ตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองอุตรดิตถ์ เมืองพะเยาต่อเมืองน่าน ตอนที่ 3

                   

                           กลับมารีวิวกระทู้ท่องเที่ยวสไตล์ตระเวนเดี่ยวเที่ยวทั่วไทยกันอีกครั้ง   หลังจากห่างนานไปนานร่วมปี  ทั้ง ๆ ที่จริงผมก็เที่ยวตระเวนไปทั่วทั้งเหนือ  อีสาน  กลาง และใต้   ทั้งเที่ยวคนเดียวและเทื่ยวกับครอบครัว    วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวสไตล์ตระเวนเดี่ยวกันต่อที่เมืองอุตรดิตถ์  เมืองพะเยาต่อด้วยเมืองน่านกันนะครับ   
                           ก่อนอื่นมาดูกำหนดการตระเวนเที่ยวของผมในทริปนี้  จำนวน  8  วันก่อนนะครับ
                           วันแรก    :   เดินทางจากกรุงเทพุฯ - อุตรดิตถ์  และเที่ยวย่านเมืองลับแล
                           วันที่  2   :   เที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ
                           วันที่  3   :   เที่ยวเก็บตกในเมืองอุตรดิตถ์  และนั่งรถต่อไปยังเมืองน่าน
                           วันที่  4   :   เที่ยวย่านอำเภอปัว  และอำเภอท่าวังผา
                           วันที่  5   :   เที่ยวชมทะเลหมอกภูลังกา  และเที่ยวย่านอำเภอเชียงคำ
                           วันที่  6   :   เที่ยวย่านเมืองพะเยา  และอำเภอดอกคำใต้
                           วันที่  7   :   เที่ยวย่านอำเภอเชียงม่วน  และเที่ยวยามค่ำคืนในเมืองน่าน
                           วันที่  8   :   เที่ยวเก็บตกในเมืองน่าน  และเดินทางกลับกรุงเทพฯ


วันที่  5   :   เที่ยวชมทะเลหมอกภูลังกา  และเที่ยวย่านอำเภอเชียงคำ

                           วันนี้ผมตื่นแต่ตี  5  ครึ่งเพื่อมาชมทะเลหมอกภูลังกาจากหน้าผาบริเวณที่พักบ้านทะเลหมอก   แม้จะมาเฝ้าดูทะเลหมอกแต่ฟ้าสางแต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างทยอยกันเดินมาจากจุดชมวิวนี้กันอย่างไม่ขาดสาย   จนนักท่องเที่ยวเริ่มหนาแน่นขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง   


                           นักท่องเที่ยวต่างรีบจับจองพื้นที่หน้าผาริมถนนเพื่อคอยดูทะเลหมอกเบื้องล่างหุบเขาที่เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นยามฟ้าสว่าง   
สีท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและมีสีแดงจับอยู่ตามสันเขาฝั่งตรงข้ามของหน้าผา   แสดงให้เห็นว่าอีกไม่นานดวงอาทิตย์ก็จะเริ่มโผล่พ้นแนวทิวเขาขึ้นมาทีละน้อย


                           พอดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏเหนือสันเขา   ภาพทะเลหมอกเบื้องล่างของหุบเขาก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดแก่สายตา   วันนี้ทะเลหมอกที่ภูลังกาไม่ได้มีหมอกหนาแน่นเท่าวันอื่น ๆ  อาจเพราะอากาศไม่ได้หนาว  แค่เย็นชิล ๆ เท่านั้น   ถ้าลมหนาวพัดผ่านมาเมื่อไหร่อาจทำให้ที่นี่มีหมอกหนาแน่นเหมือนเช่นเคยได้   


                            ผมว่าทะเลหมอกที่ภูลังกานี้ถึงแม้จะมีหมอกไม่มากเช่นที่อื่น  แต่ความงามจากองค์ประกอบของมันจัดวางตำแหน่งให้ธรรมชาติดูสวยงามดีนะครับ   ถ้าใครจะมาชมทะเลหมอกแห่งนี้ผมว่าก็ไม่ผิดหวังกับความงามที่เฝ้ารอหรอกนะครับ    พอแสงแดดเริ่มแรงขึ้นบรรดาหมอกที่เคยแน่นเป็นผืนดุจผ้าห่มคลุมหุบเขาก็เริ่มละลายเป็นม่านบาง ๆ  ไหลไปทั่วแอ่งเบื้องล่าง   เป็นภาพที่สวยงามจับตาดีครับ


                             วันที่ผมมาชมทะเลหมอกภูลังกานี้แม้จะเป็นวันหยุดธรรมดาแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมกันเป็นจำนวนมาก   มีทั้งมาพักค้างแรมที่รีสอร์ทแถว ๆ นี้  และบางส่วนก็ขับรถมาตอนใกล้สว่างเพื่อให้ทันในการชมทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่


                              นี่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเช่นปีใหม่   สงสัยที่พักแถวนี้คงมีจำนวนไม่เพียงพอต่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่ไหลบ่ากันมามาก  ทะเลหมอกที่ภูลังกาแห่งนี้เพิ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวได้ไม่นาน   จากการโพสกระทู้ของนักท่องเที่ยวลงในห้องบลูเพลนเน็ตของเว็บพันทิป  จึงทำให้มีคนแชร์ภาพทะเลหมอกที่นี่ออกไปอย่างกว้างขวาง   จนทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างอยากมาสัมผัสดูทะเลหมอกแห่งนี้ด้วยสายตาตนเองสักครั้งว่าจะงามจริงเหมือนเช่นเห็นในภาพถ่ายหรือไม่   


                            ทะเลหมอกแห่งนี้จะมีหมอกให้ชมจริง ๆ แค่  1  ชั่วโมงครึ่งหลังฟ้าสว่างแล้วเท่านั้น   พอ  7.30  น.  หมอกก็เริ่มระเหยและจางหายไปในที่สุดเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องขึ้นสูงเหนือยอดทิวเขาแล้ว    ทำให้เบื้องล่างหุบเขากลับเห็นผาช้างน้อยปรากฏอยู่ตรงกลางแอ่งที่ราบอย่างชัดเจน


                             เพียงไม่นานนักท่องเที่ยวที่เคยหนาตาก็เริ่มเลือนหายไป   ต่างแยกย้ายกันเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก หรือบางส่วนที่มาเองก็ขับรถออกไป   ทำให้ที่นี่ดูเงียบลงทันที


                              จริง ๆ ที่พักบริเวณจุดชมทะเลหมอกภูลังกา   เท่าที่ผมเดินสำรวจก็มีอยู่ไม่มากนัก  น่าจะ  7 - 8  แห่งนะครับ   แต่จุดที่ถือว่าเป็นทำเลทองจริง ๆ ก็คือ  ที่พักบริเวณทางโค้งของถนน  ซึ่งจะเป็นหน้าผามองเห็นแอ่งที่ราบเบื้องล่างที่มีผาช้างน้อยตั้งเด่นสง่าอยู่  


                               ยามเช้าจุดนี้แหละที่จะกลายเป็นทะเลหมอกให้เราได้ชมกัน    งั้นผมขอแนะนำที่พักที่ถือว่าเป็นทำเลทองให้ผู้ชมคนอื่นได้รู้จักกันนะครับ  เพราะปัจจุบันบริเวณนี้ก็มีการสร้างที่พักใหม่และกำลังสร้างขึ้นอยู่เรื่อย ๆ  เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวที่เริ่มมีมากขึ้น
                               ที่พักแห่งแรกที่ผมจะแนะนำเป็นที่พักที่ผมพักในทริปนี้ที่ภูลังกา  นั่นก็คือ  บ้านทะเลหมอก    


                               บ้านทะเลหมอกเป็นที่พักที่อยู่ในตำแหน่งวิวดีครับ   จากที่พักสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ชัดเจนโดยเฉพาะจุดที่เป็นร้านอาหารของที่พักครับ    ที่พักแห่งนี้จะมีร้านอาหารอยู่  2  ร้าน   ร้านแรกที่วิวดีมากจะอยู่ริมถนนมองเห็นวิว   ร้านนี้จะขายอาหารและเครื่องดื่มด้วยนะครับ
ดังภาพด้านล่างเนี่ยแหละครับ


                                ส่วนราคาอาหารที่นี่ก็จะมีราคาสูงกว่าในเมืองสักเท่านึงนะครับ   เป็นเหมือนกันทุกร้านค้าแถวนี้  เพราะเค้าต้องไปซื้อของมาจากในเมืองมาขายให้ที่นี่นะครับ  จึงบวกค่าขนส่งเดินทางไปด้วยตามระเบียบครับ   อย่างเช่นในเมืองขายข้าวราดกะเพราบวกไข่ดาวอยู่ที่  35 - 40  บาท  ที่นี่ก็จะขายราคาอยู่ที่  70 - 80  บาทนะครับ   อ่อ...ลืมบอกไปที่นี่ยังมีขายส้มตำ  หมูกระทะ  หมูจุ่ม  สุกี้  ด้วยนะครับ   เรียกว่าใครเป็นคนคอชอบกินอาหารจำพวกนี้รับรองมาที่นี่ไม่ขาดแคลนแน่นอนครับ   


                                ส่วนร้านอาหารอีกแห่งของที่พักแห่งนี้   มีชื่อว่า  ครัวบ้านทะเลหมอก  จะอยู่ด้านล่างจากร้านอาหารข้างบน   ต้องเดินลงบันไดไปนะครับ   ร้านนี้จะขายอาหารป่าเป็นส่วนใหญ่ครับ        
                                ส่วนห้องพักที่นี่มีราคาแตกต่างกันไปนะครับ   รู้สึกจะมี  3 - 4  แบบให้เลือก   ราคาถูกสุดคือ ห้องพักแบบน็อคดาวน์  อยู่อีกฝั่งของถนนตรงข้ามกับร้านอาหารของที่พัก   เป็นห้องขนาดเล็ก ๆ แค่ 2  คนนอนครับ  และมีห้องน้ำรวมที่ใช้ร่วมกันทั้งแถว   ราคาอยู่ที่คืนละ  800  บาท  ไม่ทราบว่าวันธรรมดาจะราคานี้ด้วยรึเปล่า     
                                แบบที่ 2   เป็นห้องพักที่มีห้องน้ำในตัว  เป็นแบบที่ผมพักครับ   ห้องไม่ได้กว้างอะไรมาก  นอนได้แค่  2 - 3  คน  แต่มีโทรทัศน์ให้ด้วย   ราคาคืนละ 1,200  บาท  ห้องไม่ได้ดีอะไร    ถ้าใครไม่คิดมากเรื่องคุณภาพกับราคาก็พอพักได้   แต่ถ้าคาดหวังว่าราคาขึ้นหลักพันห้องน่าจะดีกว่านี้ก็เลือกที่อื่นพักเถอะครับ  จะได้ไม่เสียดายเงิน    ผมว่าราคาที่พักที่นี่ไม่ค่อยเหมาะสมกับคุณภาพของห้องพักเท่าไหร่นะครับ   
                                แบบที่ 3  เป็นบ้านพักหลังใหญ่เหมาะสำหรับมาพักเป็นครอบครัว   ตกคืนละ 1,500 - 2,000  บาท   นอนได้ประมาณ  8  คน
พอดีผมจองที่พักที่นี่ได้เพราะตอนติดต่อไปยังไม่เต็ม  แต่กว่าจะตอบรับเรื่องได้ปาไป  2  สัปดาห์นะครับ   เพราะเจ้าของดูแล้วไม่ค่อยง้อลูกค้า  บอกแต่ว่างานยุ่งต้องขายของที่ร้านอาหารแขกมาทั้งวัน   ไม่ยอมคุยโทรศัพท์กับลูกค้าเลย  โทรติดต่อยากมาก  และให้เขียนไลน์ทิ้งไว้เดี๋ยวเขาจะเขียนตอบกลับเอง    ถ้าใครเป็นคนใจเย็นรอได้ก็เชิญที่นี่ได้นะครับแต่อย่าคาดหวังคุณภาพมาก  
               
                                ที่พักแห่งต่อไปที่หลายคนน่าจะรู้จักกันแพร่หลาย  เพราะเป็นที่พักแรก ๆ ของแถบนี้เลยนั่นก็คือ  ภูลังกาบ้านสวน หรือ ภูลังการีสอร์ท


                                 ที่พักแห่งนี้เจ้าของอัธยาศัยดีนะครับ   แต่ที่พักก็ตามสภาพเพราะเป็นบริเวณป่าเขาคงหาที่ดีที่คุณภาพดีมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเหมือนในเมืองไม่ได้หรอกนะครับ    ราคาที่พักหลังเล็กสุดอยู่ราว ๆ  600 - 800  บาทนอนได้  2  คน   หลังคาใหญ่นอนได้เป็นครอบครัวตกหลังละ  2,500  บาท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่