สวัสดีครับ เนื่องจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว GDC หรือ Girls Don't Cry ได้นำไปฉายที่ประเทศญี่ปุ่นก็เลยลองรวม Review เท่าที่หาเจอมาให้ลองอ่านกันดูครับ
1.

"แฟนGirlชาวไทยหัวเราะกันคิกคักๆ ทำให้การฉายรอบนี้สนุกมาก
คนที่มาดู ราวๆครึ่งนึงเป็นแฟนคลับ AKB ครึ่งนึงเป็นแฟนคลับ BNK
การที่ไม่มีเพลงบรรเลงระหว่างเล่นเนี่ย มันดีต่อใจจริงๆ"
อันนี้มาจากเว็บรีวิวหนังเจ้านึงของญี่ปุ่นเลย
https://filmarks.com/movies/81269/reviews/57108658
2.

“รู้สึกประทับใจความพยายามของจิ๊บจังมากเลยน้า~
เหมือนกับ Sonia ของ JKT48 เลย
สักวันนึงจิ๊บจังจะต้องเฉิดฉายอย่างแน่นอน
และ น้องเคท คนที่ต้องการให้คนมองเป็นกรุ๊บBNK48ของมากกว่ารายบุคคล
คิดว่าน้องเคทเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นต่อBNK48เป็นอย่างมากเลยนะ
เปี่ยมจังก็เหมือนกัน"
3.

"ชั้นโดนหักหลังทั้งหมด! (จริงๆเค้าจะสื่อว่าผิดคาดนั่นแหละ แต่ผมชอบแบบนี้ 55+) หนังเรื่องนี้สุดยอดมากๆ
ในขณะที่สีหน้าของเมมเบอร์เริ่มเปลี่ยนแปลง
ตัวชั้นที่ไม่ค่อยรู้อะไรมาก่อนก็เริ่มแยกแยะใบหน้าของเมมเบอร์ได้และรู้สึกหลงไหล
และสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่แท้จริงของพวกเธอขึ้นมาทันที
ความเจ็บปวดที่มีทั้งความสามารถที่แท้จริง,เสน่ห์
ความหนุ่มสาว , หวานและเปรี้ยว , ทุกอย่างพิเศษทั้งหมด
สุดยอดไปเลย"
4.

"หลังจากได้ดู GDC แล้ว โอชิเมนของชั้นคือ ปูเป้หล่ะ ! คล้ายๆซัซชี่เลย , รีบไปfollow IG อย่างด่วน"
ปล. คำว่า ほわっとした เค้าจะสื่อว่า เป้เหมือนซัซชี่ในเวอร์ชั่นอ่อนโยนครับผม
5.
มาที่บอร์ดโม่งบ้าง

6.

"ไปลิ้มลอง GDC มาละ , เพราะชอบไอดอลก็เลยรู้จัก BNK อยู่แล้ว
ถึงจะแค่เป็นการสัมภาษณ์เมมเบอร์ แต่ก็เอามาประกอบและเชื่อมต่อกันจนทำให้รู้สึกหลงไหลได้
เพราะ(ผู้กำกับ)ได้เข้าไปอยู่กับกลุ่มไอดอลจริงๆ ทำให้คำพูด/สิ่งที่หนังจะสื่อออกมามีน้ำหนัก
ผู้กำกับเองก็บอกว่ามันไม่ใช่หนังของไอดอล , แต่มันเป็นหนังวัยรุ่นจริงๆเลย"
#GirlsDontCry
ปล. FREEMAN OFFICE เหมือนจะเป็นบริษัทที่นำพวกหนังต่างประเทศไปขายเป็น DVD ในประเทศญี่ปุ่น (อันนี้ไม่ชัวร์ 100% นะครับ)
7.

"ในกรุ๊ป48นั้น, การแบ่งเป็นคนที่ติดsenbatsuกับไม่ติดsenbatsuมีความสำคัญอย่างมาก
ซึ่งการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องแบ่งและแข่งขันกันนั้นจะถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของการสัมภาษณ์นั่นเอง
ก็อาจจะมีปัจจัยที่เรียกว่า กระบวนการนำเสนอวง เพื่อให้คนที่ยังไม่รู้จัก BNK 48 หรือวงในเครือ 48 กรุ๊ปดีพอ ได้รู้จักพวกเขามากขึ้น
ทั้งจากประเด็นที่น้องๆรุ่นหนึ่งทุกคน ได้มีฉากสัมภาษณ์ของตัวเองกันอย่างครบถ้วนกันในหนัง
พอมาเทียบกับหนังของakb48 ที่มีแต่เมมเบอร์ตัวหลักๆเท่านั้นที่ถูกทำให้เฉิดฉายแล้ว ชั้นคิดว่าสิ่งนี้มันมีความหมายพิเศษซ่อนอยู่นะ
อาจจะพูดได้ว่าก็เพราะว่ามันเป็นภาพยนตร์ เลยทำให้คนดูเข้าใจถึงความพยายามและมุ่งมั่นของเมมเบอร์ที่ไม่ติดเซม.
และคนดูก็คงคิดเหมือนกันว่าตอนที่ไม่มีกล้องถ่ายทำ. พวกน้องๆก็คงกำลังร้องไห้กันอยู่
แต่ชั้นคิดว่าถ้าเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กที่ไม่ติดเซมจนเกินไป ก็จะไม่สามารถรักษาBalanceของวงไว้ได้
การเอารุ่นสองเข้ามาเพื่อสู้กับรุ่น1 ทำให้การแข่งขันภายในวงดุเดือดขึ้น ถ้าอยู่รอดได้ ก็ถือว่าดี
ส่วนกัปตันเฌอปรางน่ะ ต่อให้เทียบกับเมมเบอร์คนอื่น เฌอก็ยังเจิดจรัสอยู่ เพราะมีลักษณะเด่นตรงที่เป็นกัปตัน
ทั้งอีก ยังถูกคาดหวังไว้เยอะ ชั้นคิดว่าชั้นมองเห็นความลำบากนั้นนะ ความลำบากที่มีแต่คนที่มีโอกาสเข้ามาเยอะเท่านั้นแหละที่เข้าใจ
ถึงจะมีความตั้งใจแบบเดียวกัน แต่ก็เรียกเพื่อนได้ไม่เต็มปาก หนักสุดอาจมองกันเป็นแค่ศัตรูด้วยซ้ำ
ชั้นคิดว่าอาจจะมีเรื่องที่ทุกข์บ้างล่ะ
ต่อจากนี้ ไหนจะต้องต่อสู้กับความยากลำบากที่กำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ต้องทำความฝันให้เป็นจริง แต่สุดท้ายแล้วจะมีความสุขไหมก็ยังไม่รู้
การต้องก้าวไปข้างหน้าที่ขนาดเจ้าตัวยังมองไม่เห็น ทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คำมั่นสัญญา แต่ฝ่ายที่คอยรับรู้อย่างพวกเรา ยิ่งมองดูก็ยิ่งเจ็บปวด
จะหาที่ที่ตัวเองอยู่แล้วมีความสุขตอนอยู่เป็นวงเจอหรือเปล่า ชั้นได้แต่ภาวนาว่าให้เจอทีเถอะ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้ามันยังมีตอนต่อไปแล้วล่ะก็ ชั้นก็อยากให้พวกเขาแสดงภาพลักษณ์หลังจากนั้นให้ชั้นดูนะ
อย่าว่าแต่การทำให้วงเป็นที่รู้จักเลย
แค่นี้ชั้นก็ทึ่งกับความไม่ตั้งใจตกโอตะของกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มนึงที่ต้องมานั่งพร่ำพูดคนเดียวต่อหน้ากล้องทุกวันทุกวันไม่หยุดพัก สิ้งนี้น่ะจะติดเซมหรือไม่ติดเซม ไม่สิ จะเป็นไอดอลหรือไม่นั้น ก็ไม่เกี่ยวกันเลย
*ตรงนี้อารมณ์แบบนับถือในความพยายามของคนคนนึง"
ที่มา
https://filmarks.com/movies/81269/reviews/57108304
รวม Review จากชาวเน็ตญี่ปุ่นที่ได้ดู GDC
1.
"แฟนGirlชาวไทยหัวเราะกันคิกคักๆ ทำให้การฉายรอบนี้สนุกมาก
คนที่มาดู ราวๆครึ่งนึงเป็นแฟนคลับ AKB ครึ่งนึงเป็นแฟนคลับ BNK
การที่ไม่มีเพลงบรรเลงระหว่างเล่นเนี่ย มันดีต่อใจจริงๆ"
อันนี้มาจากเว็บรีวิวหนังเจ้านึงของญี่ปุ่นเลย
https://filmarks.com/movies/81269/reviews/57108658
2.
“รู้สึกประทับใจความพยายามของจิ๊บจังมากเลยน้า~
เหมือนกับ Sonia ของ JKT48 เลย
สักวันนึงจิ๊บจังจะต้องเฉิดฉายอย่างแน่นอน
และ น้องเคท คนที่ต้องการให้คนมองเป็นกรุ๊บBNK48ของมากกว่ารายบุคคล
คิดว่าน้องเคทเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นต่อBNK48เป็นอย่างมากเลยนะ
เปี่ยมจังก็เหมือนกัน"
3.
"ชั้นโดนหักหลังทั้งหมด! (จริงๆเค้าจะสื่อว่าผิดคาดนั่นแหละ แต่ผมชอบแบบนี้ 55+) หนังเรื่องนี้สุดยอดมากๆ
ในขณะที่สีหน้าของเมมเบอร์เริ่มเปลี่ยนแปลง
ตัวชั้นที่ไม่ค่อยรู้อะไรมาก่อนก็เริ่มแยกแยะใบหน้าของเมมเบอร์ได้และรู้สึกหลงไหล
และสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่แท้จริงของพวกเธอขึ้นมาทันที
ความเจ็บปวดที่มีทั้งความสามารถที่แท้จริง,เสน่ห์
ความหนุ่มสาว , หวานและเปรี้ยว , ทุกอย่างพิเศษทั้งหมด
สุดยอดไปเลย"
4.
"หลังจากได้ดู GDC แล้ว โอชิเมนของชั้นคือ ปูเป้หล่ะ ! คล้ายๆซัซชี่เลย , รีบไปfollow IG อย่างด่วน"
ปล. คำว่า ほわっとした เค้าจะสื่อว่า เป้เหมือนซัซชี่ในเวอร์ชั่นอ่อนโยนครับผม
5.
มาที่บอร์ดโม่งบ้าง
6.
"ไปลิ้มลอง GDC มาละ , เพราะชอบไอดอลก็เลยรู้จัก BNK อยู่แล้ว
ถึงจะแค่เป็นการสัมภาษณ์เมมเบอร์ แต่ก็เอามาประกอบและเชื่อมต่อกันจนทำให้รู้สึกหลงไหลได้
เพราะ(ผู้กำกับ)ได้เข้าไปอยู่กับกลุ่มไอดอลจริงๆ ทำให้คำพูด/สิ่งที่หนังจะสื่อออกมามีน้ำหนัก
ผู้กำกับเองก็บอกว่ามันไม่ใช่หนังของไอดอล , แต่มันเป็นหนังวัยรุ่นจริงๆเลย"
#GirlsDontCry
ปล. FREEMAN OFFICE เหมือนจะเป็นบริษัทที่นำพวกหนังต่างประเทศไปขายเป็น DVD ในประเทศญี่ปุ่น (อันนี้ไม่ชัวร์ 100% นะครับ)
7.
"ในกรุ๊ป48นั้น, การแบ่งเป็นคนที่ติดsenbatsuกับไม่ติดsenbatsuมีความสำคัญอย่างมาก
ซึ่งการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องแบ่งและแข่งขันกันนั้นจะถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของการสัมภาษณ์นั่นเอง
ก็อาจจะมีปัจจัยที่เรียกว่า กระบวนการนำเสนอวง เพื่อให้คนที่ยังไม่รู้จัก BNK 48 หรือวงในเครือ 48 กรุ๊ปดีพอ ได้รู้จักพวกเขามากขึ้น
ทั้งจากประเด็นที่น้องๆรุ่นหนึ่งทุกคน ได้มีฉากสัมภาษณ์ของตัวเองกันอย่างครบถ้วนกันในหนัง
พอมาเทียบกับหนังของakb48 ที่มีแต่เมมเบอร์ตัวหลักๆเท่านั้นที่ถูกทำให้เฉิดฉายแล้ว ชั้นคิดว่าสิ่งนี้มันมีความหมายพิเศษซ่อนอยู่นะ
อาจจะพูดได้ว่าก็เพราะว่ามันเป็นภาพยนตร์ เลยทำให้คนดูเข้าใจถึงความพยายามและมุ่งมั่นของเมมเบอร์ที่ไม่ติดเซม.
และคนดูก็คงคิดเหมือนกันว่าตอนที่ไม่มีกล้องถ่ายทำ. พวกน้องๆก็คงกำลังร้องไห้กันอยู่
แต่ชั้นคิดว่าถ้าเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กที่ไม่ติดเซมจนเกินไป ก็จะไม่สามารถรักษาBalanceของวงไว้ได้
การเอารุ่นสองเข้ามาเพื่อสู้กับรุ่น1 ทำให้การแข่งขันภายในวงดุเดือดขึ้น ถ้าอยู่รอดได้ ก็ถือว่าดี
ส่วนกัปตันเฌอปรางน่ะ ต่อให้เทียบกับเมมเบอร์คนอื่น เฌอก็ยังเจิดจรัสอยู่ เพราะมีลักษณะเด่นตรงที่เป็นกัปตัน
ทั้งอีก ยังถูกคาดหวังไว้เยอะ ชั้นคิดว่าชั้นมองเห็นความลำบากนั้นนะ ความลำบากที่มีแต่คนที่มีโอกาสเข้ามาเยอะเท่านั้นแหละที่เข้าใจ
ถึงจะมีความตั้งใจแบบเดียวกัน แต่ก็เรียกเพื่อนได้ไม่เต็มปาก หนักสุดอาจมองกันเป็นแค่ศัตรูด้วยซ้ำ
ชั้นคิดว่าอาจจะมีเรื่องที่ทุกข์บ้างล่ะ
ต่อจากนี้ ไหนจะต้องต่อสู้กับความยากลำบากที่กำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ต้องทำความฝันให้เป็นจริง แต่สุดท้ายแล้วจะมีความสุขไหมก็ยังไม่รู้
การต้องก้าวไปข้างหน้าที่ขนาดเจ้าตัวยังมองไม่เห็น ทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คำมั่นสัญญา แต่ฝ่ายที่คอยรับรู้อย่างพวกเรา ยิ่งมองดูก็ยิ่งเจ็บปวด
จะหาที่ที่ตัวเองอยู่แล้วมีความสุขตอนอยู่เป็นวงเจอหรือเปล่า ชั้นได้แต่ภาวนาว่าให้เจอทีเถอะ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้ามันยังมีตอนต่อไปแล้วล่ะก็ ชั้นก็อยากให้พวกเขาแสดงภาพลักษณ์หลังจากนั้นให้ชั้นดูนะ
อย่าว่าแต่การทำให้วงเป็นที่รู้จักเลย
แค่นี้ชั้นก็ทึ่งกับความไม่ตั้งใจตกโอตะของกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มนึงที่ต้องมานั่งพร่ำพูดคนเดียวต่อหน้ากล้องทุกวันทุกวันไม่หยุดพัก สิ้งนี้น่ะจะติดเซมหรือไม่ติดเซม ไม่สิ จะเป็นไอดอลหรือไม่นั้น ก็ไม่เกี่ยวกันเลย
*ตรงนี้อารมณ์แบบนับถือในความพยายามของคนคนนึง"
ที่มา https://filmarks.com/movies/81269/reviews/57108304