ที่ทำงานของเราห่างกันเกือบ 300 กม. ทำให้ไม่ได้เจอกันทุกวัน เราเป็นครู ชายเป็นตำรวจอยู่ชายแดนพื้นที่สีแดง วันหยุดสุดสัปดาห์ มีโอกาสเจอกันน้อยมาก วันหยุดเทศกาลแทบจะไม่ได้เจอ บางครั้งวันที่เราทำงานแต่เป็นวันพักเขา พอเราปิดเทอมบ้างเขาก็ทำงาน ช่วงกลางวันชายโทรมาคุยกันน้อยมากแค่โทรถามอยู่ไหน ทำอะไร กินข้าวยัง แค่นี้ แค่นี้ จริงๆ เพราะงานครูยุ่งอยู่กับการให้ความสำคัญกับเด็ก งานสอน งานเอกสาร พอกลางคืนจะโทรคุยเหมือนวัยรุ่นบ้าง เหมือนเดิม กลับกลายเป็นว่า บางทีชายทำงานอีกค่ะ จนทำให้เรากลัวว่าจะกวนเวลาทำงานของเขาเลยไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ในใจก็เป็นห่วงกลัวจะเกิดอะไรไม่ดี (ขออย่าให้เกิดเลย)
////// การที่เราไม่มีเวลาคุยกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งโทรฟรี ไม่ได้เจอกันทุกครั้งที่มีโอกาศ อาจจะด้วยอะไรหลายอย่างๆ จากที่เราแอบเข้าใจ เข้าใจว่า ชายจะเข้าใจในบทบาทภาระหน้าที่ในแต่ละวันของเรา และเราคิดว่าเราเข้าใจในภาระหน้าที่ของชายจน ไม่อยากให้เขาลำบากใจ ไม่อยากกวน ปล่อยให้เขาทำงานเต็มที่ เราก็เฝ้าภาวนาให้เขาปลอยภัยในแต่ละวัน ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผช.เขาจะเปลี่ยนไปไหมคะ ส่วนตัวยังกลัวกับคำว่า ตำรวจเจ้าชู้ และเรายังหนักแน่นพอกับคนนี้และรักครั้งนี้.... เหมือนจะน้ำเน่า แต่จากใจครูพลัดถิ่น
ช่องว่างความห่างไกล ทำให้เจอคนใหม่ง่ายมาก ผช.จะเปลี่ยนไปไหม
////// การที่เราไม่มีเวลาคุยกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งโทรฟรี ไม่ได้เจอกันทุกครั้งที่มีโอกาศ อาจจะด้วยอะไรหลายอย่างๆ จากที่เราแอบเข้าใจ เข้าใจว่า ชายจะเข้าใจในบทบาทภาระหน้าที่ในแต่ละวันของเรา และเราคิดว่าเราเข้าใจในภาระหน้าที่ของชายจน ไม่อยากให้เขาลำบากใจ ไม่อยากกวน ปล่อยให้เขาทำงานเต็มที่ เราก็เฝ้าภาวนาให้เขาปลอยภัยในแต่ละวัน ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผช.เขาจะเปลี่ยนไปไหมคะ ส่วนตัวยังกลัวกับคำว่า ตำรวจเจ้าชู้ และเรายังหนักแน่นพอกับคนนี้และรักครั้งนี้.... เหมือนจะน้ำเน่า แต่จากใจครูพลัดถิ่น