจากต่างจังหวัดใช่มั้ย?
เรา: ค่ะ นู๋อยากเรียน เลยมาสมัครเรียน ละจะหางานทำไปด้วยค่ะ
พี่: พี่ก็เด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวนะ พี่เห็นหนูแล้วคิดถึงสมันพี่มาเรียนใหม่ๆเลย พี่เรียนรัฐศาสตร์ ตอนนี้พี่เหลืออีกเล่มเดียว จะจบละ เอางี้ เดี๋ยวอยู่นี่แหละ รอเจ้เจ้าของหอ ที่นี่ค่าเช่าไม่แพง แล้วเรื่องงาน เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนพี่ที่เป็นซุปให้ เราทำงานห้างได้มั้ย พวกเชียร์ขายสินค้าอ่ะ
เรา: ได้ค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ
พี่: ไม่เป็นไร เราลูกพ่อขุนเหมือนกัน มีอะไรก็ช่วยๆกัน
สรุป วันนั้นได้ที่พัก เป็นหอหญิง เดือนละ 900 บาท ห้องเล็กๆ มีเตียง 3.5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า ทางเดินในห้องเล็กๆ ห้องน้ำรวม อยู่หน้าราม
วันถัดมาพี่สาวใจดีก็ได้พาเดินหน้ารามแนะนำสถานที่ ว่าท่าเรืออยู่ตรงใหน ขึ้นรถเมล์ยังไง หาของกินได้ที่ใหน ของใช้ซื้อที่ใหน และพาไปหาเพื่อนของพี่สาวใจดี
เพื่อนพี่สาวใจดี น่ารักมากต้อนรับเราเป็นอย่างดี และแนะนำบริษัทออแกไนเซอร์ พร้อมการเตรียมหลักฐานไปสมัครงาน
วันถัดมาเราเตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมดและไปสมัครงาน
รอประมาณ 1 อาทิตย์ บริษัทก็แจ้งกลับให้ไปลงงานจัดชิม ในห้างๆหนึ่งไม่ไกลจากที่พัก ค่าแรงวันละ 500 บาท ทำ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ (เงินออกอาทิตย์ถัดไปหลังเสร็จงาน)
พอได้ที่เรียน ที่พัก และได้งานแล้ว เราจัดสรร ตารางเวลาดังนี้
จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี : เข้าเรียน ในวิชาที่เราลงไว้ วันใหนว่างก็เข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ : ทำงาน งานเริ่ม 11.00-20.00น.