10 อันดับกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลแห่งพรีเมียร์ลีก โดย Nick Miller คอลัมนิสต์ของนิตสาร FourFourTwo ได้จัดอันดับไว้ดังนี้
อันดับ 10 : โคลด มาเกเลเล่

ซีเนอดีน ซีดาน เคยกล่าวถึงความสำคัญในตัวมาเกเลเล่ไว้ว่า “คุณจะเอาทองมาเคลือบบนรถเบนท์ลีย์อีกทำไม หากคุณสูญเสียเครื่องยนต์ของมันไปแล้ว” ซึ่งประโยคนี้ออกมาจากปากยอดเพลย์เมคเกอร์ชาวฝรั่งเศสด้วยความขุ่นเคือง เนื่องจากเรอัล มาดริด ตัดสินใจปล่อยตัวมิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติของเขาออกไป ขณะเดียวกัน ราชันชุดขาวก็ไปเซ็นสัญญากับเดวิด เบ็คแฮม มาแทน มาเกเลเล่ถือเป็นนักเตะคนสำคัญของทุกทีมที่เขาเคยลงสนามให้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมรายนี้เป็นเหมือนแกนกลางที่ช่วยให้ทีมสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างหายห่วงโดยไม่ต้องพะวงเกมรับมากนัก เพราะมีเจ้าตัวคอยปัดกวาดและตัดเกมให้ที่กลางสนามถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความสำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เพราะเจ้าตัวเป็นนักเตะคนแรกๆ ที่ถูกเชลซีในยุคของโรมัน อับราโมวิช เซ็นสัญญาเข้ามา แน่นอนว่านักเตะที่ถูกเซ็นสัญญามาในช่วงเดียวกันอย่างเดเมี่ยน ดัฟฟ์, เฮอร์นาน เครสโป และโจ โคล ก็เป็นนักเตะที่ดี แต่พวกเขาใช่นักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งตัวเองหรือเปล่าล่ะ? ไม่เลย แต่มาเกเลเล่ใช่ เขาถือเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล
อันดับ 9 : เอ็นโกโล่ ก็องเต้

ในการจัดอันดับครั้งนี้ มันอาจจะดูเหมือนว่าเราพยายามจะมองข้ามพวกนักเตะที่ยังเล่นอยู่ในปัจจุบัน เพราะมันจะทำให้คุณตัดสินใจจากผลงานที่เห็นอยู่ในตอนนี้เท่านั้น ไม่ใช่ผลงานทั้งหมดบนเวทีพรีเมียร์ลีก แต่กับก็องเต้ เขาก็ได้พิสูจน์ให้เราเล่นแล้วว่าตัวเองเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี แม้จะลงเล่นบนพรีเมียร์ลีกเพียง 3 ฤดูกาลเท่านั้น มิดฟิลด์ขี้อายรายนี้เป็นนักเตะเพียง 1 ใน 7 คน ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกกับสองสโมสรที่ต่างกันได้ ขณะที่คนอื่นๆ (ยกเว้นแอชลีย์ โคล) เมื่อพวกเขาย้ายออกไป ก็ดูเหมือนว่าทีมๆ นั้นก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่กับก็องเต้แล้ว ถ้าเชลซีไม่มีเขา ก็อาจจะพอคว้าแชมป์ได้นะ แต่กับเลสเตอร์แล้ว การขาดก็องเต้ก็ทำให้พวกเขาไม่น่าจะมีโอกาสคว้าแชมป์ได้อีกแล้วล่ะ ก็องเต้มีชื่อเสียงมากในด้านการไล่ติดตามคู่ต่อสู้ในทุกพื้นที่ ราวกับว่ามีเขาสองคนอยู่ในสนาม และจากส่วนใหญ่ที่เราได้ดูมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้เล่นแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อันดับ 8 : ลูก้า โมดริช

ในตอนแรก เราเองก็ไม่ได้อยากจะใส่ชื่อของโมดริชลงมาในการจัดอันดับครั้งนี้ เพราะผลงานที่ดีที่สุดของเจ้าตัวเกิดขึ้นเมื่อตอนย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกไปแล้ว มิดฟิลด์ชาวโครแอตรายนี้เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของเรอัล มาดริด และช่วยให้โลส บลังโกส คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นว่าเล่น รวมถึงการพาทีมชาติโครเอเชียทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมาแล้ว แต่โมดริชก็เคยฉายแววความเป็นอัจฉริยะในช่วงเวลาสั้นๆ กับทัพไก่เดือยทองมาแล้ว ดูเหมือนเพลย์เมคเกอร์อัจฉริยะคงจะเสียใจอยู่บ้างที่เลือกมาเล่นให้กับสเปอร์สผิดเวลา เพราะมันคงจะดีกว่ามากถ้าเขามาเล่นให้กับทีมดังจากลอนดอนเหนือตอนนี้แทน คุณลองนึกภาพโมดริชประสานงานกับคริสเตียน อีริคเซ่น เพื่อสร้างสรรค์เกมกับแฮร์รี่ เคน สิ มันคงทำให้สเปอร์สเป็นทีมที่มีแนวรุกที่อันตรายที่สุดในแดนผู้ดีแน่นอน “มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นกับนักเตะคนไหนก็ได้” อิวาน ราคิติช กล่าวไว้จากการได้เล่นกับโมดริช “ลูก้าไม่ใช่เพียงนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโครเอเชียเท่านั้น เขายังเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้นำ และเราก็พยายามทำตามเขา”
อันดับ 7 : ดาบิด ซิลบา

ซิลบาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำให้เราลำบากใจเหมือนกันที่เลือกให้เขามาติดในลิสต์นี้ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องฝีเท้าหรอกนะ เป็นเรื่องของตำแหน่งการเล่นต่างหาก เพราะหลายครั้งเขาลงเล่นเป็นปีก แต่บางที เจ้าตัวก็ลงเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 อย่างไรก็ตาม ซิลบาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาดำรงตำแหน่งกุนซือของเรือใบสีฟ้า และนั่นก็เพียงพอให้เจ้าตัวติดมาในลิสต์นี้ กองกลางทีมชาติสเปนรายนี้มีการเล่นที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาการวางบอลและการจ่ายบอล ที่อดีตดาวเตะบาเลนเซียทำมันได้เฉียบขาดเหลือเกิน ซิลบาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่รวดเร็วมาก เขาไม่ได้มีร่างกายแข็งแกร่ง ไม่ได้มีรูปร่างใหญ่ และเหมือนจะเล่นบอลได้ดีเพียงเท้าเดียว แต่เจ้าตัวก็สามารถสร้างสรรค์เกมได้เป็นอย่างดี ด้วยส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว มิดฟิลด์วัย 32 ปี เป็นเหมือนเทพเจ้าที่สามารถทำให้เกมการแข่งขันเป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการได้ เขาสุดยอดจริงๆ ในเรื่องของการคุมจังหวะการเล่นเกมของทีม
อันดับ 6 : ยาย่า ตูเร่

ในช่วงพีค มีนักเตะไม่กี่คนหรอกที่จะน่าจับตามองมากกว่ายาย่า ตูเร่ เขาเป็นคีย์แมนในฤดูกาลที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นสมัยแรก ยอดมิดฟิลด์ชาวไอวอเรี่ยนรายนี้ถือเป็นนักเตะคนสำคัญในแมนฯ ซิตี้ และมันชินี่ก็เปลี่ยนบทบาทของเขาจากมิดฟิลด์ที่เล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่มาเป็นนักเตะตัวรุก ถึงขนาดที่บางครั้งกุนซือชาวอิตาเลี่ยนเปลี่ยนเอากองหน้าออก แล้วส่งมิดฟิลด์ตัวรับลงมา เพื่อจะดันตูเร่คนน้องขึ้นไปเล่นเกมรุกมากขึ้น ยาย่า ตูเร่ ถือเป็นนักเตะที่มีความสามารถในการพลิกเกมอย่างแท้จริง ในหลายๆ เกมที่ดูเหมือนว่าทัพเรือใบสีฟ้า จะไม่สามารถคว้าชัยได้ พวกเขาก็มักจะได้อดีตกองกลางบาร์เซโลน่าคอยดลบันดาลประตูชัยหรือทำแอสซิสต์สวยๆ ให้เสมอ แม้ในช่วงเวลาที่ตูเร่อยู่กับแมนฯ ซิตี้ พวกเขาจะมีผู้เล่นที่ดีกว่าตัวกองกลางผิวสีรายนี้หลายคน แต่ไม่มีใครที่มีความสำคัญต่อทีมมากเท่าเขาอีกแล้ว
อันดับ 5 : แพทริค วิเอร่า

หากคุณเคยเห็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ไม่ได้เป็นเพียงมิดฟิลด์ตัวรับ นั่นก็แปลว่าคุณต้องเคยดูวิเอร่าเล่นแน่นอน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด ที่อาร์เซนอลต้องร้างแชมป์เป็นเวลาเกือบทศวรรษ หลังจากที่วิเอร่าอำลาทีมไปอยู่กับยูเวนตุสในปี 2005 และปัจจุบันทัพปืนใหญ่ก็ยังไม่สามารถหาผู้เล่นคนไหนมาแทนที่มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ได้เลย เพราะนอกจากทักษะและความแข็งแกร่งแล้ว เขายังมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง และมีความผู้นำอย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย “เขาไม่เหมือนนักเตะคนไหนที่ผมเคยเจอ เขาช่วยทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น” นี่คือคำพูดของรอย คีน อดีตกัปตันทีมของแมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะซึ่งเป็นเหมือนคู่ปรับในสนามตลอดกาลของวิเอร่า “ชัดเจนเลยว่า ตอนนั้นอาร์เซนอลคือทีมคู่แข่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และบางช่วงเวลา พวกเขาก็แซงหน้าเราได้ ในช่วงที่เขายังคงลงเล่น หากเขาได้ขับเคลื่อนอาร์เซนอลด้วยพลังที่แท้จริงซึ่งมาจากบุคลิกของเขา นั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่เราไม่สามารถสู้ด้วยได้เลย”
อันดับ 4 : สตีเว่น เจอราร์ด

สำหรับ 4 อันดับแรกในการจัดอันดับครั้งนี้ คุณสามารถสับเปลี่ยนให้พวกเขาไปอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้แทนตามความชอบของพวกคุณเลย
มันมักจะมีคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจอราร์ดอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือเจอราร์ดจะสุดยอดขนาดไหน หากเขาได้เล่นกับนักเตะที่ดีกว่านี้ในอาชีพค้าแข้งของตัวเอง เพราะการได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานที่ดีขึ้น ย่อมช่วยให้คุณมีศักยภาพที่ดีขึ้น แต่กับตำนานมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาเวลาเล่นกับเพื่อนร่วมทีมคือ “เอาล่ะ ไม่มีใครที่จะทำสิ่งนี้ได้เลย มันคงจะดีกว่าถ้าฉันทำมันเอง” แต่หากมองมุมกลับ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เป็นผู้จุดประกายให้เจอราร์ดทำผลงานโดดเด่นขึ้นมา และทำให้ตัวกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้เป็นเหมือนฮีโร่ของเหล่าสเกาเซอร์ อดีตกัปตันทีมของลิเวอร์พูลรายนี้อาจจะไม่ใช่พวกที่เน้นการคุมจังหวะเกมแบบมิดฟิลด์ตัวกลางรายอื่น แต่เจ้าตัวเป็นเหมือนนักเตะที่มักจะทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมออกมาในสถานการณ์ที่จำเป็นได้เสมอ เจอราร์ดคือผู้ที่สามารถชี้ขาดเกมให้ทัพหงส์แดงได้อย่างแท้จริง
อันดับ 3 : พอล สโคลส์

มันอาจฟังดูตลกอยู่บ้าง แต่หากคุณไปถามพวกนักเตะชั้นยอดที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษว่า ใครคือนักเตะอังกฤษที่ดีที่สุดตลอดกาลที่คุณเคยดวลด้วย นักเตะเหล่านั้นก็มักจะตอบว่า “สโคลส์ แห่งแมนเชสเตอร์ไงล่ะ” บางทีมันอาจจะฟังดูเป็นตัวเลือกที่แปลก แต่มันก็เป็นคำตอบจากนักเตะชั้นยอด ที่บางทีแฟนบอลหรือนักเตะธรรมดาอาจจะไม่เข้าใจ สำหรับบรรดานักฟุตบอลด้วยการแล้ว สโคลส์ถือเป็นนักเตะระดับปรากฏการณ์เลยทีเดียว มิดฟิลด์หัวแดงเพลิงของทัพปีศาจแดงเป็นนักเตะที่ทำได้ดีเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะการออกบอลสั้นยาว การยิงทั้งระยะใกล้หรือไกล เขาแข็งแกร่ง เก็บบอลได้ มีวิสัยทัศน์การเล่นบอลที่เหลือเชื่อ บางทีสิ่งเดียวที่สโคลส์อาจจะทำได้ไม่ดีนักก็คือการเข้าปะทะเพื่อแย่งบอลนี่แหละ
อันดับ 2 : แฟรงค์ แลมพาร์ด

บ่อยครั้งที่สิ่งที่ทำให้พึ่งพอใจมากที่สุดจากการดูนักฟุตบอลระดับสูงลงเล่นคือการได้เห็นสิ่งที่เราไม่สามารถอธิบายได้ การได้เห็นคุณภาพที่เราไม่สามารถตีค่ามันเป็นตัวเลขหรือคำพูดได้ แลมพาร์ดคือหนึ่งในนักเตะประเภทนี้ เขามีคุณภาพที่บางทีคุณก็ไม่สามารถอธิบายได้ กองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้มักจะโผล่เข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตูได้ถูกที่ถูกเวลา และเจ้าตัวก็ทำประตูได้มากมายทั้งจากการหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ และลูกยิงจากแถวสอง อดีตเด็กปั้นของเวสต์แฮมยิงประตูให้เชลซีไป 211 ลูก จาก 274 ประตูตลอดอาชีพนักเตะของตัวเอง และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสิงห์บลูส์ และในช่วงพีคของตัวเอง แลมพาร์ดทำประตูได้มากกว่า 20 ลูกต่อฤดูกาลได้ 5 ฤดูกาลติดต่อกัน (ซึ่งฤดูกาลถัดมา เขาก็ทำได้ 19 ประตู) หากคุณเป็นกองหน้า จำนวนประตูขนาดนี้คงทำให้คุณมีชื่อในหอเกียรติยศได้ แต่กับผู้เล่นกองกลาง สถิตินี้ถือเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ และอดีตเพื่อนร่วมทีมเชลซีอย่างดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็ได้ออกมายกย่องอดีตเพื่อนร่วมทีมว่า “แฟรงค์คือมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยลงเล่นด้วย เขาฉลาดที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
อันดับ 1 : รอย คีน

หากอยากจะทราบว่าทีมจะแพ้หรือชนะ หลายๆ คนก็มักจะมองไปที่นักเตะมิดฟิลด์ของทีม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทุกคนคาดหวังที่สุดในเรื่องของการคุมเกม นอกจากนี้ หลายคนยังคาดหวังเรื่องของบุคลิกจากผู้เล่นตำแหน่งนี้ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นผู้นำ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงเลือกรอย คีน เป็นกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลในยุคของพรีเมียร์ลีก คีนอาจจะไม่ใช่นักเตะที่มีทักษะดีเหมือนกองกลางคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้ทำประตูมากมาย อาจจะไม่ใช่นักเตะที่เฉลียวฉลาดมาก หรือมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่เขาก็สามารถทำให้ทีมชนะได้ด้วยความมุ่งมัน ความดุดัน และความบ้าคลั่งในยามที่ต้องการจะหยุดไม่ให้คู่แข่งผ่านไป บางทีเจ้าตัวอาจจะไม่ได้ดูระห่ำอย่างที่เราบอก แต่บางทีอดีตกัปตันทีมของแมนฯ ยูไนเต็ดก็ดูเป็นเหมือนคนบ้าจริงๆ แน่นอนว่าความบ้าคลั่งของคีนบางทีก็เกิดกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเอง จนบางทีมันก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองหากคุณต้องเผชิญหน้ากับมิดฟิลด์ชาวไอร์แลนด์ หรือแม้แต่เล่นร่วมทีมกับเขาก็ตาม คุณอาจจะได้เห็นนักเตะในลิสต์นี้แสดงความยอดเยี่ยมให้ดูมาหมดแล้ว แต่คีนคงจะเป็นนักเตะที่คุณต้องการมาร่วมทีม
10 อันดับกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลแห่งพรีเมียร์ลีก
อันดับ 10 : โคลด มาเกเลเล่
ซีเนอดีน ซีดาน เคยกล่าวถึงความสำคัญในตัวมาเกเลเล่ไว้ว่า “คุณจะเอาทองมาเคลือบบนรถเบนท์ลีย์อีกทำไม หากคุณสูญเสียเครื่องยนต์ของมันไปแล้ว” ซึ่งประโยคนี้ออกมาจากปากยอดเพลย์เมคเกอร์ชาวฝรั่งเศสด้วยความขุ่นเคือง เนื่องจากเรอัล มาดริด ตัดสินใจปล่อยตัวมิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติของเขาออกไป ขณะเดียวกัน ราชันชุดขาวก็ไปเซ็นสัญญากับเดวิด เบ็คแฮม มาแทน มาเกเลเล่ถือเป็นนักเตะคนสำคัญของทุกทีมที่เขาเคยลงสนามให้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมรายนี้เป็นเหมือนแกนกลางที่ช่วยให้ทีมสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างหายห่วงโดยไม่ต้องพะวงเกมรับมากนัก เพราะมีเจ้าตัวคอยปัดกวาดและตัดเกมให้ที่กลางสนามถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความสำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เพราะเจ้าตัวเป็นนักเตะคนแรกๆ ที่ถูกเชลซีในยุคของโรมัน อับราโมวิช เซ็นสัญญาเข้ามา แน่นอนว่านักเตะที่ถูกเซ็นสัญญามาในช่วงเดียวกันอย่างเดเมี่ยน ดัฟฟ์, เฮอร์นาน เครสโป และโจ โคล ก็เป็นนักเตะที่ดี แต่พวกเขาใช่นักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งตัวเองหรือเปล่าล่ะ? ไม่เลย แต่มาเกเลเล่ใช่ เขาถือเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล
อันดับ 9 : เอ็นโกโล่ ก็องเต้
ในการจัดอันดับครั้งนี้ มันอาจจะดูเหมือนว่าเราพยายามจะมองข้ามพวกนักเตะที่ยังเล่นอยู่ในปัจจุบัน เพราะมันจะทำให้คุณตัดสินใจจากผลงานที่เห็นอยู่ในตอนนี้เท่านั้น ไม่ใช่ผลงานทั้งหมดบนเวทีพรีเมียร์ลีก แต่กับก็องเต้ เขาก็ได้พิสูจน์ให้เราเล่นแล้วว่าตัวเองเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี แม้จะลงเล่นบนพรีเมียร์ลีกเพียง 3 ฤดูกาลเท่านั้น มิดฟิลด์ขี้อายรายนี้เป็นนักเตะเพียง 1 ใน 7 คน ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกกับสองสโมสรที่ต่างกันได้ ขณะที่คนอื่นๆ (ยกเว้นแอชลีย์ โคล) เมื่อพวกเขาย้ายออกไป ก็ดูเหมือนว่าทีมๆ นั้นก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่กับก็องเต้แล้ว ถ้าเชลซีไม่มีเขา ก็อาจจะพอคว้าแชมป์ได้นะ แต่กับเลสเตอร์แล้ว การขาดก็องเต้ก็ทำให้พวกเขาไม่น่าจะมีโอกาสคว้าแชมป์ได้อีกแล้วล่ะ ก็องเต้มีชื่อเสียงมากในด้านการไล่ติดตามคู่ต่อสู้ในทุกพื้นที่ ราวกับว่ามีเขาสองคนอยู่ในสนาม และจากส่วนใหญ่ที่เราได้ดูมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้เล่นแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อันดับ 8 : ลูก้า โมดริช
ในตอนแรก เราเองก็ไม่ได้อยากจะใส่ชื่อของโมดริชลงมาในการจัดอันดับครั้งนี้ เพราะผลงานที่ดีที่สุดของเจ้าตัวเกิดขึ้นเมื่อตอนย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกไปแล้ว มิดฟิลด์ชาวโครแอตรายนี้เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของเรอัล มาดริด และช่วยให้โลส บลังโกส คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นว่าเล่น รวมถึงการพาทีมชาติโครเอเชียทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมาแล้ว แต่โมดริชก็เคยฉายแววความเป็นอัจฉริยะในช่วงเวลาสั้นๆ กับทัพไก่เดือยทองมาแล้ว ดูเหมือนเพลย์เมคเกอร์อัจฉริยะคงจะเสียใจอยู่บ้างที่เลือกมาเล่นให้กับสเปอร์สผิดเวลา เพราะมันคงจะดีกว่ามากถ้าเขามาเล่นให้กับทีมดังจากลอนดอนเหนือตอนนี้แทน คุณลองนึกภาพโมดริชประสานงานกับคริสเตียน อีริคเซ่น เพื่อสร้างสรรค์เกมกับแฮร์รี่ เคน สิ มันคงทำให้สเปอร์สเป็นทีมที่มีแนวรุกที่อันตรายที่สุดในแดนผู้ดีแน่นอน “มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นกับนักเตะคนไหนก็ได้” อิวาน ราคิติช กล่าวไว้จากการได้เล่นกับโมดริช “ลูก้าไม่ใช่เพียงนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโครเอเชียเท่านั้น เขายังเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้นำ และเราก็พยายามทำตามเขา”
อันดับ 7 : ดาบิด ซิลบา
ซิลบาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำให้เราลำบากใจเหมือนกันที่เลือกให้เขามาติดในลิสต์นี้ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องฝีเท้าหรอกนะ เป็นเรื่องของตำแหน่งการเล่นต่างหาก เพราะหลายครั้งเขาลงเล่นเป็นปีก แต่บางที เจ้าตัวก็ลงเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 อย่างไรก็ตาม ซิลบาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาดำรงตำแหน่งกุนซือของเรือใบสีฟ้า และนั่นก็เพียงพอให้เจ้าตัวติดมาในลิสต์นี้ กองกลางทีมชาติสเปนรายนี้มีการเล่นที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาการวางบอลและการจ่ายบอล ที่อดีตดาวเตะบาเลนเซียทำมันได้เฉียบขาดเหลือเกิน ซิลบาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่รวดเร็วมาก เขาไม่ได้มีร่างกายแข็งแกร่ง ไม่ได้มีรูปร่างใหญ่ และเหมือนจะเล่นบอลได้ดีเพียงเท้าเดียว แต่เจ้าตัวก็สามารถสร้างสรรค์เกมได้เป็นอย่างดี ด้วยส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว มิดฟิลด์วัย 32 ปี เป็นเหมือนเทพเจ้าที่สามารถทำให้เกมการแข่งขันเป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการได้ เขาสุดยอดจริงๆ ในเรื่องของการคุมจังหวะการเล่นเกมของทีม
อันดับ 6 : ยาย่า ตูเร่
ในช่วงพีค มีนักเตะไม่กี่คนหรอกที่จะน่าจับตามองมากกว่ายาย่า ตูเร่ เขาเป็นคีย์แมนในฤดูกาลที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นสมัยแรก ยอดมิดฟิลด์ชาวไอวอเรี่ยนรายนี้ถือเป็นนักเตะคนสำคัญในแมนฯ ซิตี้ และมันชินี่ก็เปลี่ยนบทบาทของเขาจากมิดฟิลด์ที่เล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่มาเป็นนักเตะตัวรุก ถึงขนาดที่บางครั้งกุนซือชาวอิตาเลี่ยนเปลี่ยนเอากองหน้าออก แล้วส่งมิดฟิลด์ตัวรับลงมา เพื่อจะดันตูเร่คนน้องขึ้นไปเล่นเกมรุกมากขึ้น ยาย่า ตูเร่ ถือเป็นนักเตะที่มีความสามารถในการพลิกเกมอย่างแท้จริง ในหลายๆ เกมที่ดูเหมือนว่าทัพเรือใบสีฟ้า จะไม่สามารถคว้าชัยได้ พวกเขาก็มักจะได้อดีตกองกลางบาร์เซโลน่าคอยดลบันดาลประตูชัยหรือทำแอสซิสต์สวยๆ ให้เสมอ แม้ในช่วงเวลาที่ตูเร่อยู่กับแมนฯ ซิตี้ พวกเขาจะมีผู้เล่นที่ดีกว่าตัวกองกลางผิวสีรายนี้หลายคน แต่ไม่มีใครที่มีความสำคัญต่อทีมมากเท่าเขาอีกแล้ว
อันดับ 5 : แพทริค วิเอร่า
หากคุณเคยเห็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ไม่ได้เป็นเพียงมิดฟิลด์ตัวรับ นั่นก็แปลว่าคุณต้องเคยดูวิเอร่าเล่นแน่นอน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด ที่อาร์เซนอลต้องร้างแชมป์เป็นเวลาเกือบทศวรรษ หลังจากที่วิเอร่าอำลาทีมไปอยู่กับยูเวนตุสในปี 2005 และปัจจุบันทัพปืนใหญ่ก็ยังไม่สามารถหาผู้เล่นคนไหนมาแทนที่มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ได้เลย เพราะนอกจากทักษะและความแข็งแกร่งแล้ว เขายังมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง และมีความผู้นำอย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย “เขาไม่เหมือนนักเตะคนไหนที่ผมเคยเจอ เขาช่วยทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น” นี่คือคำพูดของรอย คีน อดีตกัปตันทีมของแมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะซึ่งเป็นเหมือนคู่ปรับในสนามตลอดกาลของวิเอร่า “ชัดเจนเลยว่า ตอนนั้นอาร์เซนอลคือทีมคู่แข่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และบางช่วงเวลา พวกเขาก็แซงหน้าเราได้ ในช่วงที่เขายังคงลงเล่น หากเขาได้ขับเคลื่อนอาร์เซนอลด้วยพลังที่แท้จริงซึ่งมาจากบุคลิกของเขา นั่นก็จะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่เราไม่สามารถสู้ด้วยได้เลย”
อันดับ 4 : สตีเว่น เจอราร์ด
สำหรับ 4 อันดับแรกในการจัดอันดับครั้งนี้ คุณสามารถสับเปลี่ยนให้พวกเขาไปอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้แทนตามความชอบของพวกคุณเลย
มันมักจะมีคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจอราร์ดอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือเจอราร์ดจะสุดยอดขนาดไหน หากเขาได้เล่นกับนักเตะที่ดีกว่านี้ในอาชีพค้าแข้งของตัวเอง เพราะการได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานที่ดีขึ้น ย่อมช่วยให้คุณมีศักยภาพที่ดีขึ้น แต่กับตำนานมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาเวลาเล่นกับเพื่อนร่วมทีมคือ “เอาล่ะ ไม่มีใครที่จะทำสิ่งนี้ได้เลย มันคงจะดีกว่าถ้าฉันทำมันเอง” แต่หากมองมุมกลับ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เป็นผู้จุดประกายให้เจอราร์ดทำผลงานโดดเด่นขึ้นมา และทำให้ตัวกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้เป็นเหมือนฮีโร่ของเหล่าสเกาเซอร์ อดีตกัปตันทีมของลิเวอร์พูลรายนี้อาจจะไม่ใช่พวกที่เน้นการคุมจังหวะเกมแบบมิดฟิลด์ตัวกลางรายอื่น แต่เจ้าตัวเป็นเหมือนนักเตะที่มักจะทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมออกมาในสถานการณ์ที่จำเป็นได้เสมอ เจอราร์ดคือผู้ที่สามารถชี้ขาดเกมให้ทัพหงส์แดงได้อย่างแท้จริง
อันดับ 3 : พอล สโคลส์
มันอาจฟังดูตลกอยู่บ้าง แต่หากคุณไปถามพวกนักเตะชั้นยอดที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษว่า ใครคือนักเตะอังกฤษที่ดีที่สุดตลอดกาลที่คุณเคยดวลด้วย นักเตะเหล่านั้นก็มักจะตอบว่า “สโคลส์ แห่งแมนเชสเตอร์ไงล่ะ” บางทีมันอาจจะฟังดูเป็นตัวเลือกที่แปลก แต่มันก็เป็นคำตอบจากนักเตะชั้นยอด ที่บางทีแฟนบอลหรือนักเตะธรรมดาอาจจะไม่เข้าใจ สำหรับบรรดานักฟุตบอลด้วยการแล้ว สโคลส์ถือเป็นนักเตะระดับปรากฏการณ์เลยทีเดียว มิดฟิลด์หัวแดงเพลิงของทัพปีศาจแดงเป็นนักเตะที่ทำได้ดีเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะการออกบอลสั้นยาว การยิงทั้งระยะใกล้หรือไกล เขาแข็งแกร่ง เก็บบอลได้ มีวิสัยทัศน์การเล่นบอลที่เหลือเชื่อ บางทีสิ่งเดียวที่สโคลส์อาจจะทำได้ไม่ดีนักก็คือการเข้าปะทะเพื่อแย่งบอลนี่แหละ
อันดับ 2 : แฟรงค์ แลมพาร์ด
บ่อยครั้งที่สิ่งที่ทำให้พึ่งพอใจมากที่สุดจากการดูนักฟุตบอลระดับสูงลงเล่นคือการได้เห็นสิ่งที่เราไม่สามารถอธิบายได้ การได้เห็นคุณภาพที่เราไม่สามารถตีค่ามันเป็นตัวเลขหรือคำพูดได้ แลมพาร์ดคือหนึ่งในนักเตะประเภทนี้ เขามีคุณภาพที่บางทีคุณก็ไม่สามารถอธิบายได้ กองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้มักจะโผล่เข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตูได้ถูกที่ถูกเวลา และเจ้าตัวก็ทำประตูได้มากมายทั้งจากการหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ และลูกยิงจากแถวสอง อดีตเด็กปั้นของเวสต์แฮมยิงประตูให้เชลซีไป 211 ลูก จาก 274 ประตูตลอดอาชีพนักเตะของตัวเอง และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสิงห์บลูส์ และในช่วงพีคของตัวเอง แลมพาร์ดทำประตูได้มากกว่า 20 ลูกต่อฤดูกาลได้ 5 ฤดูกาลติดต่อกัน (ซึ่งฤดูกาลถัดมา เขาก็ทำได้ 19 ประตู) หากคุณเป็นกองหน้า จำนวนประตูขนาดนี้คงทำให้คุณมีชื่อในหอเกียรติยศได้ แต่กับผู้เล่นกองกลาง สถิตินี้ถือเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ และอดีตเพื่อนร่วมทีมเชลซีอย่างดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็ได้ออกมายกย่องอดีตเพื่อนร่วมทีมว่า “แฟรงค์คือมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยลงเล่นด้วย เขาฉลาดที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
อันดับ 1 : รอย คีน
หากอยากจะทราบว่าทีมจะแพ้หรือชนะ หลายๆ คนก็มักจะมองไปที่นักเตะมิดฟิลด์ของทีม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทุกคนคาดหวังที่สุดในเรื่องของการคุมเกม นอกจากนี้ หลายคนยังคาดหวังเรื่องของบุคลิกจากผู้เล่นตำแหน่งนี้ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นผู้นำ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงเลือกรอย คีน เป็นกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลในยุคของพรีเมียร์ลีก คีนอาจจะไม่ใช่นักเตะที่มีทักษะดีเหมือนกองกลางคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้ทำประตูมากมาย อาจจะไม่ใช่นักเตะที่เฉลียวฉลาดมาก หรือมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่เขาก็สามารถทำให้ทีมชนะได้ด้วยความมุ่งมัน ความดุดัน และความบ้าคลั่งในยามที่ต้องการจะหยุดไม่ให้คู่แข่งผ่านไป บางทีเจ้าตัวอาจจะไม่ได้ดูระห่ำอย่างที่เราบอก แต่บางทีอดีตกัปตันทีมของแมนฯ ยูไนเต็ดก็ดูเป็นเหมือนคนบ้าจริงๆ แน่นอนว่าความบ้าคลั่งของคีนบางทีก็เกิดกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเอง จนบางทีมันก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองหากคุณต้องเผชิญหน้ากับมิดฟิลด์ชาวไอร์แลนด์ หรือแม้แต่เล่นร่วมทีมกับเขาก็ตาม คุณอาจจะได้เห็นนักเตะในลิสต์นี้แสดงความยอดเยี่ยมให้ดูมาหมดแล้ว แต่คีนคงจะเป็นนักเตะที่คุณต้องการมาร่วมทีม