สวัสดีครับทุกคน แนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อหน่อง อายุ 23 ปีครับ พอดีเมื่อต้นปีผมได้ผ่าตัดขากรรไกรไป เลยอยากลองทำรีวิวดูเผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะผ่าตัดนะครับ เพราะการผ่าตัดขากรรไกรค่อนข้างเป็นเคสที่หารีวิวยากนิดนึง ไม่เหมือนกับการทำจมูกหรือศัลยกรรมทั่วไป เขียนไม่ดียังไงต้องขออภัยก่อนนะครับ ไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อนเลยจ้า แท็กผิดห้องต้องขออภัยด้วยนะครับบบบ
ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมเป็นคนค่อนข้างคางยื่น ฟันไม่สบกัน เวลายิ้มจึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่หลังจากที่จัดฟัน+ผ่าตัดขากรรไกร ก็ค่อนข้างมั่นใจขึ้นครับ แบบกล้ายิ้มเห็นฟันเวลาถ่ายรูปมากขึ้นครับ

สองรูปนี้เป็นรูปก่อนหาหมอเลยครับ
แรกเริ่มเดิมที ผมเริ่มจัดฟันที่โรงพยาบาลพระมงกุฎนะครับ ที่มาจัดฟันที่นี้เพราะมีคนแนะนำมา แต่ประเด็นคือต้องรอคิวนิดนึงนะครับ เพราะว่าคนจัดฟันที่นี้ค่อนข้างเยอะมากกกกกก ถึงมากที่สุด โดยเค้าจะรันคิวตามที่เรามาจองนะครับ ครั้งแรกไปก็ปรึกษาหมอเรื่องอาการทั่วไปครับ เช่นสาเหตุเกิดจากอะไร แก้อย่างไรได้บ้าง วิธีการรักษาต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหมอนะครับ หลังจากนั้นก็จะมีพี่พยาบาลเอาโปสการ์ดมาให้เขียนที่อยู่ของตัวเอง เพราะเมื่อถึงคิวเราเค้าก็จะส่งการ์ดนั้นไปตามที่อยู่เราครับ
ของผมก็รอไม่นานครับ ประมาณ 6 เดือน บางคนรอ 8 เดือนถึง 1 ปีก็มีนะครับ พอถึงคิวก็ติดต่อกลับไปที่แผนกทันตกรรม เพื่อนัดเวลาติดเครื่องมือ โดยก่อนหน้านั้นก็ต้องไปเคลียช่องปากกันก่อนนะครับ (การเคลียช่องปากก็คือการขูดหินปูนครับ) หลังจากนั้นก็ไปตามนัดโลดดดดดด ของผมได้รักษากับคุณหมอพรเพชร นะครับ คุณหมอน่ารักครับ

รูปนี้เป็นช่วงจัดฟันแรกๆครับ

รูปนี้เป็นรูปหลังจากจัดจัดฟันไปได้ราว 2-3 เดือนแล้วครับ ช่วงไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศพอดี
ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าแผนการรักษาของผมเนี้ยคือการจัดฟันประมาณ 2-3 ปี แล้วก็ค่อยผ่าตัดแล้วก็จัดฟันต่อประมาณ 1 ปี แต่ว่าเอาเข้าจริงๆแล้ว ผมใช้เวลาจัดฟันเพียง 1 ปีเองนะครับ (เพราะผมมาหาหมอตามที่นัดตลอดครับ ประมาณว่า เจอหน้าหมอทุกเดือนไม่เคยขาด บางเดือน เจอ 2 ครั้ง เพราะเพิ่งเปลี่ยนลวดเมื่อต้นเดือน พอปลายเดือน ก็ครบ 4 สัปดาห์พอดี)
พอจัดฟันได้ระยะนึง คุณหมอก็บอกว่าฟันเริ่มเข้าที่แล้ว สามารถนัดผ่าตัดได้เลย ก็นัดเลยครับ ใจเด็ดมากนัดไปก่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองว่างรึเปล่า ช่วงนั้น 555555 (อ่อ ลืมบอกไป คือคุณหมอเค้าจะ พิมพ์ฟันก่อนจัดฟันด้วยนะครับ ก่อนผ่าตัดก็พิมพ์อีกที แล้วเค้าจะเอามาเทียบให้ดูว่าก่อนจัดและหลังจัดฟันเป็นอย่างไรและหมอจะผ่าตัดอย่างไร)

สังเกตเห็นได้เลยนะครับ ว่าจะยิ้มแปลกๆมาก
ของผมผ่าตัดที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนนะครับ เพราะว่าถ้ารอผ่าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎต้องรอคิวอีกประมาณ 3 เดือน ด้วยความอยากรีบๆทำให้เสร็จเพราะมีรับปริญญาตอนเดือน มีนา ก็นัดวันเลยครับผมมมม วันที่ผ่าคือ 8 กพ 61 นะครับ ผมผ่ากับ หมอบริบูรณ์ นาวาเจริญครับ คุณหมอน่ารักครับให้คำแนะนำดี ก่อนหน้าผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ต้องมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ หลังจากนั้นก็ดูแลตัวเอง ห้ามป่วยเด็ดขาด!!! ของผมก็มีการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ดื่มน้ำมะพร้าวแล้วก็บัวบก ไว้หน่อย ได้ยินมาว่าช่วยให้แผลหายไว (คือของผมแผลหายเร็วจริงๆนะครับ จำได้ว่าผ่าวันที่ 8 เดือน กุมภา วันที่ 23 มีนาผมรับปริญญาครับ)

ภาพก่อนผ่าตัด เลยครับ

ชุดโรงพยาบาลก็จะประมาณนี้ครับโผมมม
พอถึงวันผ่าตัด ก็งดน้ำและอาหาร8 ชม.ครับ โดยพอมาถึงโรงพยาบาล ก็จะมีพี่พยาบาลมาวัดความดัน ใส่สายน้ำเกลือครับ แต่ไอสายน้ำเกลือเนี้ยมันหลายหัวมากครับ ก่อนผ่าตัดก็อาบน้ำ สระผมให้สะอาดเลยครับ เพราะอีก 2-3 วัน ก็จะได้อาบอีกที ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเค้าก็จะมีชุดให้เปลี่ยนครับ โดยงดสวมเครื่องประดับทุกชนิด ห้ามใส่คอนแท็ค ห้ามทำสีเล็บด้วยนะครับ และที่สำคัญไม่ใส่กางเกงในครับ (อิอิ Naked ครับ )
พอพี่พยาบาลเข็นรถเข้าห้องผ่าตัด ก็ต้องเปลี่ยนชุดอีกที เป็นการเปลี่ยนบนเตียงครับ มีผ้าห่มคลุม คือต้องบอกเลยว่าบรรยากาศเหมือนในหนังเลยครับ อากาศค่อนข้างเย็นแต่มีเครื่องเป่าลมร้อนเข้ามาในผ้าห่ม มีพยาบาลเดินไปเดินมา มีไฟจ่อหน้า แล้วคุณหมอวิสัญญี ก็มาดูอาการครับเพื่อกำหนดโดสในการวางยาสลบครับ

สายน้ำเกลือมีหลายหัวมากครับ
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่
IG: nongpanther
FB: Pornphirun Nong Chitueakun
ไว้จะมาต่อนะครับ………
[CR] รีวิว จัดฟัน+ผ่าตัดขากรรไกร
ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมเป็นคนค่อนข้างคางยื่น ฟันไม่สบกัน เวลายิ้มจึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่หลังจากที่จัดฟัน+ผ่าตัดขากรรไกร ก็ค่อนข้างมั่นใจขึ้นครับ แบบกล้ายิ้มเห็นฟันเวลาถ่ายรูปมากขึ้นครับ
สองรูปนี้เป็นรูปก่อนหาหมอเลยครับ
แรกเริ่มเดิมที ผมเริ่มจัดฟันที่โรงพยาบาลพระมงกุฎนะครับ ที่มาจัดฟันที่นี้เพราะมีคนแนะนำมา แต่ประเด็นคือต้องรอคิวนิดนึงนะครับ เพราะว่าคนจัดฟันที่นี้ค่อนข้างเยอะมากกกกกก ถึงมากที่สุด โดยเค้าจะรันคิวตามที่เรามาจองนะครับ ครั้งแรกไปก็ปรึกษาหมอเรื่องอาการทั่วไปครับ เช่นสาเหตุเกิดจากอะไร แก้อย่างไรได้บ้าง วิธีการรักษาต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหมอนะครับ หลังจากนั้นก็จะมีพี่พยาบาลเอาโปสการ์ดมาให้เขียนที่อยู่ของตัวเอง เพราะเมื่อถึงคิวเราเค้าก็จะส่งการ์ดนั้นไปตามที่อยู่เราครับ
ของผมก็รอไม่นานครับ ประมาณ 6 เดือน บางคนรอ 8 เดือนถึง 1 ปีก็มีนะครับ พอถึงคิวก็ติดต่อกลับไปที่แผนกทันตกรรม เพื่อนัดเวลาติดเครื่องมือ โดยก่อนหน้านั้นก็ต้องไปเคลียช่องปากกันก่อนนะครับ (การเคลียช่องปากก็คือการขูดหินปูนครับ) หลังจากนั้นก็ไปตามนัดโลดดดดดด ของผมได้รักษากับคุณหมอพรเพชร นะครับ คุณหมอน่ารักครับ
รูปนี้เป็นช่วงจัดฟันแรกๆครับ
รูปนี้เป็นรูปหลังจากจัดจัดฟันไปได้ราว 2-3 เดือนแล้วครับ ช่วงไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศพอดี
ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าแผนการรักษาของผมเนี้ยคือการจัดฟันประมาณ 2-3 ปี แล้วก็ค่อยผ่าตัดแล้วก็จัดฟันต่อประมาณ 1 ปี แต่ว่าเอาเข้าจริงๆแล้ว ผมใช้เวลาจัดฟันเพียง 1 ปีเองนะครับ (เพราะผมมาหาหมอตามที่นัดตลอดครับ ประมาณว่า เจอหน้าหมอทุกเดือนไม่เคยขาด บางเดือน เจอ 2 ครั้ง เพราะเพิ่งเปลี่ยนลวดเมื่อต้นเดือน พอปลายเดือน ก็ครบ 4 สัปดาห์พอดี)
พอจัดฟันได้ระยะนึง คุณหมอก็บอกว่าฟันเริ่มเข้าที่แล้ว สามารถนัดผ่าตัดได้เลย ก็นัดเลยครับ ใจเด็ดมากนัดไปก่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองว่างรึเปล่า ช่วงนั้น 555555 (อ่อ ลืมบอกไป คือคุณหมอเค้าจะ พิมพ์ฟันก่อนจัดฟันด้วยนะครับ ก่อนผ่าตัดก็พิมพ์อีกที แล้วเค้าจะเอามาเทียบให้ดูว่าก่อนจัดและหลังจัดฟันเป็นอย่างไรและหมอจะผ่าตัดอย่างไร)
ของผมผ่าตัดที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนนะครับ เพราะว่าถ้ารอผ่าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎต้องรอคิวอีกประมาณ 3 เดือน ด้วยความอยากรีบๆทำให้เสร็จเพราะมีรับปริญญาตอนเดือน มีนา ก็นัดวันเลยครับผมมมม วันที่ผ่าคือ 8 กพ 61 นะครับ ผมผ่ากับ หมอบริบูรณ์ นาวาเจริญครับ คุณหมอน่ารักครับให้คำแนะนำดี ก่อนหน้าผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ต้องมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ หลังจากนั้นก็ดูแลตัวเอง ห้ามป่วยเด็ดขาด!!! ของผมก็มีการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ดื่มน้ำมะพร้าวแล้วก็บัวบก ไว้หน่อย ได้ยินมาว่าช่วยให้แผลหายไว (คือของผมแผลหายเร็วจริงๆนะครับ จำได้ว่าผ่าวันที่ 8 เดือน กุมภา วันที่ 23 มีนาผมรับปริญญาครับ)
พอถึงวันผ่าตัด ก็งดน้ำและอาหาร8 ชม.ครับ โดยพอมาถึงโรงพยาบาล ก็จะมีพี่พยาบาลมาวัดความดัน ใส่สายน้ำเกลือครับ แต่ไอสายน้ำเกลือเนี้ยมันหลายหัวมากครับ ก่อนผ่าตัดก็อาบน้ำ สระผมให้สะอาดเลยครับ เพราะอีก 2-3 วัน ก็จะได้อาบอีกที ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเค้าก็จะมีชุดให้เปลี่ยนครับ โดยงดสวมเครื่องประดับทุกชนิด ห้ามใส่คอนแท็ค ห้ามทำสีเล็บด้วยนะครับ และที่สำคัญไม่ใส่กางเกงในครับ (อิอิ Naked ครับ )
พอพี่พยาบาลเข็นรถเข้าห้องผ่าตัด ก็ต้องเปลี่ยนชุดอีกที เป็นการเปลี่ยนบนเตียงครับ มีผ้าห่มคลุม คือต้องบอกเลยว่าบรรยากาศเหมือนในหนังเลยครับ อากาศค่อนข้างเย็นแต่มีเครื่องเป่าลมร้อนเข้ามาในผ้าห่ม มีพยาบาลเดินไปเดินมา มีไฟจ่อหน้า แล้วคุณหมอวิสัญญี ก็มาดูอาการครับเพื่อกำหนดโดสในการวางยาสลบครับ
สายน้ำเกลือมีหลายหัวมากครับ
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่
IG: nongpanther
FB: Pornphirun Nong Chitueakun
ไว้จะมาต่อนะครับ………
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้