ตอนที่ 2 Bromo ภูเขาไฟที่มีชีวิต การเดินทางของเราสองคน มาเอง ลุยเอง หาข้อมูลเองบอกเลยมาแบบนี้มันมาก ต่อกจาก Bali สู่ Bromo ครั้งนี้ทำให้เราได้ อารมณ์ แบบการ ผจญภัย เต็มรูปแบบมาก ทั้งเดิน แบกกระเป๋า หารถ ต่อ รถ เพื่อที่จะไปหมู่บ้าน เซโมโร ลาวัง ที่เป็นที่พักของเรา เพื่อที่จะไปภูเขาไฟโบรโม่ เราพักอยู่ที่นี่ 3 วัน และเดินเที่ยวเล่นใน หมู่บ้าน ตอนแรกตั้งใจจะเดินไป จุด ชมวิว และเดินไปโบรโม่เอง แต่ คิดไปคิดมา อุปกรณ์ของกล้องหนักมากเดินคงยากแน่นอนเลยตัดสินใจ คุย กับคนในหมู่บ้านเพื่อหารถ มอเตอร์ไซค์ ที่จะไปยังจุดต่างๆ บอกเลย โครต โหด นั่งมอไซค์ ทั้งฝุ่นทั้งทราย และการขับขี่โครตยาก สุดๆ แต่ตอนนนี้ตามไปดูเราต่อได้เลย ขอบคุณ คำบรรยายรีวิวจาก Cherry Thunrattana ฝาก Instragram: Jazzperlion ด้วยครับ
เพจ
https://www.facebook.com/worawitnoppakeat/
face
https://www.facebook.com/worawit.jazz
ฝากตอนที่ 1 ด้วยครับ
https://pantip.com/topic/38221532

การเดินทางไป Bromo ของเรา ต้องนั่งเครื่องบินจากสนามบินที่บาหลี -> สนามบินจูอันดา สุราบายา (อยู่ฝั่งเกาะชวา) เป็นการนั่งเครื่องบินภายในประเทศเพราะอินโดมีเกาะเยอะมากก เราเดินทางตั้งแต่เช้าขึ้นเครื่อง 08.00 น. ใช้เวลา ครึ่งชั่วโมงก็เดินทางถึงจุดหมาย แต่ยังไม่จบเท่านั้น เราต้องนั่งรถอีกสามต่อ ได้แก่
1. Damri bus อันนี้ขึ้นหน้าสนามบิน เพื่อไปต่อ รถทัวร์ไป Probolinggo
2. รถทัวร์ไปลงเมือง Probolinggo
3. รถบรีโม่ เป็นรถตู้เล็กๆที่จะพาเราไปถึงที่พักบน Bromo
สำหรับการเดินทางวันนี้ก็ใช้เวลา เกือบทั้งวันแหละกว่าจะถึงปลายทาง

สนามบินบาหลี

ตารางเวลาการบิน เรานั่งสายการบิน Lion Air บิน 8.00 น. มาตั้งแต่ 05.25 รีบไปไหนนน

และนี่คือรถตู้ที่จะพาเราไป Bromo คันเล็กๆ จิ๋วแต่แจ๋ว

บรรยากาศรถบรีโม่ที่เดินทางขึ้นเขา จริงๆต้องนั่งเต็มรถ คือ 15 คน แต่! ถ้าจะให้เค้าออกรถ มีกัน 4 คนก็ออกรถได้ แต่เค้าคิดราคาเพิ่ม เหมือนเอายอดเต็มจาก 15 คน มาแชร์กับคน 4 คน ซึ่งเราก็โอเค เพราะ ก่อนหน้านี้มีฝรั่งคนนึงมาถึง 2 ชม. ที่แล้ว ยังไม่ได้ไปเลย เค้าเลยยอมจ่ายแชร์กับพวกเรา ก็เลยไม่ต้องรอ ได้ออกรถทันที ชิวเลย

รถออกจะเก่าๆหน่อย แต่ก็พาไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย อารมณ์เหมือนนั่งรถขึ้นเขาเชียงใหม่อะไรแบบนี้ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด ราวๆ 2 ชม. มันไม่ได้ใกล้เลยยยยยย

และแล้ววว เราก็มาถึงจุดชมวิว "Bromo" ภูเขาไฟที่ยังมีชีวิต : การเดินทางมาที่นี่เป็นความฝันของหลายๆคนโดยเฉพาะคนที่ชอบผจญภัยและชอบถ่ายรูป แน่นอน กว่าจะได้ภาพสวยๆมันก็ต้องลุยกันหน่อย

วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่02.00 เพื่อเดินทางมาในจุด View point จุดนี้ชื่อว่า King Kong Hill เป็นจุดที่ทุกคนต่างมาชม Sunrise ตอนแรกก็สงสัยว่า เช้ามืดขนาดนี้ใครจะตื่นมากัน แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ เชื่อไหม จำนวนรถจิ๊บเป็นร้อยๆคันจนรถติดบนภูเขาไฟจ้าาา นักท่องเที่ยวเยอะมากกก เราเดินทางโดยใช้มอเตอร์ไซด์ โดยเราจ้างคนพื้นที่ขับ เค้าขับเก่งมากและรู้ทางลัด เลยไปถึงในเวลาที่ไม่นานมาก จากนั้นก็ต้องเดินต่ออีกเล็กน้อยถึงจะเข้าไปชม Sunrise ที่นี่ พระอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.30 น. ในรูปว่าสวยแล้ว ของจริงมัน Amazing มากกว่านี้หลายเท่า!

ทะเลหมอกและแสงอาทิตย์ในเวลา 05.30 น.

อากาศหนาวมากกกกก ใส่เสื้อสารพัดยังไม่พอเลยย ใครจะมาต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมากันนะ

สวยมาก เหมือนภาพในความฝันเลยย

คนเยอะมาก สังเกตจากด้านหลัง เราเลยหาจุดที่คนไม่ค่อยมี เพื่อให้ได้ภาพที่แตกต่างจากคนอื่น มีคนเอา โดรนมาถ่ายด้วยนะ

รูปนี้สวยที่สุดดด มุมนี้ได้มายากกก เพราะต้องปีนขึ้นไปถ่ายมา ยิ่งสูงก็ยิ่งไม่มีอากาศ เล่นเอาหอบแฮ่กๆ มันคือการปีนจริงๆเพราะไม่มีราวอะไรให้จับ มีแต่ทางที่ลาดชัน แต่ก็คุ้มที่สุดที่ปืนขึ้นมา

สวยมากจริงๆ เหมือนอยู่ท่ามกลางหิมะเลย ใครจะคิดว่านี่คือ "ภูเขาไฟ"

อีกมุมนึงของ Bromo

เหลือง-แดง -น้ำเงิน เด่นเป็นสง่า เด่นจนมีช่างกล้องเค้าถ่ายรูปเราไปแล้วบอก เสื้อผ้าเราสีแจ่มมากก มันตัดกับทุกสิ่ง เพราะฉะนั้นสีเสื้อแซ่บๆก็จำเป็นนะ

จากนั้นเราก็เดินทางลงจาก KingKong Hill มาถึงจุดที่จะขึ้นไปดูภูเขาไฟอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ได้เห็นวิวไกลๆ อากาศเริ่มร้อน วิวตรงนี้ถ้าคนที่เช่ารถจิ๊บมา ก็จะจอดถ่ายรูปเก๋ๆได้เลย

Behind Scene

Smile & Sleepy

Say Cheese!

Action!

รูปคู่ ตั้งกล้องถ่ายเองได้ชิววววว


เริ่มเช้าใกล้ละ

คนเยอะมากกกก

มาที่นี่ ห้ามลืม ผ้าปิดปากเด็ดขาด ย้ำเลย เพราะฝุ่นทั้งนั้น เข้าจมูกเต็มไปหมดด

สู้โว้ย

ทางขึ้นอีกนิดเดียว จริงๆเดินมาไกลมากแล้ว ชันและดูดสุดๆ ตรงนี้เค้าขายดอกไม้แห้งๆ ไม่แน่ใจว่าทำจากอะไร แต่ความเชื่อคือให้เอาไปโยนลงในถูเขาไฟและจะโชคดี ประมาณนี้

และแล้วววว เราก็ปีนขึ้นมาถึง!! กำลังระอุเลยจ้า พ่นควันขาวๆ และได้ยินเสียงเดือดปุดๆๆๆๆ

Our Shoes : รองเท้าที่ใช้สำคัญมากกกก เพราะมันเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเดินได้ดีขึ้น เราจึงเลือกใช้รองเท้าสำหรับ Trek โดยเฉพาะ ทริปนี้ก็เดินสบายๆเลย

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นผู้พิชิต ภูเขาไฟ สีเสื้อก็แย่งซีนภูเขาไฟและทุกสิ่ง 555

เดือดระอุ ได้กลิ่นกำมะถันนิดๆๆ

มุมจากด้านบน

นี่คือทางที่ต้องลงตอนกลับ

หลังจากลงบันไดมา ก็ตัดสินใจขี่ม้าลง ราคาไม่แพง ตกคนละ 150 บาทเอง บางคนอาจจะถูกกว่านี้นะ แต่เราโอเคกับราคานี้

ถ่ายรูปสักหน่อยย

บรรยากาศแถวที่พักของเราเดินไปนิดหน่อยก็เห็น Bromo เหมือนกัน

ขากลับเราก็เดินทางแบบเดิม คือนั่งรถลงจากเขา ต่อรถทัวร์ ต่อรถบัสมาถึงสนามบิน และก็พักโรงแรมที่สนามบิน 1 คืน ตอนเช้า เราก็เดินทางไปสิงคโปร์ต่ออ

มาถึงเช้าไป เขายังไม่เปิด

วาร์ปมาถึงสิงคโปร์!!! ก็ต้องมาที่ Merlion และก็กินข้าวมันไก่ชิวๆ

ข้าวมันไก่ ก็ไม่ได้แย่แต่ไม่ได้ว้าวขนาดนั้นนน

กลับบ้านได้!! ทริปนี้เราอยู่บาหลี 5 วัน โบรโม่ 3 วัน และสิงคโปร์ 1 วัน รวม 9 วัน จบทริปแบบแฮปปี้
[CR] จาก”Bali”สู่”Bromo”จบทริปที่ Singapore”9 วัน ใช้เงินแค่ 12,500 !
เพจ https://www.facebook.com/worawitnoppakeat/
face https://www.facebook.com/worawit.jazz
ฝากตอนที่ 1 ด้วยครับ https://pantip.com/topic/38221532
1. Damri bus อันนี้ขึ้นหน้าสนามบิน เพื่อไปต่อ รถทัวร์ไป Probolinggo
2. รถทัวร์ไปลงเมือง Probolinggo
3. รถบรีโม่ เป็นรถตู้เล็กๆที่จะพาเราไปถึงที่พักบน Bromo
สำหรับการเดินทางวันนี้ก็ใช้เวลา เกือบทั้งวันแหละกว่าจะถึงปลายทาง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้