โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) ซึ่งดำเนินมาตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา
มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการลงทุน ยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในระยะยาว
เมื่อเกิดการลงทุนจะมีการจ้างงานที่มีทักษะพิเศษเฉพาะด้าน ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ดำเนินโครงการเพื่อผลิตบุคลากรรองรับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาแรงงานสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพิ่มเติม โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
รัฐบาลจึงได้นำระบบ Big Data System มาใช้จับคู่ระหว่างผู้ประกอบการที่ขาดแคลนแรงงานกับนักเรียนอาชีวะทำให้ทราบข้อมูลได้รวดเร็ว ถูกต้องและจัดหากำลังคนได้ทันท่วงที รวมทั้งได้วิเคราะห์สาขาที่นิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างกลโรงงาน คอมพิวเตอร์ธุรกิจและการบัญชี รวมถึงสาขาที่ควรเปิดเพิ่มเติมอีก 5 สาขา ได้แก่ การบินและโลจิสติกส์ งานอาหารและโภชนาการ ระบบขนส่งทางราง ช่างซ่อมบำรุงและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และนักวิชาการ จะต้องร่วมกันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อแก้ไขปัญหาความขาดแคลนบุคลากรในสถานประกอบการ ลดปัญหาการว่างงานที่เกิดจากการผลิตบุคลากรไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
งานในอนาคตกำลังรออยู่ แล้ววันนี้ลูก-หลานของคุณกำลังเรียน และจะออกมาทำงานได้ตรงกับที่เรียนแล้วหรือยัง ?
รีบวางอนาคตไว้แต่เนิ่นๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การพัฒนาประเทศต้องการกำลังคนด้านอาชีวศึกษาเป็นสำคัญในการขับเคลื่อน ซึ่งถ้าจะทำให้ประสบผลสำเร็จจะต้องเชื่อมโยงกับ ข้อมูลบิ๊กดาต้าที่มีจะได้วางแผนพัฒนาและผลิตกำลังคนให้สามารถรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สนับสนุนการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ได้ในอนาคตอย่างตรงตามเป้าหมาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคน ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน โดยมี นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมลงนาม
จากนี้ไป 5 ปี กระทรวงแรงงานจะสนับสนุนข้อมูลทะเบียนความต้องการแรงงานของสถานประกอบการ ข้อมูลทะเบียนการมีงานทำและการเป็นผู้ประกันตนของนักเรียน นักศึกษา ระดับอาชีวศึกษา ข้อมูลทะเบียนการพัฒนาฝีมือแรงงานของนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ข้อมูลสถิติด้านแรงงาน ข้อมูลแผนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับสาขาวิชาที่สถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาเปิดสอน
ตลอดจนให้ความร่วมมือในการใช้พื้นที่ และทรัพยากรร่วมกันในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ รวมทั้งการพัฒนากำลังคนตามความเหมาะสม และให้บริการจัดหางานแก่นักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่ประสงค์จะทำงาน เป็นต้น
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะอนุญาตให้กระทรวงแรงงานใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียนนักเรียน นักศึกษา ด้านการศึกษา ข้อมูลสถิติด้านการศึกษาและให้กระทำผ่านระบบและเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลทะเบียนนักเรียน นักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา ที่สำเร็จการศึกษาและความต้องการประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ และการทำงานของนักเรียน นักศึกษา ข้อมูลความต้องการแรงงานของสถานประกอบกิจการจากการสำรวจ ข้อมูลสถิตินักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษา และที่สำเร็จการศึกษา ข้อมูลสถิติจำนวนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาระดับวุฒิการศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษา
รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการใช้พื้นที่และทรัพยากรร่วมกันในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนากำลังคนตามความเหมาะสม ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับการพัฒนาประเทศ ที่จะช่วยสร้างการรับรู้ไปยังหน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทำให้การบูรณาการการทำงานเกิดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ 2 หน่วยงานทำงานร่วมกัน ในการบูรณาการข้อมูลเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคน รองรับการพัฒนาประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยสร้างการรับรู้ไปยังหน่วยงานและบุคลกรที่เกี่ยวข้อง ทำให้การบูรณาการการทำงานเกิดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อาชีวะตั้งศูนย์รองรับขับเคลื่อน
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ภายใต้โครงสร้าง 1 ศูนย์กลาง 6 ศูนย์ภูมิภาค 18 ศูนย์กลุ่มจังหวัด ใน 6 ภารกิจ คือ ฝ่ายข้อมูลกลาง ฝ่ายส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนเข้าสู่มาตรฐานอาชีพ ฝ่ายส่งเสริมการระดมทรัพยากรและความร่วมมือ ฝ่ายจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการมีงานทำ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา และฝ่ายประสานงานและสร้างการรับรู้ รวมไปถึงโครงการลงทะเบียนครูพิเศษ อาชีวศึกษา และสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลมาสู่บิ๊กดาต้า ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนงานไปพร้อมกันในหลายส่วน เพื่อรองรับการขับเคลื่อนประเทศ
หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี
ปัจจุบันอุตสาหกรรม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic corridor: EEC) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น การที่ 2 หน่วยงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักเข้ามาสนับสนุนในพื้นที่เหล่านั้น ให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการพัฒนาคนให้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ และการที่จะพัฒนาคนให้ตรงกับความต้องการ ต้องอาศัยข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน มาวางแผนการผลิตและพัฒนาบุคลากร ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลแต่ละฝ่าย เพื่อนำมาบริหารจัดการทั้งด้านอุปสงค์ (Demand Side) ความต้องการกำลังคน และอุปทาน (Supply Side) ความสามารถในการผลิตเพื่อวางแผนการผลิต และพัฒนากำลังคนในทุกภาคทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
3 เดือนยกระดับอาชีวสู่สากล
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอาชีวศึกษาแห่งชาติสู่สากล ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์สำคัญ เพื่อจะสรุปทิศทางการยกระดับอาชีวศึกษาภายใน 3 เดือนจะต้องให้อาชีวศึกษาก้าวสู่มาตรฐานสากลให้ได้ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ต้องปลดล็อกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูสำหรับครูพิเศษที่อยู่ในโรงงานหรือสถานประกอบการ พร้อมทั้งจัดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับโลกอนาคตและมีมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งจะต้องทำให้การผลิตผู้เรียนสายอาชีพตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมมากที่สุด
ขณะเดียวกันจะนำหลักสูตร Business and Technology Education Council (BTEC) เน้นสมรรถนะด้านอาชีพ มาเปิดสอนในสถาบันอาชีวศึกษาของไทยที่มีความพร้อมด้านสถานที่ หลักสูตร และบุคลากร เน้นสมรรถนะด้านอาชีพและเป็นการฝึกอบรมที่เข้มข้นส่งผลให้ผู้เรียนสามารถทำงานได้ทันทีหลังจบหลักสูตร และผู้ประกอบการก็สามารถจ่ายค่าจ้างตามความสามารถของเด็กได้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การพัฒนาอาชีวศึกษาร่วมกัน โดยหลักสูตร BTEC มีความน่าสนใจและสำคัญมาก เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนไปภาคอุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัวตาม ขณะเดียวกันหลักสูตรอาชีวะของไทยข้อมีจำกัดมาก ดังนั้นการที่รัฐและเอกชนร่วมมือกันจะทำให้เราผลิตคนได้ตรงกับความต้องการของประเทศ
แรงงานตัวกลาง “ผู้ผลิต-ผู้ใช้แรงงาน”
พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มีความไม่เชื่อมโยงของผู้ผลิตและผู้ใช้ ดังนั้น เราจึงเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการที่เป็นผู้ใช้แรงงาน กับผู้ผลิตแรงงาน ในเรื่องการจัดการข้อมูล ซึ่งปัจจุบัน ศักยภาพแรงงานจำเป็นต้องมีการพัฒนาไปในระดับสากล หลักดีมานด์+ซัพพลายเป็นหลักที่สำคัญ ถ้าเราสามารถกำหนดดีมานด์ได้ตรง และสามารถใช้ได้อย่างมีคุณภาพ ก็จะทำให้การพัฒนาคนและการใช้ทรัพยากรของประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
EEC - Big Data พัฒนาคนอาชีวะเพื่อรองรับอีอีซี
มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการลงทุน ยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในระยะยาว
เมื่อเกิดการลงทุนจะมีการจ้างงานที่มีทักษะพิเศษเฉพาะด้าน ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ดำเนินโครงการเพื่อผลิตบุคลากรรองรับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาแรงงานสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพิ่มเติม โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
รัฐบาลจึงได้นำระบบ Big Data System มาใช้จับคู่ระหว่างผู้ประกอบการที่ขาดแคลนแรงงานกับนักเรียนอาชีวะทำให้ทราบข้อมูลได้รวดเร็ว ถูกต้องและจัดหากำลังคนได้ทันท่วงที รวมทั้งได้วิเคราะห์สาขาที่นิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างกลโรงงาน คอมพิวเตอร์ธุรกิจและการบัญชี รวมถึงสาขาที่ควรเปิดเพิ่มเติมอีก 5 สาขา ได้แก่ การบินและโลจิสติกส์ งานอาหารและโภชนาการ ระบบขนส่งทางราง ช่างซ่อมบำรุงและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และนักวิชาการ จะต้องร่วมกันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อแก้ไขปัญหาความขาดแคลนบุคลากรในสถานประกอบการ ลดปัญหาการว่างงานที่เกิดจากการผลิตบุคลากรไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
รีบวางอนาคตไว้แต่เนิ่นๆ