#ParisDiary Part 2

DAY 4
8 กรกฎาคม 2018


วันนี้ตั้งใจไปกำซาบศิลปะตะวันออกที่ Guimet   Museum ตอนแรกกะจะนั่งรถไฟใต้ดินแต่อยากลองเดินชมเมืองสัมผัสบรรยากาศปาคีค่าที่ไม่ได้มาบ่อยๆและอากาศกำลังเย็นสบาย เราเริ่มจาริกจากร้าน McDonald สาขา Boulevard St. Germain เวลา 12.15.PM ตัดฉับมาที่สถานี Metro La Tour-Mauberg ที่เวลา 01.43.PM แล้วซูมเข้ามาที่เรากำลังนั่งรอรถไฟ เหนื่อยมาก ปวดตั้งแต่หลังร้าวมายังเท้าทั้ง 2 ข้าง แทบตาย

.

กีเมต์ (Guimet) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียที่ดีที่สุดในกามภูมิ ภายในมีศิลปะวัตถุสมัยเขมรพระนครเยอะมากคือแบบว่าขนมาทั้งหน้าบัน, ทับหลัง, เสาจริง, เสาประดับ, ราวบันไดนาค/ครุฑยุดนาค, เทวรูป, พระพุทธรูป, และรูปปั้นอสูรกับเทวดาจับนาคตรงทางเดินเข้าปราสาทพระขรรค์ (ฝรั่งเศสน่าจะขนมาสมัยที่ได้เขมรเป็นเมืองขึ้นโดยการจัดการของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพทิศหรือ École français d’Extrême-Orient); ส่วนศิลปะวัตถุของอินเดียก็มีเยอะไม่แพ้กัน มีทั้งพระพุทธรูปหินสีแดงเปื้อนจุดสีครีม-เทาจากมธุราและเทวรูปในศาสนาฮินดูทั้งที่สกัดจากหินหรือหล่อจากโลหะ (น่าแปลกที่เราไม่เห็นพระพุทธรูป Greco-Buddhist ของคันธารราษฎร์เลยแม้แต่องค์เดียว) ฝ่ายศิลปะไทยก็มีตู้คัมภีร์ลายรดน้ำและพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งทั้งยืนและนั่งน่าจะเป็นสมัยสุโขทัยกับอยุธยาตอนต้น ส่วนชวากับจามปาก็มีเทวรูปหินและเทวรูปโลหะพร้อมด้วยกลองสำริดจากวัฒนธรรมดองซอน ทางด้านเนปาลกับธิเบตก็ขนพระพุทธรูปและเทวรูปสายวัชรยานอันพิสดารพันลึกมาประกวดประขัน ทางจีนก็มีเครื่องปั้นดินเผาที่เขียนสีได้แจ่มจรัสสะท้านเรติน่าจนอยากเป็นมหาเศรษฐีไปประมูลที่คริสตี้มาเก็บสะสมไว้ ส่วนญี่ปุ่นก็มีชุดซามูไร, หน้ากากคาบูกิและโน้ะ, และฉากกั้นเขียนลายอย่างประณีตสวยงาม นอกจากนี้ใน permanent collection ก็ยังมีศิลปะวัตถุของเกาหลีและเอเชียกลางอีกด้วย (แต่ 2 อย่างหลังนี้มีไม่เยอะ); ขาออกจากพิพิธภัณฑ์แวะจับจ่ายใช้สอยใน museum shop กะจะซื้อหนังสือว่าด้วยศิลปะเขมรอ่านแต่ไม่มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เซ็งค่ะ!

*เพื่อนและผู้สวามีกลับไปสวิสเซอร์ลองด์ตั้งแต่เช้าเพราะเพื่อนต้องไปกวนวัคซีนวันจันทร์

1.
ส่วนหนึ่งของรูปปั้นอสูรและเทวดาจับนาคหน้าปราสาทพระขรรค์


2.
ทับหลัง




3.
พระหริหระคือเทพที่เกิดจากการรวมกันของพระศิวะและพระวิษณุ โดยการฟิวชั่นเกิดตามแนวตั้งตัดตั้งฉากกับพื้นโลก (sagittal plane) มีเส้นแบ่งเขตชัดเจนตรงกลาง ฝั่งหนึ่งมีประติมานวิทยาแบบพระวิษณุส่วนอีกฝั่งเป็นแบบพระศิวะ การสร้างพระหริหระได้รับความนิยมมากในสมัยก่อนเขมรพระนครคือตั้งแต่พนมดาเป็นต้นมาจนถึงสมัยพระนครในรัชกาลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2

จะดูว่าฝั่งไหนเป็นพระศิวะและพระวิษณุก็ต้องรู้ว่าเทพทั้ง 2 แต่งตัวอย่างไรและมีพร็อพอะไรบ้าง แนะนำให้ท่องร่ายเปิดเรื่องลิลิตโองการแช่งน้ำบทสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าทั้ง 3 ของศาสนาฮินดูเพราะได้รวบรวมคุณลักษณะไว้อย่างละเอียด


4.
ทับหลังรูปวิษณุอนันตศายินปัทมนาภะหรือรูปพระวิษณุนอนบนอนันตนาคราช (นารายณ์บรรทมสินธุ์) และมีดอกบัวโผล่มาจากสะดือ โดยเหนือดอกบัวมีพระพรหมนั่งอยู่


5.
ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ


6.
อุบะมีความงามมาก ดูมีความอ่อนในแข็งแบบให้ความรู้สึกว่าเมื่อลมพัดมาแรงๆอาจจะพลิ้วไหวได้


7.
หน้าบันเล่าเรื่องชาวบ้านร้านตลาด


8.
พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ


9.
ฉันท์ว่าด้วยการกวนเกษียรสมุทร เราแต่งไว้ตั้งแต่ไปนครวัดเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 แต่เอามารวมเล่มใหม่อุทิศให้ภาพสลักกูรมาวตารที่ Guimet Museum


@อินทรวงศ์ฉันท์

ปวงเทพตริตรึกนำ บริวารอสูรวงศ์
กวนน้ำสมุทรคง อมฤตะติษฎี

นาคกร้าวกระหวัดเกี้ยว ดุจเคี้ยวประพตคิรี
ฉุดลากกระชากที ปฐพีจะพังทลาย

พ้นพันฉนำถ้วน ยักษะล้วนทุรนทุราย
พิษวาสุกรีคาย รกร่อยระย่อพลัง

ฝ่ายเทพภิเษกสิทธิ์ มหุฤทธิดีประดัง
ด้วยชักชะลอหลัง มลพิษระคายระคน

กลางน้ำอุบัติโสม ชรโลมประเทืองกมล
ลอยเรื่อยละล่องบน จรสู่ศิวาพิมาน

งามเพชรประดุจวั- ชระผ่องประกายตระการ
ชื่อเกาสตุภาณ นภดับพยับวิจล

ผุดดอกปทุมมี ลักษมีจรัสสกนธ์
แน่งนางคะนึงยล อยยั่วพระทรงสุบรรณ

ต้นปาริชาติสร้าง สรล้างสลักอรัญ
หอมกลิ่นสุคนธ์อัน ตระนึกปุพเพนิวาร

เป็นองค์พระเทวี วารุณีประสิทธิการ
ยอดศาสตร์สุราจารย์ สุมนัสภิรมย์อำเภอ

อุจฉัยศรพสิน- ธพวงศ์ประมาณเสมอ
เกิดไอยราเลอ ลักษพาหนะบดี

พร้อมสังข์หริธนู พะศัตรูพิชิตวิธี
อีกโคอสุภี พละเหลือกำลังวิจารณ์

อัปทรเสมอทรง ตะละองค์สุรางสคราญ
แย้มยิ้มยะยั่วมาร- ระก็หลงทุลักทุเล

องค์ธันวันตรี จุติมี ณ กลางชเล
เทิดกุมภกดเท อมฤตประสิทธิดลฯ

@อีทิสังฉันท์

ยักษพลพิรี้พิไรกระวน กระวายกระสันต์อุษาจะยล
จะแย่งมา

จึงมิได้ระวังอมฤตา ก็หมดแก่เทพเทวดา
บ่ทันการ

ด้วยกฤดานุภาพอภีนิหาร แห่งน้ำวิเศษภิเษกประทาน
อสัญญี

เทพยดาประสบบรมสุขขี ประหัตประหารพิฆาตวิธี
บ่เคืองคาย

แต่พระราหูนั้นมิต้องอุบาย ก็ลอบและแฝงพระสรรพกาย
ขโมยเอา

อัมฤตะแล้วรำพึงว่าเรา ก็เหน็ดก็เหนื่อยมิใช่จะเบา
ไฉนใย

เทพยดาจะครอบจะครองละไว้ อสูรวงศ์มิได้กระไร
ฉะนั้นหรือ

พลันก็ดื่มกษายกระสินธุคือ สดับกระหายระบัดระบือ
ธ ฉ่ำเย็น

ฝ่ายพระจันทร์ก็เล็งพระเนตรและเห็น ก็ทูลประนามประนตบำเพ็ญ
พระจักรา

เหม่พระราหูนั้นอปรีย์หนักหนา อุอาจขโมยเกษียรธาร์
เป็นของตน

แล้วพระทรงสุบรรณประดิษฐกล พระจักรก็ผายฉวัดและวน
เฉวียนไป

ต้องพระกายพระราหูก็ประลัย เพราะอัมฤตรักษไว้
มิวายปราณฯ

@มาลินีฉันท์

พระวิษณุ ธ กระทำการ หมายประหารผลาญ
พระราหู

อสุรก็ทุมนัสดู กายะของกู
ก็ขาดไป

เพราะอมฤตประสาทไว้ พรขจัดภัย
บ่สิ้นชนม์

มนอสุรระอุล้น สุดจะทานทน
และอาวรณ์

ผิรชนิกรโคจร เราจะจับสอน
กระทำทัณฑ์

พระจันทปริวิตกพลัน กลัวอสูรนั้น
กระทำการ

ทวินิรชรแข่งขาน ว่ายกระแสวาร
นิรันดรฯ

หมายเหตุ

ของ 14 อย่างที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรมีดังนี้
1. พระจันทร์ พระศิวะเอาไปทำเป็นปิ่นปักผม
2. เพชรเกาสตุภาณ (-ภะ) พระวิษณุเอาไปประดับที่อก
3. ดอกบัวกับพระลักษมี พระวิษณุเอาไปทำภรรยา
4. ต้นปาริชาติ ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กลิ่นหอมของมันหากใครได้ดมก็จะระลึกชาติได้
5. วารุณีเทพีแห่งสุรา
6. ช้างเอราวัณ พระอินทร์เอาไปเป็นพาหนะ
7. ม้าอุจฉัยศรพ
8. โคอสุภี
9. สังข์
10. หริธนู
11. นางอัปสร 14 ล้านตน
12. พิษนาค
13. ธันวันตรี (-ตริ) เป็นแพทย์สวรรค์
14. หม้อและน้ำอมฤต

10.
รูปสลักนี้จำไม่ได้แต่น่าจะเป็นพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน


11.
ศีรษะพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีความอิ่มเอิบและปีติในใจ


12.
อันนี้รูปใครไม่รู้


13.
พระศิวะกับพระอุมาทรงโคนนทิ


14.
ศิวะนาฏราช


15.
แปลบทสวดชยสิทธิคาถาเป็น couplets เพื่ออุทิศถวายให้แก่รูปแกะสลักพระพุทธเจ้าโดนมารผจญในคืนก่อนตรัสรู้
*พยายามถ่ายทอดความหมายให้ถูกกับต้นฉบับให้มากที่สุดแต่คิดว่าทำได้ไม่สมบูรณ์เพราะยากมากๆ


O Lord, by the time he had achieved the supreme knowledge
He himself, thus, became the all time greatest teacher
Transcended, elevated to an exalted personage
On the very seat he was bound to sit forever

Mara, the great evil who distasted his eminence
Struggled, with possession of mystical power
He who rode mounted on the fiercest elephant
Meant to rid of his significance, and plunder

Mara, he who magically built up scores of artilleries
Wanted to inflict him, the unimaginable suffering
He who assembled the most defiant tons of armies
Inundated, like the waves from the ocean, he did bring

Mara, he who dreamt of destroying the erudite of erudites
The enlightened one who had defeated all defeaters
O Lord, he was not reluctant, not afraid of that fight
With his meritorious achievements, he conquered

O Lord, with his strength came an indestructible force
With his struggle to become, the greatness prospered
Following his path the ignorance would be lost
to reach that goal, let our hearts not deter

O Lord, with the virtues of trustworthiness
Himself, disciples, and uncontested truth
Please bestow upon us, your followers, the greatness
And make our spirits prosperous beyond absolute

Even we have come to battle with enemy
He who endowed with unsurpassed power like the great evil
Please bless us to fight it with ferocity
As he who had made the struggle imperiled

16.
ปกิณกะ


















แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่