รีวิว ดีกว่า #ภูสอยดาวเราสอยใคร
ทริปนี้เราเตรียมตัวกันประมาณ2เดือน จิงๆ มีคนเยอะกว่านี้ที่จะไป แต่เหลือแค่นี้ 555 เรียกพวกเราว่า #ผู้เหลือรอดภูสอยดาว
day1 เราออกจาก อุตรดิตถ์ ประมาณ 4โมงเย็น เราจองที่พักอุทยานไว้ เพื่อตื่นเช้า จะได้เดินขึ้นแต่เช้า ลืมๆ เราเก็บตังคนละ1300 ×5 =6500 พอไปถึงอุทยาน เจ้าหน้าที่บอกว่า บ้านพักที่เราจองไว้ กำลังปรับปรุง ช๊อค!! คือเราจองที่พักไว้ 2 หลัง กะว่าจะไปนอนฟินๆก่อนขึ้นดอย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ให้ำปนอนบ้านที่พึ่งสร้างใหม่ ยังไม่มีไรซักอย่าง มีแค่ตัวบ้าน เขาเอาถุงนอนมาให้นอน ประเด็นมันอยู่ที่ มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่น้ำไม่ไหล หนาวมาก ตายๆ แต่ก็ต้องนอนไม่มีที่นอน แต่เขาคืนเงินให้1หลัง ก็โอเค
Day2ตื่นมาแต่เช้า น้ำไม่ไหลเหมือนเดิม ต้องเดินไปอาบน้ำห้องน้ำรวม และที่สำคัญไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น หนาวจับใจ !! ประมาณ8โมงเช้า เราไปลงทะเบียน ขึ้นเขากัน ค่าลงทะเบียน คนละ30 ต่อวัน ×2วัน ×5คน =300 ค่าขึ้นจุดสูงสุด คนละ500×5คน=2500 ค่าจ้างลูกหาบ กิโลละ 30 ของทั้งเราจ้างทั้งหมด 60 โล =1800บาท รวมก็ 4600 บาท

เอาละสิ ตังไม่พอ555 เราเลยเก็บเพิ่มคนละ500บาท อิอิ หน้าชากันทีเดียว เราเริ่มเดินขึ้นภู ประมาณตอน 9 โมง จะมีรถไถภูสอยดาวไปส่ง "888ภูสอยดาว"

เขาส่งให้ที่ทางขึ้น ก่อนหน้านี้เพื่อนๆบอกมาว่าภูสอยดาวเดินชิวๆ มีแต่ทางราบ แหม่ๆๆๆๆๆ ราบนิดหน่อย ตอนแรกก็เดิน ผ่านน้ำตก 5 ชั้น ของภูสอยดาว เดินข้ามน้ำตกไปมา มาถึงเนินแรก "เนินส่งญาติ" โถ่ก็แค่ชื่อ ชิวจัง เดินไปซักพักไม่ชิว แฮะ 555 เนินนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบรรได เหล็กให้เราเดินขึ้น ย้ำเดินขึ้นอย่างเดียว ไม่มีลงเลย

เนินที่2 เรียกว่า "เนินปราบเซียน" ปราบเซียนจิงๆ เนินนี้มีระยะทางยาวที่สุด ไม่รู้กี่กิโล เนินนี้จะมีทางเดินราบ สลับกับ ขึ้นเขานิดหน่อย

มาถึงเนินที่3ชื่อว่า "เนินป่าก่อ" เนินนี้ลูกหาบบอกว่า มันมีต้นก่อมันเยอะ เลยตั้งชื่อนี้ เนินนี้ความชันเริ่มเยอะขึ้น ทางเดินก็จะมีหินให้เกาะเดิน ยังไม่ยากเท่าไหร่ ออๆ เราถึงเนินนี้ประมาณเที่ยงพอดี เลยแวะกินข้าวกันซักหน่อย

เนินที่4 "เนินหลังเสือ"ถ้าจำไม่ผิด555 ทำไมถึงชื่อนี้ อิอิ ลืมถาม มัวแต่เหนื่อย เนินนี้ความยาก มันเยอะขึ้นอีก ค่อนข้างจะทางแบบปีนขึ้นอย่างเดียว เนินที่5 "เนินมรณะ"หึหึ จะยากแค่ไหนกันเชียว โถ่ๆๆๆๆๆๆๆ มรณะสมชื่อ มันเป็นเขาลูกสุดท้าย ละมันเดินขึ้นตลอด ไม่มีทางรายเลย ที่สำคัญมันไม่มีต้นไม้ใหญ่ เราไปถึงตอนบ่าย2 ร้อนมากกกกกกก แต่มองลงมา คือวิวดีมาก สวยสมคำร้ำลือ ระหว่างทางก็คอยถามพวกลูกหาบ ก็บอกว่าอีกนิดเดียว คือแบบว่าโกหกทั้งเพล อีกนิดเดียวอยู่นั้นแหละ ไม่ถึงซักที ตายๆ

พอใกล้สุดเนินมรณะ เราจะมองเห็น ลานสนอยู่ไกลๆ แบบว่านึกว่าอยู่ต่างประเทศ มันเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ สลับกับ มีต้นสน ขึ้นประบาย

ตอนนั้นประมาณบ่าย3 อากาศเย็นสบายมากๆ หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว

ห่างจากลานสนไป500เมตร เป็นที่กางเต้น นอน ไปถึงเราก็ไปเช่า เตาถ่าน หม้อต้ม ถังน้ำ ละก็ขันอาบ ละเราก็ไปหาที่กางเต้น กัน เราเลือกแถวๆ หน้าห้องน้ำ ละก็ใกล้ลำธาน เหตุผลคือ ข้างบนเขาให้ตักน้ำจากลำธารละไปอาบในห้องน้ำ ไม่มีน้ำให้ในห้องน้ำ คือจะถ่ายจะฉี่จะอาบต้องไปตักน้ำที่ลำธารมาใช้เอง เหนื่อยและหนักมากกกก และที่สำคัญน้ำเย็นมาก ถึงมากที่สุด ออๆข้างบนไม่มีไฟฟ้าใช้นะ ต้องรียอาบน้ำก่อนพระอาทิตตก ยิ่งดึกยิ่งหนาว วันนั้นเราก็ต้อมมาม่ากินกัน หลังจากนั้นก็สังสรรค์นิดหน่อย แต่มีอีกอย่างที่ประทับใจคือ ยิ่งดึก บนฟ้า ยิ่งดาวเยอะมาก สวยมาก สมชื่อภูสอยดาวจิงๆ แต่เราถ่ายรูปมาไม่ได้555 คือใช้โทรศัพถ่ายละไม่เห็นดาวหลังจากนั้นเราก็นอนกัน
Day3 เรามีนัดกับพี่เจ้าหน้าที่ 8 โมงเพื่อจะเดินขึ้นจุดยอดภูสอยดาวกัน

อันนี้เพื่อนๆเราไม่ค่อยมีใครขึ้น เลนไม่มีรีวิวมาก ส่วนใหญ่ก็ดูในพันทิพนี่แหละ เราก็ตื่นมาทำกับข้าวกินกัน แต่ไม่อาบน้ำหรอกนะ หนาวเหลือเกิน น่าจะประมาณ7องศาได้ แค่แปลงฟันมือก็แข็งแล้ว ก่อนจะขึ้นยอด ก็มาใส่อุปกรณ์ ก่อนขึ้น ยอด มีหมวกกันกระแทกมั้ง ไม่รู้เขาเรียกอะไรกัน ละก็เซฟตี้เบลล์ เขียนไม่เป็น555 ละก็ถุงมือ พอดีวันนี้หัวหน้าอุทยานขึ้นมานอนบนลานสนด้วย เขาเรียกพวกเราไปถ่ายรูปด้วย เขาบอกว่ารูปนี้จะเป็นรูปโปรโมท ของอุทยานปีนี้ เอาวะเท่ไปอีกกกกกก 555วันนั้นมีคนขึ้นยอดพร้อมกับพวกเราทั้งหมด 14คน จะมีพี่เจ้าหน้าที่นำทางไป มีคนนำ1คน ละปิดท้าย1คน ช่วงแรก เราก็จะเดินผ่านทุ่งหญ้าที่สลับกับต้นสน ฟินไปอีกกกกเหลือนเล่นMVอะ 555

เดินไปประมาณ1กิโล ก็จะถึงเขาที่จะขึ้นไปจุดสูงสุด พอเดินเข้าไป นี่เป็นป่าจิงๆ มีทางเดินนะ แต่แบบมีต้นไม้ปกคุมตลอดทาง ไม่เหมือนทางที่เราเดินขึ้นลานสน ตอนนั้นที่เราเดินก็คิดว่า ละครอังกอร์ ยังไม่เดินป่าทึบเท่าเราเลย555 เดินไปสักพัก เริ่มบ่นกันเขาให้เราใส่อุปกรณ์พวกนี้ทำไมกัน หลังจากเราบ่นไม่นานมาถึงจุดเริ่มปีนเขาแค่นั้นแหละ พระเจ้า ปีนจิงๆ เนินเขาแบบจะถึง90องศา มีเชือกให้จับเดิน ตลอดทาง

บางจุดต้องใช้เชือกในการพยุงตัวเองขึ้น เนิน ละแบบขึ้นตลอด ปวดขามาก มีทั้งหมด10สถานี ไม่ต้องถามว่ามีสถานีไรมาก ถ่ายรูปมาไม่หมด ถึงจังหวะนั้น ไม่มีอารมมาถ่ายรูปละ คือบ่นกันตลอดทาง "กูเอาตัวเองขึ้นมาบนนี้ทำไม"

คืนมันปีนมากๆ อะ ระหว่างเดิน อันนี้เราขึ้น ถ้าตอนเราลงละ ไม่อยากจะคิด เฮ้อ ซักประมาณ 11โมงครึ่ง ก็ถึงจุดยอด ทุกคนดีใจมาก สวยมากกกก หายเหนื่อยยยยยย

ข้างบนมันดีจิงๆ มองลงมาเห็นลานสนที่เรานอน เห็นภูเขาหลายลูก สลับกันไปมา บนยอด2102เมตร ที่เราเอาตัวเองเดินขึ้น เขาขอเรียก "ว่าเราคือผู้พิชิต" มันรู้สึกภูมิใจ

บนนั้นเราก็ถ่ายรูปกัน กินข้าวกัน เราพักกันบนนั้น ประมาณ 1ชั่วโมง เราก็ลงกัน ตอนลงจะบ้าตาย ตอนนั้นว่ายากแล้ว ตอนลงยากกว่า เราต้องจับเชือกละลอยตัวลงมาเอง อุปกร์ทุกอย่างที่ใส่ก่อนขึ้นมา รู้ละมันจำเป็นจิงๆ ขนาดใส่ถุงมือ ยังเจ็บมือเลย ต้องค่อยๆโรยตัวจับเชือกลงมา ผู้หญิงคนที่ไปกับแฟนละจะให้แฟนช่วย อย่าได้หวังนะจ๊ะ ตัวใครตัวมันเหอะเชื่อผม มันโหดมากจิงๆ 10สถานี ทุกสถานีโหดหมด กว่าจะลงมาถึงลานสน มีทุกอารม ขาสั่นกลัวความสูง ลื่นบนเขา มีแมลงอะไรไม่รู้มากัด เป็นจุดแดงๆ เราลงมาถึงลานสน ประมาณบ่าย3 ตอนเราเดินกลับ มองกลับไปบนยอด ที่เราไปกัน โหๆๆๆๆๆ นี่เราขึ้นไปกันได้ยังไง แต่ลึกๆก็ภูใจนะ ผมขอแนะนำ สำหรับ คนที่ชอบเดินป่า ปีนเขา กิจกรรมแอดเวนเจอร์ ต้องไปที่นี่

มันเป็นความรู้สึกที่สถานที่จิง ไม่ใช่แบบจำลอง มันเหนื่อยมาก ปวดแขน ปวดขา มากก็จิง แต่มันรู้สึกดีใจมาก ที่เราผ่านมันมาได้ หลังจากลงมา เราก็ไปเดินถ่ายรูปกัน อาบน้ำกัน ทำอาหาร มาม่าต้ม555 กินกัน คุยกันเล่าเรื่องตอนกลางวันกัน สนุกตลก ที่เราเดินขึ้นไปกันทำไม 555
Day4 วันสุดท้าย ตื่นมาก็เหมือนเดิม ทำอาหารแปลงฟัน ไม่อาบน้ำ 555เก็บของ พร้อมเดินลง แน่นอน ทุกคนปวดแขนปวดขา แต่ก็แซวกันเป็นเรื่องตลก ตอนเดินลงมา ความรู้สึก มันก็จะชิวๆหน่อย เพราะ เมื่อวานเราลงเขาที่โหดกว่านี้กันมาแล้ว ก่อนลงเราก็เอาของไปชั่งให้ลูกหาบ หาบของเราลงมา ขากลับ ของเราหนัก33กิโล×30บาท=990บาท ลืม บอก ข้างบนเขาไม่ใช้เงินกันนะ ก่อนขึ้นไปเราต้องเตรียมของกินไปเอง ทุกอย่าง เพราะข้างบนไม่มีอะไรขายเลย มีน้ำฝนให้กินได้แค่นั้น แต่ถ้าใครที่นอน2คืน วันแรกเราสั่งลูกหาบ ละอีกวันตอนเย็นๆ เขาจะเอาขึ้นมาให้เรา แต่แพงมาก เราซื้อน้ำกินเพิ่ม น้ำสิงขวดใหญ่ขวดละ70บาท แต่มันก็สมราคาแหละ เทียบกับเราซื้อมาเอง ละจ้างลูกหาบแบกขึ้นมา ราคาก็ประมาณนี้ วันนั้นเราเริ่มลง9โมงเช้า ถึงข้างล่างประมาณบ่ายโมง ขาลงมันก็จะค่อนข้างเร็วกว่าขาขึ้นหน่อย แต่จะปวดหน้าขามากๆ ตอนลงมาถึง คือทุกคนดีใจมาก มันเหนื่อย แต่ความเหนื่อยถูกกลบด้วย ความสนุก ความภาคภูมิใจ ผมว่าก็มีไม่มากคนหรอกที่ไปพิชิตจุดสูงสุดหรอกมั้ง555 ตอนกลับเราก็มาเคลียตัง ต่างๆ ค่าลูกหาบขาลง ค่ายืมอุปกรณ์ ออๆ เราต้องเอาขยะลงมาด้วยนะ มาแรกกับมัดจำ ที่มัดจำไว้200พร้อมบัตรประชาชน เอาเป็นว่าค่าใบ้จ่ายต่างๆ ไปบวกกันเอง ผมสรุปว่า4วัน เราหารตังกันคนละ1800บาท ระหว่างทางนั้งรถกลับก็คอยมองยอด เราขึ้นไปกันทำไม 555 จบละคร้าบบบบบ
[SR] ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
ทริปนี้เราเตรียมตัวกันประมาณ2เดือน จิงๆ มีคนเยอะกว่านี้ที่จะไป แต่เหลือแค่นี้ 555 เรียกพวกเราว่า #ผู้เหลือรอดภูสอยดาว
day1 เราออกจาก อุตรดิตถ์ ประมาณ 4โมงเย็น เราจองที่พักอุทยานไว้ เพื่อตื่นเช้า จะได้เดินขึ้นแต่เช้า ลืมๆ เราเก็บตังคนละ1300 ×5 =6500 พอไปถึงอุทยาน เจ้าหน้าที่บอกว่า บ้านพักที่เราจองไว้ กำลังปรับปรุง ช๊อค!! คือเราจองที่พักไว้ 2 หลัง กะว่าจะไปนอนฟินๆก่อนขึ้นดอย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ให้ำปนอนบ้านที่พึ่งสร้างใหม่ ยังไม่มีไรซักอย่าง มีแค่ตัวบ้าน เขาเอาถุงนอนมาให้นอน ประเด็นมันอยู่ที่ มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่น้ำไม่ไหล หนาวมาก ตายๆ แต่ก็ต้องนอนไม่มีที่นอน แต่เขาคืนเงินให้1หลัง ก็โอเค
Day2ตื่นมาแต่เช้า น้ำไม่ไหลเหมือนเดิม ต้องเดินไปอาบน้ำห้องน้ำรวม และที่สำคัญไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น หนาวจับใจ !! ประมาณ8โมงเช้า เราไปลงทะเบียน ขึ้นเขากัน ค่าลงทะเบียน คนละ30 ต่อวัน ×2วัน ×5คน =300 ค่าขึ้นจุดสูงสุด คนละ500×5คน=2500 ค่าจ้างลูกหาบ กิโลละ 30 ของทั้งเราจ้างทั้งหมด 60 โล =1800บาท รวมก็ 4600 บาท
Day3 เรามีนัดกับพี่เจ้าหน้าที่ 8 โมงเพื่อจะเดินขึ้นจุดยอดภูสอยดาวกัน
Day4 วันสุดท้าย ตื่นมาก็เหมือนเดิม ทำอาหารแปลงฟัน ไม่อาบน้ำ 555เก็บของ พร้อมเดินลง แน่นอน ทุกคนปวดแขนปวดขา แต่ก็แซวกันเป็นเรื่องตลก ตอนเดินลงมา ความรู้สึก มันก็จะชิวๆหน่อย เพราะ เมื่อวานเราลงเขาที่โหดกว่านี้กันมาแล้ว ก่อนลงเราก็เอาของไปชั่งให้ลูกหาบ หาบของเราลงมา ขากลับ ของเราหนัก33กิโล×30บาท=990บาท ลืม บอก ข้างบนเขาไม่ใช้เงินกันนะ ก่อนขึ้นไปเราต้องเตรียมของกินไปเอง ทุกอย่าง เพราะข้างบนไม่มีอะไรขายเลย มีน้ำฝนให้กินได้แค่นั้น แต่ถ้าใครที่นอน2คืน วันแรกเราสั่งลูกหาบ ละอีกวันตอนเย็นๆ เขาจะเอาขึ้นมาให้เรา แต่แพงมาก เราซื้อน้ำกินเพิ่ม น้ำสิงขวดใหญ่ขวดละ70บาท แต่มันก็สมราคาแหละ เทียบกับเราซื้อมาเอง ละจ้างลูกหาบแบกขึ้นมา ราคาก็ประมาณนี้ วันนั้นเราเริ่มลง9โมงเช้า ถึงข้างล่างประมาณบ่ายโมง ขาลงมันก็จะค่อนข้างเร็วกว่าขาขึ้นหน่อย แต่จะปวดหน้าขามากๆ ตอนลงมาถึง คือทุกคนดีใจมาก มันเหนื่อย แต่ความเหนื่อยถูกกลบด้วย ความสนุก ความภาคภูมิใจ ผมว่าก็มีไม่มากคนหรอกที่ไปพิชิตจุดสูงสุดหรอกมั้ง555 ตอนกลับเราก็มาเคลียตัง ต่างๆ ค่าลูกหาบขาลง ค่ายืมอุปกรณ์ ออๆ เราต้องเอาขยะลงมาด้วยนะ มาแรกกับมัดจำ ที่มัดจำไว้200พร้อมบัตรประชาชน เอาเป็นว่าค่าใบ้จ่ายต่างๆ ไปบวกกันเอง ผมสรุปว่า4วัน เราหารตังกันคนละ1800บาท ระหว่างทางนั้งรถกลับก็คอยมองยอด เราขึ้นไปกันทำไม 555 จบละคร้าบบบบบ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้