[SR] พรีวิว "ร้านกระจิ๊ดหวีดสยอง" LITTLE SHOP OF HORRORS @M THEATRE

กระทู้รีวิว

ได้มีโอกาสไปชม "ร้านกระจิ๊ดหวีดสยอง" หรือ Little Shop of Horrors ภาคภาษาไทย ผลงานของค่ายละครเพลงน้องใหม่ Sellador Asia Pacific รอบพรีวิว เลยขอมาพรีวิว แนะนำละครเรื่องนี้กัน

พอแว่วๆ ว่าจะมีละครเพลงเรื่องนี้แสดงที่เมืองไทย รู้สึกว่าต้องหามาดูให้ได้ เพราะเป็นผลงานของสองคู่ดูโอด้านการประพันธ์เพลง Howard Ashman และ Alan Menken ผู้ประพันธ์เพลงการ์ตูนดิสนีย์ในยุคเรเนอซองอย่าง Little Mermaid, Beauty and the Beast, Aladdin กระทั่งวันนี้ Howard Ashman เสียชีวิตไป Alan Menken ผู้ประพันธ์ทำนองต้องไปจับคู่กับผู้ประพันธ์คำร้องคนอื่นๆ ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าไม่มีใครประพันธ์เนื้อร้องได้ดีเท่า Howard Ashman แล้วผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานแจ้งเกิดของดูโอคู่นี้ก็ว่าได้ไฉนเลยจะไม่ไปดู  (ใครที่ชื่นชอบการร้องในการ์ตูนอย่าง Hercules จะบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้ไม่น้อย)

เรื่องแรกคือ การตามหาตั๋ว เนื่องจากเป็นค่ายเล็กๆ อยู่ จึงมีวิธีการจองผ่าน "ticketmelon" ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยรู้จักเท่าอีกเจ้านึง แต่นี่แหละครับ เราก็ไปหาซื้อกันได้ ระบบเขาไม่แตกต่างจากเจ้าใหญ่

เรื่องที่สองคือ พอเป็นภาคไทยแล้วเป็นยังไง บางคนนึกไม่ออกก็จะติไว้ก่อนแบบดูหนังว่า ไหนเลยจะสนุกเท่าดูฉบับพูดภาษาอังกฤษ แต่ผมว่าช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ชมหลายๆ คนค้นพบกันแล้วว่าถ้าเป็นละครเพลง การได้ไปลองฟังภาคไทยดูบ้างก็ดีไม่น้อย เพราะได้อรรถรสจากการแปล สัมผัสคำแบบที่เราชอบ (แอบบอกว่านับเป็นความยากที่เราชอบสัมผัสมากไปหน่อย คนแปลเลยเหนื่อยหน่อยที่ต้องเอาใจเราตรงนี้ ต่างจากภาษาบางภาษาที่ไม่ชอบสัมผัสคำ เวลาแปลเพลง เลยแปลง่ายมาก ไม่ต้องเลือกคำ หาสัมผัสเหมือนเพลงภาษาอังกฤษต้นฉบับที่ก็มีสัมผัสเหมือนกัน) ละครเพลงฉบับภาพยนตร์ที่แปลไทยไพเราะ หลายๆ คนยังจำเพลงไปร้อง ทั้งที่ไม่มีอัลบั้มเพลงออกมาสักนิด (ไปหาฟังตามยูทูบแทน)  ดังนั้น จึงมี Promotion Video ของละครเรื่องนี้ เพลง Little Shop of Horrors ออกมาแนะนำตัวให้เราชม ซึ่งผมว่าสนุกมากแทนที่จะได้อ่านซับไตเติ้ลสำหรับคาราโอเกะจนขึ้นใจ สายตากลับไปมองแต่สามสาวคอรัสผู้เล่าเรื่องนี้ และสามสาวเปรี้ยวซ่าก็จะอยู่กับเราตลอดทั้งเรื่อง เอาล่ะ บทแปลก็ถึง ใช้ภาษาที่ออกจะดูแปลกบ้าง (ผมขอบอกในฐานะคนอายุมากว่า ถ้าฟังแล้วแปร่งหู ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะว่าวัยรุ่นสมัยหลังๆ คลังคำศัพท์เราจะน้อยครับ พูดอะไรเป็นสำนวนเก่าหน่อย เด็กๆ ก็ "งงเด้ งงเด้" กัน) คนแปลก็แก่ประมาณผมนั่นแหละ ผมถือว่า ถ้า Howard Ashman มาฟังคงเซย์เยส เพราะแกเป็นเจ้าพ่อคลังศัพท์  (ใครได้ไปดูในโรงคงทึ่ง ตอนที่ตัวเอกร้องเพลงไล่ชื่อดอกไม้ในร้าน ก็ได้อารมณ์เดียวกันกับท่อนแร็พใน Under the Sea ที่ไล่เรียงชื่อปลาที่มาร่วมเล่นดนตรี)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เรื่องที่สามคือ สถานที่
จริงๆ สำหรับคนชมละครเพลง คงรู้ดีถึงข้อจำกัดของ MTheatre เช่นระบบเสียง จุดบอดของอรรถรสในตำแหน่งที่นั่ง เหล่านี้เป็นตัวลดความอินในละคร แต่หลายๆ ครั้งละครที่จัดแสดงที่นี่มันน่าดูจริงๆ จึงต้องยอมใจ พยายามยอมรับจุดด้อยนี้  การเดินทางไป MTheatre ก็มีความยากลำบากหน่อย ถ้าไม่มีรถ ก็ต้องนั่งรถเมล์เช่น 72 หรือ 23 จากเอกมัยเข้ามา พอเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรบุรีปั๊บก็ลงเลย แต่ถ้ากลัวรถติดหลังจากที่ผมศึกษาวิธีการไปอยู่นาน จึงพบว่าการนั่งรถไฟฟ้าไปลงทองหล่อ แล้วเรียกมอเตอร์ไซค์ปากซอยสุขุมวิทมาลงปากซอยเพชรบุรี จ่ายเงิน 25 บาท แล้วเดินต่อมาอีกนิดก็ถึงโรงละครแล้วทำให้เดินทางสะดวกขึ้น ถ้าMTheatre ปรับปรุงในอนาคต (และค่าเช่าโรงละครไม่กระโดดสูงมาก) คนน่าจะได้ความอิ่มเอมขึ้นอีกมาก

เรื่องที่สี่ คือนักแสดง
นักแสดงส่วนใหญ่ในวิกนี้มีตัวแม่เหล็กดูดคนมาดูบ้าง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญคือ หลังจากดูรอบพรีวิวมาแล้ว ก็กล้าการันตีเขาจะไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ (บ่อยครั้งที่ละครหลายเรื่อง มีตัวละครที่เป็นแม่เหล็กมา แต่พอร้องเพลงแล้วดรอป ไม่กลมกลืนกับหมู่มวลที่ร้องดี๊ดี มันก็ทำให้ศูนย์เสียสมดุลในการฟังได้)  ไม่ใช่เพราะว่าเขาทำดีเสมอตัวนะครับ ผมรู้สึกว่าเขาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แฟนๆ ได้ไม่น้อยว่า "ว้าว ทำอย่างนี้ได้ด้วยแฮะ" แต่สิ่งที่เกินคาดมันมีเยอะมาก เช่น ในเรื่องนี้ยังมีตัวละครสำคัญอีกตัว ก็ "ออเดรย์ทู" พืชกินคนอ่ะนะที่ยังไม่เปิดเผยความสามารถให้เราเห็นว่าเป็นยังไง พอดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว นักแสดงหมู่มวลส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดังอะไร แต่ทุกคนมีช่วงที่ได้เกิด แสดงเสน่ห์ตัวเองอย่างเต็มที่ ที่เป็นภาพติดตาอยู่ตอนนี้คือ "พ่อค้าจีน" กับ "นักจัดวิทยุ"

เรื่องที่ห้า คือบทเพลง
สำหรับตัวเอง เป็นแฟนเพลงแนวนี้มานานย่อมต้องชอบเป็นธรรมดา เพลงในยุค 60 แนวร็อคแอนด์โรล จริงๆ ฟังง่าย ดนตรีน้อยชิ้นไม่แน่น เป็นแนว Easy Listening (คนสมัยก่อนง่ายๆ ครับ  แต่คนรุ่นใหม่อาจฟังแล้วรู้สึกว่าไม่แน่น เหมือนดนตรีตีกระป๋อง ก็อยากให้เปิดใจมาลองฟังเพลงยุค ชูวับ ชูวับ กันบ้าง)
เพลง "แล้วทันใดซีมอร์" น่าจะเป็นอีกเพลงที่ทางวิกนำไปโปรโมทตามสื่อต่างๆ แต่ว่ามันเป็นแค่ส่วนเดียวครับ ที่จริงแล้วเพลงที่กินใจ เพลงสนุกๆ ในนั้นยังมีอีกเยอะ เนื้อเพลงน่าสนใจมาก

ปัญหาในการรับชมรับฟังน่าจะเป็นเรื่องเสียง ซึ่งมาเสียนิดนึงตอนองก์หลัง แต่ด้วยความกระชับของละคร การกระชับพื้นที่เวทีที่เปิดสู่ผู้ชม ทำให้การเปลี่ยนฉากแต่ละช่วงทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีเดทแอร์เหมือนละครบางเรื่องที่ใช้โรงนี้  ถ้าจะหาที่ติก็คงเป็นประมาณ "ออเดรย์ทูปากเบี้ยวแล้วจ้ะ" "ซีมอร์อย่าลากออเดรย์สิ อุ้มไหวไหม"

สรุป
ที่เฝ้ารอดูละครเรื่องนี้แบบเต็มม้วน เต็มตา (ไม่ใช่ในกรอบเล็กๆ ในยูทูบ) และเข้าใจเรื่องทั้งหมด เพราะเป็นภาษาแม่เราเอง ก็ได้สมดังใจ แม้ว่าช่วงนี้โปรแกรมเที่ยวจะชุก หนังน่าสนใจเข้าโรงเยอะเชียว เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน แต่ดูละครเรื่องนี้จบแล้ว ฮัมเพลงร่าเริงต่อไปได้อีกอาทิตย์

คงเหมือนในละครที่ "ออเดรย์ทู" ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา เป็นต้นไม้ที่มีเสน่ห์ประหลาด ชักชวนให้มีคนเข้ามาที่ร้านเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การใช้ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องประเดิมของค่าย Sellador Asia Pacific อาจจะถือว่าเป็นการใช้ "ออเดรย์ทู" เป็นนางกวักเรียกคนเข้ามาสนใจผลงานของค่ายนี้ ที่ตั้งใจจะผลิตละครเพลงฝรั่งภาคไทยต่อไป

ปล. 1.อยากให้มีรอบ Sing-a-long  หรือขอแดนซ์เพลง Little Shop of Horrors อีกรอบก่อนกลับบ้าน (นึกถึงละครเพลง Hairspray ที่นั่งนานมามากแล้ว ตอนจบเลยได้ขยับแข้งขาเต้น You Can't Stop the Beat ก่อนกลับ)
2.เผอิญตั๋วรอบพรีวิวนี้เป็นตั๋วที่ได้จากผู้อื่น แต่ว่าผมซื้อตั๋วชวนครอบครัวมาแล้ว รู้สึกว่าหลานๆ ที่จะไปชมรอบปกติกันคงจะสนุกไม่น้อย
ชื่อสินค้า:   "ร้านกระจิ๊ดหวีดสยอง - ลิตเติ้ลชอปออฟฮอเรอส์" (Little Shop of Horrors : Thai Version)
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่