สวัสดีค่ะ
อาการที่หนูจะพูดถึงเป็นของคุณแม่หนูค่ะ ตอนนี้คุณแม่อายุ 48 ปี อาการที่จะกล่าวถึงเริ่มเกิดช่วงปีพ.ศ. 2553(อายุประมาณ 40 ปี) มันเริ่มจากการหกล้ม(สดุดสายไฟ)แค่ครั้งเดียว
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 6 เดือน เริ่มมีคนทักว่าเดินแปลก แต่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
ผ่านไป 1 ปี อยู่ขณะที่ก้าวขาขึ้นรถ ขาซ้ายยกไม่ขึ้น ต้องใช้มือช่วยยก แต่ก็สามารถเดินและวิ่งออกกำลังกายได้ปกติ
ต่อจากนั้นเริ่มมีการสะดุดล้มบ่อยขึ้นแต่ก็ยังสามารถลุกเดินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนช่วย
เมื่อคุณแม่ล้มบ่อยๆแล้วอาการด้านการเดินและการทรงตัวเริ่มแปลกขึ้น เลยตัดสินใจไปหาหมอ
ผลตรวจปรากฏว่าอาการทุกอย่างปรกติ(ผ่านการทำ MRI) ทั้งที่คุณแม่ก็เดินให้หมอดู หมอก็เห็นว่าการเดินนั้นผิดปรกติมาก แต่หมอบางคนก็ยังบอกว่าผลการตรวจสุขภาพของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ดีความดันปรกติ เลือดปรกติ กระดูกปรกติ กรดยูริกก็ปรกติ ทุกอย่างปรกติเหมือนคนที่ไม่มีโรคภัยใดๆ หมอจึงไม่ฉีดยาและไม่จ่ายยาให้เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร จากนั้นการเดินก็ถดถอยแบบช้าๆ เริ่มขึ้นบันไดและทางลาดชันลำบาก
อาการของคุณแม่ที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้ค่ะ
1. จังหวะการก้าวช้าลงที่ละนิดๆ เดินไปสักพักต้องหยุดแล้วค่อยเดินต่อ
2.
เสียการทรงตัวง่าย โดยเฉพาะเวลามีตนเดินตัดหน้า มีอาการเซ
**3.
ขาไม่มีแรงเวลาขึ้นบันไดและทางลาดชันต้องค่อยๆก้าวทีละข้าง เหมือนมีแรงต้านที่มากกว่าปกติ
4. เวลาหันซ้าย ขวา หน้า หลังต้องค่อยๆหัน ไม่สามารถหันทันทีได้
5. เมื่อสะดุดอะไรนิดหน่อยก็จะหกล้มง่าย
6. สายตาปรกติ(ไม่เคยมีประวัติสายตาสั้นยาวหรือการผ่าตัดตามาก่อน) แต่เวลาเดินไปเจอแสงไฟวูบวาบตอนกลางคืน จะรู้สึกเหมือนพื้นมันลึกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อขณะก้าว
**7.
ไม่สามารถใส่รองเท้าแตะได้หรือส้นต่ำได้ รองเท้าที่ใส่ต้องนิ้วครึ่งขึ้นไปถึงจะเดินได้สะดวกขึ้น(ถ้าในบ้านก็ฝึกเดินเท้าเปล่าปรกติค่ะ)
**8.
มีไฟฟ้าสถิตในตัวค่อนข้างเยอะ สังเกตจากเวลาคุณแม่แตะเครื่องไฟฟ้าจะคล้ายๆมีเคลื่อนไฟฟ้าวิ่งผ่านตัว
**9. เวลาไปต่างประเทศจะมีปัญหาตรงเครื่องตรวจจับอาวุธทั้งขาเข้าและออก สัญญาณตรวจจับอาวุธจะร้องเตือน(จะเป็นเฉพาะช่วงเอวลงมาเท่านั้น) จนต้องโดนแยกไปตรวจเดี่ยวหลายครั้ง สุดท้ายก็ผ่านเพราะไม่มีอะไร คือมันเกิดทุกครั้งจนไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ
จะเกี่ยวมั้ยคะ ที่แม่หนูมีประวัติการผ่าตัด 5 ครั้ง คือ
1. ไส้ติ่ง
2. ซีสที่รังไข่ด้านซ้าย(หมอตัดรังไข่ด้านซ้ายออก)
3. แท้งบุตรแต่ว่าพอขูดมดลูกแล้วเลือดไหลไม่หยุดหลายวัน จนเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ
4. ผ่าคลอดบุตรอีก 2 ครั้ง
คุณแม่ไปหาหมอมาหลายที่มาก แต่ผลตรวจไม่ชี้ชัดว่าเป็นอะไร จนคุณหมอบางท่านก็บอกว่าแทบจะ
1 ในล้าน เพราะคุณหมอก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ส่วนมากคุณหมอจะวินิจฉัยว่า
หาต้นกำเนิดที่จะเริ่มรักษาไม่เจอ หมอจึงไม่สามารถจ่ายยาได้ บางครั้งก็ซื้อยาตามร้านขายยาที่เป็นยาที่พอช่วยได้เบื้องต้น(จำพวกยาคลายเส้นเพราะจำเป็นเวลาเดินทาง) บางครั้งก็มีนวดแผนโบราณเพราะเส้นมันจะตึง เวลานวด็ช่วยผ่อนคลายแต่ไม่ถึงอาทิตย์ก็จะเริ่มตึงใหม่ ก็มีบ้างที่คนเฒ่าคนแก่แนะนำให้ไปหาพระ ตามความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับโรคกรรม คุณแม่ก็อยากหาย ใครแนะนำอะไรก็รับฟัง แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ปัจจุบันก็ทานยาสมุนไพรและดูแลตัวเองที่บ้านและงดหาหมอมาเกือบ 1 ปีแล้วเพราะมองว่าไม่มีพัฒนาการดีขึ้นเลย
รบกวนผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์วินิจฉัยโรคของแม่หนูให้หน่อยค่ะ
อาการที่หนูจะพูดถึงเป็นของคุณแม่หนูค่ะ ตอนนี้คุณแม่อายุ 48 ปี อาการที่จะกล่าวถึงเริ่มเกิดช่วงปีพ.ศ. 2553(อายุประมาณ 40 ปี) มันเริ่มจากการหกล้ม(สดุดสายไฟ)แค่ครั้งเดียว
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 6 เดือน เริ่มมีคนทักว่าเดินแปลก แต่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
ผ่านไป 1 ปี อยู่ขณะที่ก้าวขาขึ้นรถ ขาซ้ายยกไม่ขึ้น ต้องใช้มือช่วยยก แต่ก็สามารถเดินและวิ่งออกกำลังกายได้ปกติ
ต่อจากนั้นเริ่มมีการสะดุดล้มบ่อยขึ้นแต่ก็ยังสามารถลุกเดินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนช่วย
เมื่อคุณแม่ล้มบ่อยๆแล้วอาการด้านการเดินและการทรงตัวเริ่มแปลกขึ้น เลยตัดสินใจไปหาหมอ ผลตรวจปรากฏว่าอาการทุกอย่างปรกติ(ผ่านการทำ MRI) ทั้งที่คุณแม่ก็เดินให้หมอดู หมอก็เห็นว่าการเดินนั้นผิดปรกติมาก แต่หมอบางคนก็ยังบอกว่าผลการตรวจสุขภาพของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ดีความดันปรกติ เลือดปรกติ กระดูกปรกติ กรดยูริกก็ปรกติ ทุกอย่างปรกติเหมือนคนที่ไม่มีโรคภัยใดๆ หมอจึงไม่ฉีดยาและไม่จ่ายยาให้เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร จากนั้นการเดินก็ถดถอยแบบช้าๆ เริ่มขึ้นบันไดและทางลาดชันลำบาก
อาการของคุณแม่ที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้ค่ะ
1. จังหวะการก้าวช้าลงที่ละนิดๆ เดินไปสักพักต้องหยุดแล้วค่อยเดินต่อ
2. เสียการทรงตัวง่าย โดยเฉพาะเวลามีตนเดินตัดหน้า มีอาการเซ
**3. ขาไม่มีแรงเวลาขึ้นบันไดและทางลาดชันต้องค่อยๆก้าวทีละข้าง เหมือนมีแรงต้านที่มากกว่าปกติ
4. เวลาหันซ้าย ขวา หน้า หลังต้องค่อยๆหัน ไม่สามารถหันทันทีได้
5. เมื่อสะดุดอะไรนิดหน่อยก็จะหกล้มง่าย
6. สายตาปรกติ(ไม่เคยมีประวัติสายตาสั้นยาวหรือการผ่าตัดตามาก่อน) แต่เวลาเดินไปเจอแสงไฟวูบวาบตอนกลางคืน จะรู้สึกเหมือนพื้นมันลึกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อขณะก้าว
**7. ไม่สามารถใส่รองเท้าแตะได้หรือส้นต่ำได้ รองเท้าที่ใส่ต้องนิ้วครึ่งขึ้นไปถึงจะเดินได้สะดวกขึ้น(ถ้าในบ้านก็ฝึกเดินเท้าเปล่าปรกติค่ะ)
**8. มีไฟฟ้าสถิตในตัวค่อนข้างเยอะ สังเกตจากเวลาคุณแม่แตะเครื่องไฟฟ้าจะคล้ายๆมีเคลื่อนไฟฟ้าวิ่งผ่านตัว
**9. เวลาไปต่างประเทศจะมีปัญหาตรงเครื่องตรวจจับอาวุธทั้งขาเข้าและออก สัญญาณตรวจจับอาวุธจะร้องเตือน(จะเป็นเฉพาะช่วงเอวลงมาเท่านั้น) จนต้องโดนแยกไปตรวจเดี่ยวหลายครั้ง สุดท้ายก็ผ่านเพราะไม่มีอะไร คือมันเกิดทุกครั้งจนไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ
จะเกี่ยวมั้ยคะ ที่แม่หนูมีประวัติการผ่าตัด 5 ครั้ง คือ
1. ไส้ติ่ง
2. ซีสที่รังไข่ด้านซ้าย(หมอตัดรังไข่ด้านซ้ายออก)
3. แท้งบุตรแต่ว่าพอขูดมดลูกแล้วเลือดไหลไม่หยุดหลายวัน จนเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ
4. ผ่าคลอดบุตรอีก 2 ครั้ง
คุณแม่ไปหาหมอมาหลายที่มาก แต่ผลตรวจไม่ชี้ชัดว่าเป็นอะไร จนคุณหมอบางท่านก็บอกว่าแทบจะ 1 ในล้าน เพราะคุณหมอก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ส่วนมากคุณหมอจะวินิจฉัยว่า หาต้นกำเนิดที่จะเริ่มรักษาไม่เจอ หมอจึงไม่สามารถจ่ายยาได้ บางครั้งก็ซื้อยาตามร้านขายยาที่เป็นยาที่พอช่วยได้เบื้องต้น(จำพวกยาคลายเส้นเพราะจำเป็นเวลาเดินทาง) บางครั้งก็มีนวดแผนโบราณเพราะเส้นมันจะตึง เวลานวด็ช่วยผ่อนคลายแต่ไม่ถึงอาทิตย์ก็จะเริ่มตึงใหม่ ก็มีบ้างที่คนเฒ่าคนแก่แนะนำให้ไปหาพระ ตามความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับโรคกรรม คุณแม่ก็อยากหาย ใครแนะนำอะไรก็รับฟัง แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ปัจจุบันก็ทานยาสมุนไพรและดูแลตัวเองที่บ้านและงดหาหมอมาเกือบ 1 ปีแล้วเพราะมองว่าไม่มีพัฒนาการดีขึ้นเลย