[CR] ##REVIEW## IT (2017) อิท โผล่จากนรก | ฉบับ Rewrite ต้อนรับเทศกาล Halloween [มีส้มป่อย]

     นี่เป็นรีวิวฉบับ Rewrite นะครับ พอดีจะถึงช่วงฮาโลวีนแล้วด้วย ก็เลยอยากจะเขียนแนะนำ+ย้อนรอยความประทับใจกับเรื่องนี้ซักหน่อย ใครสนใจอยากจะอ่านรีวิวอันเก่าของผมก็เชิญคลิ๊กลิ้งค์เลยนะจ๊ะ https://pantip.com/topic/37625057
     บอกกันตรงนี้กันก่อนเลยนะครับว่ารีวิวนี้มียาวแน่นอน ที่ยาวไม่ใช่อะไรหรอกเพราะหนังมันมีอะไรให้น่าพูดถึงเยอะครับ และก็อาจจะมีการสปอยแน่นอน ฉะนั้นใครไม่ชอบอะไรยาวๆ ผมก็จะสรุปให้สั้นๆ ตรงนี้เลยละกัน

          ๏ หนังสนุกมาก ให้ความบันเทิงได้ดีเยี่ยม
          ๏ เป็นหนัง Coming of Age มากกว่าเป็นหนัง Horror อยู่สูงมาก
          ๏ อย่าคาดหวังกับความน่ากลัว เพราะหนังไม่ได้น่ากลัวมาก ออกหลอนมากกว่า
          ๏ ตัวละครเด็กขี้แพ้ทั้ง 7 คนเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก
          ๏ ไปหามาดูเสีย ไม่งั้นอดดูของดี


     โอเค สรุปให้แล้วนะ ทีนี้เข้าสู่รีวิวเต็มตัว ย้ำ! รีวิวมีสปอย แต่สปอยแบบพองาม ไม่ได้เล่าทั้งเรื่อง โอเค! พล่ามยาว Here We Go!
เรื่องย่อ

     เรื่องราวของเมืองเดอร์รี่ (Derry) ที่มักจะมีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นทุกๆ 27 ปี มีเด็กและผู้ใหญ่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หนึ่งในนั้นก็คือ "จอร์จี้" น้องชายสุดที่รักของ "บิลลี่" เมื่อบิลและเพื่อนๆ ได้เริ่มสืบหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด ก็ทำให้เขาได้พบกับต้นตอของเรื่องทั้งหมด นั่นก็คือ "เพนนีไวซ์" ตัวตลกในท่อน้ำที่น่าเกลียดน่ากลัวและพวกเขาก็ต้องหาทางปราบ "มัน" ให้ได้
     ผมเคยได้มีโอกาศได้อ่านหนังสือ IT ของคุณ Stephen King มาก่อนดูหนังครับ เป็นฉบับแปลไทยโดยคุณสุวิทย์ ขาวปลอด ซึ่งในด้านการแปลทำได้เฉียบขาดมากครับ เก็บรายละเอียดจากต้นฉบับได้ยอดเยี่ยมมาก เป็นหนังสือที่ผมชอบอันดับต้นๆ ของป๋า King (อันดับหนึ่งก็คือ Stand by Me) และก็ได้มีโอกาศได้ดูฉบับมินิซีรี่ส์ของปี 1990 ซึ่งผมค่อนข้างชอบ แต่ไม่ได้ชอบมากเหมือนคนหลายคนว่ากัน เพราะจริงๆ ฉบับ 1990 เล่าเรื่องได้น่าเบื่อครับ เข้าขั้นเนือยสุดขีด แต่สิ่งที่ชูโรงก็คือการแสดงของแก๊งค์เด็กขี้แพ้วัยเด็กกับเพนนีไวซ์ที่สามารถเอาคนดูอยู่ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทุกวันนี้ยังจำลีลาอันชั่วร้ายของ Tim Curry ได้ติดตาเลยครับ เป็นปรากฏการณ์การดูซีรี่ส์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ
     มาถึงฉบับหนังปี 2017 ผมได้มีโอกาศไปสัมผัสหนังเรื่องนี้ในโรงถึง 5 รอบครับ เพราะว่าชอบมากๆ ขนาดตอนออกแผ่นผมยังตามไปกวาดมาไว้เลย และเวลาเบื่อๆ ก็ชอบหยิบมาดู เพราะผมชอบหลายอย่างในเรื่องมาก ชอบอย่างแรงเลยครับ
     จุดที่เวิร์คมากก็คือบทครับ บทหนังพยายามจะตามรอยหนังสือนะครับ นั่นก็คือไม่เน้นผี แต่เน้นเรื่องราวและตัวละคร ในหนังสือนั้นก็ได้มีการใส่ Back Story ของแต่ละตัวละครได้พอเหมาะ ไม่เปลืองหน้ากระดาษแต่มีอิมแพ็คกับคนอ่านสูงครับ ไม่ว่าจะเป็นการตายของสแตนกับเอ็ดดี้ ผมอ่านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็น้ำตาไหลออกมาครับ ซึ่งแปลกมากสำหรับผมที่ไม่ค่อยเสียน้ำตาในการอ่านหนังสือหรือนวนิยาย แต่กับเรื่องนี้มันใช่ครับ สิ่งที่ King เขียนมันกินใจมากๆ สามารถอธิบายความรู้สึกตัวละครได้ดีมาก แต่ก็มารู้ตัวอีกที "นี่กูกำลังอ่านนิยายสยองขวัญอยู่นะโว้ย ทำไมถึงร้องไห้ล่ะวะ!"
     ในฉบับหนังก็ทำเช่นนั้นครับ มีการใส่ Background ตัวละครทุกตัวได้ดีและก็ไม่ขาดตกบกพร่องในด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าคนเขียนบทไม่แน่จริง หนังจะออกมาพังแน่นอนครับ เพราะการเขียนบทให้ตัวละครเด็กทั้ง 7 คนให้มีเรื่องราวเป็นของตัวเองและให้เราแคร์ตัวละครทุกตัวได้ภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ถ้าผู้เขียนใส่ใจตัวละครไม่เท่ากัน หนังจะออกมาไม่สมดุลและก็จะไม่มีอิมแพ็คกับคนดูในช่วงไคล์แมกซ์แน่นอนครับ มันจะมองเป็นแก๊งค์เด็กโง่เง่าไปสู้กับตัวตลกโดยที่อาวุธของพวกมันยากที่จะชนะมันได้
     แต่..........หนังกระจายบทให้แต่ละตัวละครได้เท่าเทียมกันภายในเวลาเพียง 10 นาทีแรกของหนัง ผมขอย้ำ! แค่ 10 นาทีผมซื้อความสัมพันธ์กันของตัวละครแล้วครับ แหม! อะไรจะเก่งเบอร์นั้น คุณผู้เขียนบท และบทก็ยังนำเอาลูกเล่นของนิยายมาใช้ในหนังได้มีประโยชน์สุดๆ นั่นก็คือ "ความกลัวในจิตใจ"
     แต่ละคนจะมีความกลัวที่แตกต่างกันครับ เป็นความกลัวที่ไม่สามารถลบมันออกจากจิตใจได้

          บิลลี่ : กลัวจอร์จี้จะไม่มีชีวิตอยู่
          เบ็น : กลัวเรื่องโศกนาฏกรรมของเมืองเดอร์รี่
          เบเวอร์ลี่ : กลัวการเติบโตเป็นสาว
          สแตนลี่ : กลัวภาพวาดของหญิงสาวแก่
          ริชชี่ : กลัวตัวตลก
          เอ็ดดี้ : กลัวโรคต่างๆ
          ไมค์ : กลัวเหตุการณ์สุดสลดใจของครอบครัว

     ในการหลอกหลอนของเพนนีไวซ์ในแต่ละครั้ง แต่ละตัวละครก็จะเจอกับสิ่งที่ตนเองกลัว และก็กลัวจนหัวหดจนตัวสั่น ยกตัวอย่างผมนี่ แต่ก่อนนี่กลัวหมามาก กลัวว่ามันจะวิ่งมากัดเรารึเปล่า เวลามันเห่ารึว่าวิ่งเข้ามาใส่ทีไร ผมจะกลัวจนร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยครับ เพราะผมกลัวมาก กลัวจนผมไม่สามารถอยู่ใกล้หมาอีกเลย จนในวันหนึ่งผมเลือกที่จะฮึดสู้ครับ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลัวมัน ผมจะขจัดความกลัวออกไป พอถึงตอนที่มันเห่าและวิ่งมาหา จังหวะนั้นผมตั้งสติครับ และคิดในใจ "เราต้องเข้มแข็ง เราแข็งแรงกว่ามัน" ผมหยิบไม้มาครับ และทำท่าจะฟาดใส่มัน เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยครับ มันวิ่งหนีครับ วิ่งไปไกลลูกหูลูกตาเลย ตั้งแต่ครั้งนั้นมาผมไม่เคยกลัวหมาเลยครับ เห็นมันเห่าใส่ผมก็ทำท่าง้างกำปั้นใส่ แล้วมันก็วิ่งหนีแล้วครับ
     เช่นเดียวกับเหล่าแก๊งค์ครับ เมื่อถึงตอนที่ไม่ไปปะฉะดะกับไอ้ตัวตลกตัวต่อตัว ครั้งแรกแก๊งค์เด็กแพ้ครับ มีแผลกลับบ้านมาด้วย แต่พอเจ้าตัวตลกมันจับเบฟไป ทุกคนก็ฮึดสู้ครับ และก็ทำอย่างเดียวกันที่ผมเคยทำ นั่นก็คือหยิบอาวุธและก็ขจัดความกลัวออกไป ถ้าเราเข้มแข็ง อันตรายหน้าไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ สังเกตุตอนเพนนีไวซ์สู้กับทุกคนในตอนจบ มันจนมุมครับ มันก็เลยใช้สิ่งที่เด็กทุกคนกลัวมาสู้ แต่เด็กๆ เข้มแข็งและมีสติพอครับ ว่ามันก็แค่ความกลัว เราต้องขจัดมันไปด้วยกัน และสุดท้ายเจ้าเพนนีไวซ์ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่แก๊งค์เด็กครับ เห็นมั้ยครับ ถ้าเราเลือกที่จะสู้กับความกลัว จะกลัวขนาดไหนเราก็ชนะอยู่ดีครับ ถ้าเราเลือกที่จะมีสตืและเข้มแข็ง ต่อให้ปัญหาใหญ่หลวงขนาดไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ ถ้าเราฮึดสู้
     ตรงนี้ผมขอชื่นชมนักแสดงครับ ถ้าไม่เก่งจริงตีบทไม่แตกนะ แต่ทุกคนก็เต็มที่กับบทบาทที่ได้รับ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเซอร์ไพร์สนิดหน่อยก็คือประเด็นความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครครับ มันทำให้เราอินกับหนังได้ดีมากๆ อย่างความสัมพันธ์ของ 3BB (Bill, Ben & Beverly) ถ้าผมจะพูดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักสามเส้าก็ไม่ผิดอ่ะ เพราะประเด็นนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งมากในเรื่อง Bill รู้จักกับ Bev ตอนเด็ก และเขาสองคนก็ได้มีโอกาศเริ่มความสัมพันธ์กันในการแสดงละครโรงเรียน Bill ได้เล่นซีนหนึ่งในละคร ซึ่งเขาต้องจูบกับ Bev ที่เล่นด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมา Bev ก็แอบมีใจให้กับ Bill และเมื่อ Ben ย้ายเข้ามาในเมืองเดอร์รี่ เขาก็ได้เจอกับ Bev ในคลาสสังคม จังหวะที่ Bev ทำความรู้จักกับ Ben เขาก็รู้สึกดีกับเพื่อนใหม่คนนี้จนกลายเป็นความสัมพันธ์ลับที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ และ Ben ก็ตั้งใจจะบอกรักกับ Bev โดยการส่งโปสการ์ดพร้อมกับกลอนรักให้ Bev ได้อ่านจะได้รู้ว่าเขาแอบมีใจให้ เมื่อ Bev ได้โปสการ์ดมา เธอก็อ่านและรู้สึกดี แต่เธอคิดว่า Bill เป็นคนส่งให้เธอ เพราะนั่นเป็นบทละครที่ทั้งสองคนเคยแสดงด้วยกันตอนจูบแรก เธอก็คิดว่า Bill อาจจะแอบมีใจให้เธอตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ แต่เมื่อ Bill ได้บอกกับ Bev ว่าเขาไม่ได้เขียน เธอก็ยังแอบสงสัยในใจครับว่าโปสการ์ดนั่นเป็นของใครกันแน่ จนมาถึงช่วงที่ Ben ได้ช่วยชีวิตของ Bev ไว้โดยจุมพิตรักแท้ แล้ว Bev ก็รู้ครับว่าคนที่แอบชอบเธอมานานก็คือ Ben และทั้งสองก็ได้เป็นคู่ครองกัน (ในนิยาย) นี่ขนาดที่ผมเขียนอยู่ผมยังแอบยิ้มเลยครับ อะไรจะน่ารักขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าพาร์ทนี้มันจะมาอยู่ในหนังสยองขวัญ
     ต่อมาที่ผมอยากจะพูดถึงมากๆ และก็พึ่งสังเกตุได้จากการดูหลายรอบ ก็คือความสัมพันธ์ของ Eddie กับ Richie (ต่อจากบรรทัดนี้ไปจะเป็นสิ่งที่ผมตีความจากความคิดของผมล้วนๆ นะครับ อาจจะมีมโนจิตตังปนเข้ามาด้วย และบทความที่จะเขียนต่อไปอาจจะไปกระตุ้นต่อมจิ้นของสาววายทั้งหลายเป็นได้😊)
     ทีแรกผมก็แอบคิดอยู่ในใจเล็กน้อยครับ ว่าสองคนนี้ดูสนิทสนมกันจัง แต่พอหลังจากผมเก็บรายละเอียดในหนังหลายรอบ ก็มาสังเกตุครับว่าสองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์กันในใจลึกๆ ก็เป็นได้
     เพราะ Richie จะเป็นเด็กที่กวนตริงมากครับ มันจะมีมุขตลกหน้าตายมาตลอด แต่ส่วนใหญ่มันจะเล่นมุขที่เกี่ยวกับ Eddie หรือไม่ก็ยิงมุขใส่ Eddie โดยตรง ซึ่งถ้ามองในบริบทความมโนของผม มันเหมือนเป็นการจีบกันมากกว่านะ โอเค ผมอาจจะคิดมากไป แต่มันมีโมเม้นท์แบบนี้เยอะมากครับ เช่นฉากที่โดดหน้าผาครับ ตอนแข่งกันยิ้มน้ำลาย พอ Richie บอก Eddie ว่ายิ้มได้ห่วยจัง Eddie ก็เถียงกลับครับ ในขณะที่คนอื่นก็ได้แต่ยืนมองสองคนนี้มันทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่แค่นั้นครับ พอถึงฉากที่มาช่วย Bev ทำความสะอาดห้องน้ำ พอ Richie ยิงมุข Eddie ก็บอกให้หยุดเล่นมุขนี้ แหม่ มันช่างเป็นอะไรที่น่ารักจริงๆ ไม่พอครับ Eddie ยังมีการซื้อไอติมให้ Richie กินโดยเฉพาะ แต่คนอื่นไม่คิดจะซื้อให้กินเลยซักแท่ง ตั้งใจรึเปล่าเนี่ย Eddie แต่ฉากพีคมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นครับ ตอนฉากที่ Pennywise ออกมาจากเครื่องโปรเจกเตอร์ Eddie กลัวจนวิ่งเข้าไปกอด Richie เฉยเลย มีกว่านั้นอีกครับ ฉากที่ Richie ได้ยินเสียง Eddie ในห้องข้างๆ แล้ว Richie เข้าไปตามหาเฉยเลย.... คือดูยังไงก็ไม่น่าปลอดภัยอ่ะห้องนั้นอ่ะ แต่ Richie เป็นห่วง Eddie ครับ ก็เลยต้องเข้าไปตามหา ยังมีอีกครับ ช่วงที่ Pennywise กำลังจะฆ่าทุกคน Richie ก็บอกให้ Eddie มองหน้าเขาไว้! เห้ย! ยังไม่หมดครับ พอถึงฉากที่กรีดเลือดสาบาน พอ Eddie จะบอกลากลับบ้าน นางเดินไปกอด Richie คนเดียวเสร็จแล้วกลับบ้านเฉยเลย โอ้ว! แถมในเฝือกยังเขียนจากคำว่า Loser เป็น LoVer อีกนะ........เธอหมายถึงใครหรอ Eddie😁😁😁

ผมคิดว่าสองคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนปกติกันแล้วมั้ง...😳😍😘😚
สรุป

     มโนซะยาว555 มาสรุปเลยละกัน หนังทำได้ยอดเยี่ยมครับ ทั้งบท นักแสดง Production อะไรต่างๆ ดีมากๆ ดีจนอยากกราบเลยอ่ะ ชอบครับ ชอบมากด้วย ใครยังไม่เคยดู ไปหามาดูซะ ดีไม่ดีให้ซื้อ Blu-ray มาดูที่บ้านเลยก็ได้ ผมรับรองว่าคุ้มตังค์เกือบหนึ่งพันบาทแน่นอนครับ

คะแนนเฉลี่ยรวม : 9.5/10
เรตหนัง : หนังยอดเยี่ยมที่ไม่ควรพลาด

ชื่อสินค้า:   IT โผล่จากนรก
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • - ดูจากแผ่นนะจ๊ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่