เงาเพลิง โดย พรายทราย
ชีวิตเรียบง่ายของโจว์ ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทโฆษณาเล็ก ๆ ต้องเปลี่ยนแปลงไปทันที เมื่อมีกระสุนปืนตกใส่ตัวเขา
ในวันพักผ่อนสบาย ๆ
เขาถูกลอบสังหาร หรือเป็นแค่เหตุบังเอิญผิดตัว ความจริงที่จะรู้ได้ คือต้องตามเหตุการณ์ประหลาดนั้นไป
แล้วความลับอันร้อนระอุ ที่เป็นเหมือนเงาตามตัวเขาก็ถูกเปิดเผยออกทีละน้อย ทีละน้อย...
บทที่ 1
สัญญาณมรณะ
มันก็น่าแปลกเสียเหลือเกิน... ที่จู่ ๆ โจว์ก็นึกอยากจะวาดรูปขึ้นมาในวันที่อากาศมัวซัวแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรมันย่อมจะดีกว่า การนั่งเฉย ๆ จิบเบียร์กระป๋อง นั่งดูทีวีอยู่กับบ้าน หรือว่าจะเก็บเสื้อผ้าออกไปพักผ่อนกันจริง ๆ นอกเมือง เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน
ดังนั้นโจว์จึงตัดสินใจเลือกที่จะหอบผ้าใบ สีน้ำมัน และพู่กัน ยัดใส่รถญี่ปุ่นคันเล็ก ๆ ของเขาแล้วขับมายังสวนสาธารณะ
นี่ต่างหาก....ที่เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เขาจะได้รู้สึกพักผ่อนจริง ๆ เสียที
แต่มันกลับเป็นเช้าของวันที่อากาศแสนจะเลวร้าย โจว์รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เมฆเป็นสีเทาขมุกขมัวมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว และมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ แต่ก็ยังดีที่อากาศไม่อ้าวจนถึงขนาดที่จะทำให้ฝนตก
เช้าวันนี้ในสวนสาธารณะแห่งนี้จึงดูไม่ค่อยจะมีผู้คน มีเพียงเด็กเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง วิ่งเล่นกันอยู่รอบ ๆ น้ำพุ รูปนี้แหละที่ทำให้เขานึกอยากจะวาด งานอดิเรกวาดรูปสีน้ำมันของนักธุรกิจอย่างเขา เข้าท่าไม่เลวเลยสำหรับที่จะตั้งโชว์ไว้ในบ้าน หรือยัดเยียดเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อน ๆ ที่รู้ใจ
ด้านหลังโจว์ เป็นสองชายชราที่นั่งคุยกันอยู่ที่ม้านั่ง ทั้งสองคุยราวกับว่ามีเรื่องราวที่ไม่มีวันจบสิ้น ใจจริงเขาอยากวาดรูปสองชายชรามากกว่า แต่ดูเหมือนว่ามันอาจทำให้อารมณ์ของเขามัว ๆ หนักขึ้น
รูปเด็ก ๆ น้ำพุ ฉากหลังไกลออกไปเป็นต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่ ที่กิ่งของต้นทั้งสองแผ่อยู่เหนือถนน ดอกแอปเปิ้ลบานสะพรั่ง มันชวนให้แจ่มใสเสียนี่กระไร
พักใหญ่ ๆ เด็ก ๆ ย้ายไปเล่นกันทางอื่น ภาพร่างคร่าว ๆ ของเขาก็เสร็จพอดี ที่นี้ก็เหลือแต่การใส่อารมณ์ทั้งหมดลงไปในรูป เขาเพ่งมองรูปนั้นกับภาพจริงอีกครั้ง ก่อนหยิบผ้าจากตะกร้าขึ้นเช็ดมือ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พับเล็ก ๆ
สองชายชราจากไปแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเงียบสงัด มีเพียงเสียงจากนกที่แว่วมาไกล ๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเบียร์ ดึงฝาออก แล้วเทลงคอ
ให้ตายสิ มันเหมือนมีเขาอยู่คนเดียวในโลก บางทีเขาควรจะลงสีรูปนี้เสียเลย ก่อนที่จะมีใครมารบกวน
คนรบกวนรึ...
โจว์นึกไปถึงเจนนี่ เขาไม่ได้พบเธอมาเกือบอาทิตย์กว่าแล้วสินะ เขาเหยียดแข้งเหยียดขาออก
ความรู้สึกภายในใจเริ่มรบเร้าให้เขาติดต่อไปหาเธอ แต่ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ที่เธอไม่ได้ติดต่อมาเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
บางทีเธออาจจะวุ่นวาย หรือไม่เธอก็คงไม่อยากจะกวนใจเขา น่าแปลกที่เขาเริ่มรู้สึกคิดถึงเธอมาก...มากทีเดียว
เบียร์ไม่เย็นอย่างที่เขาต้องการเลย โจว์เก็บกระป๋องคืนที่เดิม และหันกลับมาสนอกสนใจกับผ้าใบเบื้องหน้าเขาต่อ ขณะที่เขากำลังปล่อยอารมณ์ไปกับภาพอย่างเต็มที่นั้น ก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ก้อนเมฆสีเทาดำ ๆ เหมือนขึ้โคลนนั้น เคลื่อนมาอยู่เหนือหัว และแผ่กระจายเพิ่มความเข้มขึ้นทุกที
ลมเริ่มกรรโชกแรงขึ้น กิ่งต้นแอปเปิ้ลสะบัดจนดูเหมือนจะหักตกลงมา ฝนคงจะตกอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่า คงจะเป็นพายุใหญ่เสียด้วย เสียงลมหวีดหวิวอย่างโหยหวน ลมแรงหอบฝุ่น และเศษใบไม้ ลอยกระจายขึ้นสูงเป็นวงกว้าง
โจว์รีบเก็บเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดขึ้นทันควัน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น บางสิ่งบางอย่างก็กรีดเสียงลม แล้วแฉลบไปโดนกล่องเครื่องมือวาดรูปสีขาว จนเป็นรอย
โจว์รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ มันเป็นรอยเหมือนกระสุนปีน ไม่ใช่เม็ดฝนหล่นมาจากฟากฟ้าแน่ มันถูกยิงมาจากที่ใดที่หนึ่งในบริเวณนี้ และดูเหมือนจะมาลงอยู่รอบ ๆ ตัวเขา ไม่ใช่ตัวเขาแน่ สัญชาตญาณเตือนให้เขาวิ่งหาที่กำบังในทันที....
ลมพายุแรงขึ้นทุกขณะ ฝุ่นคลุ้งโขมง โจว์ตัดสินใจหลบอยู่หลังต้นแอปเปิ้ลใกล้ ๆ เขาพยายามมองออกไปเพ่งหาที่มาของฝนประหลาดนั่น แต่ก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าฝุ่น และเศษใบไม้
เสียงลูกปืนฝ่าลมแหวกอากาศมาอีกครั้ง มันถากต้นแอปเปิ้ลไป อดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปลูบรอยนั้น
ความหวาดกลัววิ่งพล่านอยู่ในตัวเขา....มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ใครอุตริมาซ้อมยิงโดยเลือกเขาเป็นเป้าเช่นนั้นหรือ แต่น่าแปลกใจที่ กระสุนแต่ละนัดถูกกำหนดให้ตกใกล้ ๆ รัศมีเขาทั้งสิ้น มีอีกชุดยิงรัวถี่ๆ มาที่พื้นดิน รอบ ๆ ต้นแอปเปิ้ลนี่ แต่ไม่ได้เฉียดมาโดนเขาเลย นี่เป็นการขู่
หรือว่าใครมีฝีมือยิงที่ไม่เอาไหนเสียเลย เพราะว่ามันไม่ยากเลยที่จะปลิดชีพเขาตั้งแต่กระสุดนัดแรกที่ยิงมา...
ฝนเริ่มหยาดลงมา โจว์กลับรู้สึกห่วงรูปเขียนมากกว่าชีวิตตัวเขาเองแล้วในตอนนี้ เขาตัดสินใจวิ่งออกไปทันที เสียงปีนยังคงยิงไล่หลังมาตลอดเวลา ตัดกับเสียงลม และเม็ดฝนที่เทลงมาอย่างหนัก โจว์ย้อนวิ่งตัดสนามหญ้า มองเห็นประตูรั้วของสวนอยู่ในสายตา เขาวิ่งผ่านออกไปอย่างไม่สนใจสายฝนที่เริ่มสาดลงมา
ความกลัวหายไปกว่าครึ่ง เมื่อพ้นออกมายังด้านนอกของสวน …
เสียงปืนเงียบไปแล้ว แต่ความระแวงต่อสิ่งรอบข้างยังจับอยู่ที่ปลายประสาท รถญี่ปุ่นเก่าคันเก่งของเขาอยู่ห่างไม่กี่ก้าว โจว์ตัดสินใจวิ่งเฮือกสุดท้าย กดรีโมทด้วยมือที่สั่นเทา เสียงกระสุนปืนเหมือนแว่วหลอนอยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา
โจว์เปิดกระโปรงหลังเหวี่ยงเข้าของใส่ท้ายรถ ก่อนรีบขึ้นมานั่งในรถ ความรู้สึกปลอดภัยทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เมื่อสติกลับคืนมาอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าตัวเขาเปียกโชกอยู่ไม่น้อย สมองของเขาทำงานอย่างหนัก อะไรบ้าที่เกิดขึ้นในสวน...
เขาพยายามเพ่งมองสายฝนผ่านหน้ากระจกรถ ลูบหน้าที่เปียกนั้นด้วยมืออันสั่นเทา สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนสตาร์ทเครื่อง
ฝนข้างนอกตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ความรู้สึกกลัวยังคงจับตรึงประสาททุกส่วน จนไร้สมาธิ สติกระตุ้นเตือนอีกครั้งว่าเขาไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในรถได้ กว่าอีกอึดใจเขาถึงรวบรวมสมาธิได้ใหม่ ขยับขาเคลื่อนรถให้ออกไปให้พ้นบริเวณสวนสยองแห่งนี้
******************************
โปรดติดตามอ่านบทต่อไป
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 1 สัญญาณมรณะ
ชีวิตเรียบง่ายของโจว์ ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทโฆษณาเล็ก ๆ ต้องเปลี่ยนแปลงไปทันที เมื่อมีกระสุนปืนตกใส่ตัวเขา
ในวันพักผ่อนสบาย ๆ
เขาถูกลอบสังหาร หรือเป็นแค่เหตุบังเอิญผิดตัว ความจริงที่จะรู้ได้ คือต้องตามเหตุการณ์ประหลาดนั้นไป
แล้วความลับอันร้อนระอุ ที่เป็นเหมือนเงาตามตัวเขาก็ถูกเปิดเผยออกทีละน้อย ทีละน้อย...
บทที่ 1
สัญญาณมรณะ
มันก็น่าแปลกเสียเหลือเกิน... ที่จู่ ๆ โจว์ก็นึกอยากจะวาดรูปขึ้นมาในวันที่อากาศมัวซัวแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรมันย่อมจะดีกว่า การนั่งเฉย ๆ จิบเบียร์กระป๋อง นั่งดูทีวีอยู่กับบ้าน หรือว่าจะเก็บเสื้อผ้าออกไปพักผ่อนกันจริง ๆ นอกเมือง เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน
ดังนั้นโจว์จึงตัดสินใจเลือกที่จะหอบผ้าใบ สีน้ำมัน และพู่กัน ยัดใส่รถญี่ปุ่นคันเล็ก ๆ ของเขาแล้วขับมายังสวนสาธารณะ
นี่ต่างหาก....ที่เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เขาจะได้รู้สึกพักผ่อนจริง ๆ เสียที
แต่มันกลับเป็นเช้าของวันที่อากาศแสนจะเลวร้าย โจว์รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เมฆเป็นสีเทาขมุกขมัวมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว และมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ แต่ก็ยังดีที่อากาศไม่อ้าวจนถึงขนาดที่จะทำให้ฝนตก
เช้าวันนี้ในสวนสาธารณะแห่งนี้จึงดูไม่ค่อยจะมีผู้คน มีเพียงเด็กเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง วิ่งเล่นกันอยู่รอบ ๆ น้ำพุ รูปนี้แหละที่ทำให้เขานึกอยากจะวาด งานอดิเรกวาดรูปสีน้ำมันของนักธุรกิจอย่างเขา เข้าท่าไม่เลวเลยสำหรับที่จะตั้งโชว์ไว้ในบ้าน หรือยัดเยียดเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อน ๆ ที่รู้ใจ
ด้านหลังโจว์ เป็นสองชายชราที่นั่งคุยกันอยู่ที่ม้านั่ง ทั้งสองคุยราวกับว่ามีเรื่องราวที่ไม่มีวันจบสิ้น ใจจริงเขาอยากวาดรูปสองชายชรามากกว่า แต่ดูเหมือนว่ามันอาจทำให้อารมณ์ของเขามัว ๆ หนักขึ้น
รูปเด็ก ๆ น้ำพุ ฉากหลังไกลออกไปเป็นต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่ ที่กิ่งของต้นทั้งสองแผ่อยู่เหนือถนน ดอกแอปเปิ้ลบานสะพรั่ง มันชวนให้แจ่มใสเสียนี่กระไร
พักใหญ่ ๆ เด็ก ๆ ย้ายไปเล่นกันทางอื่น ภาพร่างคร่าว ๆ ของเขาก็เสร็จพอดี ที่นี้ก็เหลือแต่การใส่อารมณ์ทั้งหมดลงไปในรูป เขาเพ่งมองรูปนั้นกับภาพจริงอีกครั้ง ก่อนหยิบผ้าจากตะกร้าขึ้นเช็ดมือ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พับเล็ก ๆ
สองชายชราจากไปแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเงียบสงัด มีเพียงเสียงจากนกที่แว่วมาไกล ๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเบียร์ ดึงฝาออก แล้วเทลงคอ
ให้ตายสิ มันเหมือนมีเขาอยู่คนเดียวในโลก บางทีเขาควรจะลงสีรูปนี้เสียเลย ก่อนที่จะมีใครมารบกวน
คนรบกวนรึ...
โจว์นึกไปถึงเจนนี่ เขาไม่ได้พบเธอมาเกือบอาทิตย์กว่าแล้วสินะ เขาเหยียดแข้งเหยียดขาออก
ความรู้สึกภายในใจเริ่มรบเร้าให้เขาติดต่อไปหาเธอ แต่ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ที่เธอไม่ได้ติดต่อมาเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
บางทีเธออาจจะวุ่นวาย หรือไม่เธอก็คงไม่อยากจะกวนใจเขา น่าแปลกที่เขาเริ่มรู้สึกคิดถึงเธอมาก...มากทีเดียว
เบียร์ไม่เย็นอย่างที่เขาต้องการเลย โจว์เก็บกระป๋องคืนที่เดิม และหันกลับมาสนอกสนใจกับผ้าใบเบื้องหน้าเขาต่อ ขณะที่เขากำลังปล่อยอารมณ์ไปกับภาพอย่างเต็มที่นั้น ก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ก้อนเมฆสีเทาดำ ๆ เหมือนขึ้โคลนนั้น เคลื่อนมาอยู่เหนือหัว และแผ่กระจายเพิ่มความเข้มขึ้นทุกที
ลมเริ่มกรรโชกแรงขึ้น กิ่งต้นแอปเปิ้ลสะบัดจนดูเหมือนจะหักตกลงมา ฝนคงจะตกอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่า คงจะเป็นพายุใหญ่เสียด้วย เสียงลมหวีดหวิวอย่างโหยหวน ลมแรงหอบฝุ่น และเศษใบไม้ ลอยกระจายขึ้นสูงเป็นวงกว้าง
โจว์รีบเก็บเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดขึ้นทันควัน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น บางสิ่งบางอย่างก็กรีดเสียงลม แล้วแฉลบไปโดนกล่องเครื่องมือวาดรูปสีขาว จนเป็นรอย
โจว์รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ มันเป็นรอยเหมือนกระสุนปีน ไม่ใช่เม็ดฝนหล่นมาจากฟากฟ้าแน่ มันถูกยิงมาจากที่ใดที่หนึ่งในบริเวณนี้ และดูเหมือนจะมาลงอยู่รอบ ๆ ตัวเขา ไม่ใช่ตัวเขาแน่ สัญชาตญาณเตือนให้เขาวิ่งหาที่กำบังในทันที....
ลมพายุแรงขึ้นทุกขณะ ฝุ่นคลุ้งโขมง โจว์ตัดสินใจหลบอยู่หลังต้นแอปเปิ้ลใกล้ ๆ เขาพยายามมองออกไปเพ่งหาที่มาของฝนประหลาดนั่น แต่ก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าฝุ่น และเศษใบไม้
เสียงลูกปืนฝ่าลมแหวกอากาศมาอีกครั้ง มันถากต้นแอปเปิ้ลไป อดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปลูบรอยนั้น
ความหวาดกลัววิ่งพล่านอยู่ในตัวเขา....มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ใครอุตริมาซ้อมยิงโดยเลือกเขาเป็นเป้าเช่นนั้นหรือ แต่น่าแปลกใจที่ กระสุนแต่ละนัดถูกกำหนดให้ตกใกล้ ๆ รัศมีเขาทั้งสิ้น มีอีกชุดยิงรัวถี่ๆ มาที่พื้นดิน รอบ ๆ ต้นแอปเปิ้ลนี่ แต่ไม่ได้เฉียดมาโดนเขาเลย นี่เป็นการขู่
หรือว่าใครมีฝีมือยิงที่ไม่เอาไหนเสียเลย เพราะว่ามันไม่ยากเลยที่จะปลิดชีพเขาตั้งแต่กระสุดนัดแรกที่ยิงมา...
ฝนเริ่มหยาดลงมา โจว์กลับรู้สึกห่วงรูปเขียนมากกว่าชีวิตตัวเขาเองแล้วในตอนนี้ เขาตัดสินใจวิ่งออกไปทันที เสียงปีนยังคงยิงไล่หลังมาตลอดเวลา ตัดกับเสียงลม และเม็ดฝนที่เทลงมาอย่างหนัก โจว์ย้อนวิ่งตัดสนามหญ้า มองเห็นประตูรั้วของสวนอยู่ในสายตา เขาวิ่งผ่านออกไปอย่างไม่สนใจสายฝนที่เริ่มสาดลงมา
ความกลัวหายไปกว่าครึ่ง เมื่อพ้นออกมายังด้านนอกของสวน …
เสียงปืนเงียบไปแล้ว แต่ความระแวงต่อสิ่งรอบข้างยังจับอยู่ที่ปลายประสาท รถญี่ปุ่นเก่าคันเก่งของเขาอยู่ห่างไม่กี่ก้าว โจว์ตัดสินใจวิ่งเฮือกสุดท้าย กดรีโมทด้วยมือที่สั่นเทา เสียงกระสุนปืนเหมือนแว่วหลอนอยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา
โจว์เปิดกระโปรงหลังเหวี่ยงเข้าของใส่ท้ายรถ ก่อนรีบขึ้นมานั่งในรถ ความรู้สึกปลอดภัยทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เมื่อสติกลับคืนมาอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าตัวเขาเปียกโชกอยู่ไม่น้อย สมองของเขาทำงานอย่างหนัก อะไรบ้าที่เกิดขึ้นในสวน...
เขาพยายามเพ่งมองสายฝนผ่านหน้ากระจกรถ ลูบหน้าที่เปียกนั้นด้วยมืออันสั่นเทา สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนสตาร์ทเครื่อง
ฝนข้างนอกตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ความรู้สึกกลัวยังคงจับตรึงประสาททุกส่วน จนไร้สมาธิ สติกระตุ้นเตือนอีกครั้งว่าเขาไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในรถได้ กว่าอีกอึดใจเขาถึงรวบรวมสมาธิได้ใหม่ ขยับขาเคลื่อนรถให้ออกไปให้พ้นบริเวณสวนสยองแห่งนี้
******************************
โปรดติดตามอ่านบทต่อไป