ภาพถ่ายในอดีต ... เมื่อข้าเจ้าเป๋นนักเรียนดารา






โรงเรียนดาราวิทยาลัย ตั้งชื่อ ตามพระนามของ "เจ้าดารารัศมี" ในปี 2467
ก่อตั้งโดย นางโซเฟีย บรัดเลย์ แมคกิลวารี ... ลูกสาวหมอบรัดเลย์ ... ภรรยาของศาสนาจารย์ ดร.แมคกิลวารี
ในปี พ.ศ. 2421 ดังตัวเลขที่ปรากฏอยู่ใต้รูปดาว




โดย American Presbyterian Church หรือ ศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์
ได้ส่ง ศาสนาจารย์ ดร.ดานิเอล แมคกิลวารี และ นางโซเฟีย บรัดเลย์ แมคกิลวารี ภรรยา
มาทำงานเผยแพร่ศาสนาที่เชียงใหม่ มณฑลพายัพ

เจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ประทานพื้นที่ให้ตั้งคริสตจักรที่หนึ่งเชียงใหม่ ที่เชิงสะพานนวรัฐด้านทิศใต้
ปัจจุบันคือ โบสถ์ในโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน




นางโซเฟียได้เปิดสอนเด็กหญิงในบ้านพัก ตั้งอยู่ที่เชิงสะพานนวรัฐด้านทิศเหนือ
สอนวิชาภาษาไทย การเย็บปักถักร้อย พระคัมภีร์ การดูแลบ้านเรือน
เมื่อผู้ปกครองส่งบุตร หลานไปเรียนมากขึ้น สำนักงานมิชชั่นนารีสำนักงานใหญ่ได้สนับสนุนให้ตั้งโรงเรียนสตรีแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่
ชื่อ โรงเรียนผู้หญิง (Chiengmai Girls’ School)  ชาวบ้านเรียกว่า "โรงเรียนสตรีสันป่าข่อย"

พ.ศ.2452 พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้เสด็จเยี่ยมโรงเรียน
คณะผู้บริหารโรงเรียนได้ทูลขอพระราชทานชื่อของโรงเรียน
พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้มีโทรเลขถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรึกษาเรื่องชื่อของโรงเรียนผู้หญิง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชให้เรียกชื่อโรงเรียนผู้หญิงว่า "โรงเรียนพระราชายา"

ปี พ.ศ.2466 ได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนพระราชายา เป็นโรงเรียนดาราวิทยาลัย แผนกประถม
และตั้งโรงเรียนอีกแห่งที่บ้านหนองเส้ง ชื่อ "โรงเรียนดาราวิทยาลัย"  ตามพระนาม พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
เปิดรับเฉพาะนักเรียนผู้หญิงอายุตั้งแต่ 5 – 20 ปี
มีทั้งประถม และมัธยมซึ่งรับจากโรงเรียนดาราวิทยาลัยแผนกประถมมาเรียนรวมด้วย

ช่วงสงครามโลก โรงเรียนดาราวิทยาลัยทั้งสองแห่งถูกรัฐบาลยึดเพราะถือว่า เป็นทรัพย์สินของชนชาติศัตรู
เมื่อสิ้นสุดสงครามได้เปิดขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2489

ปี พ.ศ. 2511 ได้ปิดโรงเรียนดาราแผนกประถม
ย้ายนักเรียนมาที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย หนองเส้ง แห่งเดียว
ส่วนโรงเรียนดาราวิทยาลัยแผนกประถมได้สร้างเป็น คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่  ณ เชิงสะพานนวรัฐด้านทิศเหนือ

ปี พ.ศ. 2534 เปิดสอนระบบสหศึกษา
ปี พ.ศ. 2549 เปิดสอนตามโครงการ Native Speaker Program



***



ได้เข้าโรงเรียนดาราวิทยาลัยชั้นอนุบาล 2
ย้ายมาจากโรงเรียนโกวิทธำรง ซึ่งตอนนั้นตั้งอยู่ที่ถนนราชดำเนิน ใกล้ ๆ ประตูท่าแพ




ประตูโรงเรียนสมัยเรียนอยู่ดาราวิทยาลัย ตึกซ้ายมือคือตึกเตรียม
ตรงข้ามประตูโรงเรียนมีร้านขายเครื่องเขียนเล็ก ๆ ที่นักเรียนชอบลืม
และร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในสามโลกของนักเรียนดารา เพราะออกไปซื้อไม่ได้ ต้องกวักมือเรียกยาม หรือฝากอ้ายคำหงอก ให้ช่วยซื้อ




ห้องเรียนอนุบาลสองเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว อยู่ทางขวามือด้านหน้าของตึกอนุบาล 1
ตอนเช้าเรียน ตอนบ่ายนอน
ของเล่นไถลลื่น ... กระดานลื่น , ชิงช้า , ไม้ปักกะดก ... กระดานหก
และเล่นกระโดดลงมาจากหัวเสาบันได จนเพื่อนคนหนึ่งหัวแตกจึงถูกห้ามไม่ให้เล่นอีก

ชั้นอนุบาล มีทั้งนักเรียนชายหญิง แต่นักเรียนชายไม่ถึงสิบคน
นักเรียนหญิงไว้ผมยาวได้
งานประจำปีของโรงเรียนจัดขึ้นสองวัน มีการจัดแสดงของทุกชั้นเรียน
ตั้งเวที่ที่หน้าตึกนักเรียนประจำ




ระบำฮาวาย
ก้มหน้าก้มตาเดินตามเส้นที่ครูใช้ช็อกขีดให้




รำราตรีประดับดาว




พระยาน้อยชมตลาด เรื่องราชาธิราช







ขึ้นชั้น ป.1 ข. อยู่ในกลุ่มอาคารทางตะวันออกเฉียงใต้ของโรงเรียน รอบ ๆ ต้นฉำฉาต้นใหญ่
รอบ ๆ ต้น มีรากโผล่พ้นดินขึ้นมาเหมือนเกาะแก่งกลางทะเล
เป็นที่เล่นเป็นเจ้าชาย - เจ้าหญิง ผูกผ้าพันคอปล่อยชายเป็นผ้าคลุมหลังดั่งเจ้าชายในนิทาน พร้อมทั้งเหล่าทหารที่วิ่งท่าขี่ม้าตามประดุจขนวนทหารม้า

รากของต้นฉ่ำฉา ที่มันปูดขึ้นมาเป็นโหนก สองโหนก จะพอเหมาะพอดีที่จะเป็นเก้าอี้ของเด็กๆ ชั้นป.1
และมันความหมายในประวัติศาสตร์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดกาล ของเพื่อนมอบกับเพื่อนป๋าน
มันคือที่นั่งโม้ของมอบกับป๋าน ตลอดปี ที่อยู่ป.1
ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นวิ่งเล่นไล่จับ ขึ้นลงบนรากฉำฉา

น่าเสียดายที่รากฉำฉาถูกถมปิดและปูซีเมนต์ตัวหนอน




ห้องเรียนเป็นอาคารทำด้วยเสื่อ หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งใช้ไม้ค้ำตรงกลางเพื่อเปิด
ประตูอยู่ตรงกลาง แบ่งเป็นสองห้อง ซ้ายมือ ป.1 ก. ขวามือ ป.1 ข.
อาคารซ้ายมือของบุคคลในภาพ




ภาพถ่ายเพื่อลงหนังสืออนุสรณ์ประจำปี 2507
คุณครูอรพิน เป็นครูประจำชั้น
แถวนั่งที่สองคนที่สอง ตาหยีหมดเพราะต้องหันหน้ารับแดด




งานประจำปี








ขึ้นชั้น ป.2 ก ห้องเรียนอยู่ในตึกประถม เป็นอาคารไม้ ด้านขวามือของบุคคลในภาพ
เรียงกันเป็นรูบตัว U มีห้องเรียน 5 ห้อง ห้องพักครู 1 ห้อง

ในห้องจะลงน้ำมันที่ทำจากเทียนไขแผ่นละลายในน้ำมันก๊าด
แต่ละคนจะมีมะพร้าวแห้งผ่าครึ่งของตัวเองไว้ขัดมันใต้โต๊ะ มีการประกวดความมันจนต้องเรียนไปขัดไปดังซู่ซ่า ๆ ทำให้ครูดุเพราะรบกวนการสอน

ด้านหน้าเป็นระเบียง
สำหรับเข้าแถวเวลาฝนตก
สำหรับต้นถั่วเขียวรับแดดเมื่อเรียนการปลูกถั่วเขียวในกระป๋อง
สำหรับตั้งโต๊ะฉีดวัคซีนจากพี่นักเรียนพยาบาลแมคคอมิค

ที่เส่นสุดฮิตคือเล่นตาบ้า ... คล้ายตั้งเตแต่ไม่เหมือน ...
มีเล่นกันหลายวง บ้างก็ตาใหญ่มากขนาดหกช่วงเท้าต่อ 1 ช่อง บ้างก็เล็ก และเล็กที่สุดจนแทบวางเท้าไม่ได้ แล้วแต่ใครจะขีดเส้น ใครจะกระโดดไหว
ทำเลที่ฮิตสุดคือใต้หน้าต่าง ป.2 ก. ฮิตขนาดต้องจอง เพราะที่ตรงนี้เป็นตำนานจากรุ่นสู่รุ่น จนตำแหน่งที่วางเท้าจมลึกลงไปถึง 2-3 นิ้วฟุต




ภาพถ่ายเพื่อลงหนังสืออนุสรณ์ประจำปี 2508
คุณครูจันทร เป็นครูประจำชั้น
แถวนั่งที่สองคนที่สอง







ป.3 ข. ห้องเรียนอยู่ในตึกประถม ตึกเดียวกับ ป.2
จำได้แค่การฝีมือได้ 0 สอบได้ที่สิบครั้งเดียวในชีวิต

ภาพถ่ายเพื่อลงหนังสืออนุสรณ์ประจำปี 2509
คุณครูประวร เป็นครูประจำชั้น ในรูปเป็นครูฝึกสอน
แถวแรกคนรองสุดท้าย







ป.4 ข. ห้องเรียนเล้าไก่ เหมือนอาคารเรียน ป.6 ข้างบน
ผนังเป็นไม้ระแนง พิ้นปูน ฝนตก แดดส่องก็เอามู่ลี่ผ้าใบลง
ได้เรียนทำกล้วยบวชชีเป็นครั้งแรก

ที่เล่นกันตอนนั้นเล่นได้ทุกวันคือเล่นประกวดนางงาม
เวทีเป็นก่อไผ่ ที่โค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม มีช่องให้เดินขึ้นด้านหลัง
คนได้มงกุฎก็เพื่อนคนเดียวตลอดปีการศึกษา




ป.5 ค.ห้องเรียนอยู่ตึกใหญ่






อยุ่ชั้นล่างปีกขวาสุด ... ตอนนั้นไม่มีบันไดด้านนี้




เล่นโดดหนัง ... กระโดดเชือกที่ทำด้วยยางรัดมาต่อกัน ... ที่ใต้ต้นลั่นทมหลังตึก




ข้างต้นลั่นทม มีเหมือง ... คลองเล็ก ๆ ...
เหมืองนี้เป็นเส้นแบ่งเขต นักเรียนชั้นเตรียมอุดม ไม่ให้นักเรียนชั้นอื่นข้ามไปเป็นอันขาด
เป็นเขตที่จะเรียกยามหน้าโรงเรียนให้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้




มีสะพาน




ข้ามไปตึกเตรียม ... ตึกหลังภาพพี่ ๆ ค่ะ





ใต้ต้นมะขามสมัยเราเป็นสนามวอลเลย์บอล ใช้ไม้ตรึงกับพื้นดินเป็นเขตสนาม




ปีนี้ได้ฟ้อนเงี้ยว




แถวยืน นุชนารถ พจนา บุษกร สุรีรัตน์ รสริน
แถวนั่ง กฤษณา สิรินาถ ขันทนา tuk




แสดงที่หอประชุมใหญ่










ป.6 ค. เรียนอาคารเล้าไก่ ซ้ายมือของบุคคลในภาพ
อยู่ใกล้ post หรือห้องเก็บศพ รพ.แมคคอร์มิค ที่จะนำมาเล่าหลอนกันไม่รู้จบ







ป.7 ง.




อยุ่ชั้นล่างปีกซ้ายสุด




มีเวรไปทำกับข้าวที่โรงอาหาร
ทางเดินลงหลังตึก




ไปยังโรงอาหารตอนนั้น







ปิดท้ายด้วย ดรัมเมเยอร์พี่ป๋อม ลินดา



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่