ตอบอธิบาย
“ความสมบูรณ์ดี หากเห็นว่า ใครจะไม่อ่อนลงเรื่องความเชื่อ ในประการที่จะทำประโยชน์ร่วมกัน, คือ จะทำความสมบูรณ์พร้อม ร่วมกัน มุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ร่วมกัน เขาก็จะต้องเห็นดี มีมาก่อน, คือ มีดี มีความถูกตรง มีความชัดเจน พรั่งพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง มาแต่ชั้นเอกสาร คือเอกสารนั้น สำคัญที่สุด เป็นอันว่าถูกต้องสมบูรณ์ดีแล้ว ไม่อาจจะยกรหัส หรือยกนัย อันตรงความหมายผิดถูกนั้น ไปไว้ในทางเกเรเกเข ที่ใดอื่นอีกได้”
“ไม่พัก ที่จะถามถึง พลาอานิสงส์ ถึงการกระทำ ตาม คำสั่ง คำสอน อันดี และถูกตรงสมบูรณ์เพียงนั้น ไม่ง่อนแง่น สละชีวิตประจานความชั่วความเลว เพราะรหัสเอกสารนั้น ได้มีความถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งมีนัยถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งตรงรหัส คือหมายความว่า เอกสารนั้น ไม่ต้องวน ไปทำการแก้ไขคำเขียนผิดอันไม่ถูก ซ้ำอยู่”
“ทีนี้ พวกที่เป็นวิจัยนักเอกสาร พวกใดก็ตาม คือทั้งพวกที่เป็นนักอ่านเอกสารนั้น ก็ด้วยกัน ก็ต้องหมั่นทำเอกสารให้ถูก คือต้องให้มีรหัสเอกสารที่ถูก คือเขียนถูก หรือต้องหาให้พบจนกระทั่งปรากฏหลักฐานว่า เคยมีคนเขียนไว้ถูก เพื่อว่าจะส่งนัยอันที่ ใช่ที่จริงแท้ ของประโยค ตามชนิด ตามประเภท ให้คนได้คิดสละเรี่ยวแรง สละทรัพย์ หรือแม้สละชีวิต พิทักษ์ เอาไว้ซึ่งความถูก ทรงไว้ ตรงความสมบูรณ์ ให้ได้ตราตรึง ตั้งใจไว้ ไว้เปรียบนั้น เป็น ไตรตรึงษ์สวรรค์พิภพ นำไว้ พาให้ทุกคนสามารถไปพบความดี พบกันได้ทุกคน”
“ดังนี้ พวกเรา ฝ่ายเอกสาร อย่างไรนี่ หรือบุคคลฝ่ายใดที่คิดไปตามธรรมดาก็ช่าง ทุกคนเรา ก็ย่อมจะเห็นว่าแผนงานดี เอกสารจะต้องมีความสมบูรณ์มาก่อน หรือต้องสมบูรณ์ในทางอักขระได้ คือเขียนไม่ผิดให้ได้เสียก่อน หากคิดว่าจะสถาปนา ความดี ความถูกตรง ทุกสรรพประโยชน์ ร่วมกัน ไม่ใช่แต่จะทำอันแต่แค่เฉพาะตน ตามนัยถูกผิดที่แท้จริงอย่างยิ่ง ไปด้วยกัน แล้วทุกคนจึงจะหวังความสมบูรณ์ดี ที่มากประการยิ่งใหญ่ จากเอกสารดี ๆ นั้นแล้ว จึงหวังได้, เพราะว่า พอแต่กำลังจะสำคัญให้ตราไว้ เรากระทำร่วมกันทั้งนั้น ยังผิด เช่นนั้น ก็ไม่ควรที่จะมากระทำ สิ่งไรอื่นใดสิ่งหนึ่ง อันอื่นนั้นออกมา ได้อีก เพราะเป็นการกระทำร่วมกันของคนทั้งหมด พอแล้วจึงจะว่า ถึงสังคมโลกเรา ได้มีแผนงานที่กระทำปฏิญาณร่วมกัน แล้วพวกเราจึงต้องเป็นแบบนี้ จึงต้องทำแบบนี้”
“สรุป สารูป ก็ได้เห็นกันแล้วว่า คนทำตามปฏิญาณกันอยู่ กระทำตามเอกสาร ซึ่งยกเปรียบเหมือนเทวโองการ เป็นของเจ้าชีวิต เพราะจิตวิญญาณสถิตในนั้น ราษฎรใด ในส่วนที่ยังไม่ค่อยดี ก็มีรัฐธรรมนูญ มีพระธรรมนูญศาสตร์ ปกป้อง มีกฎหมาย เป็นเครื่องป้องกัน คุ้มครอง ถึงความดีงาม ความผาสุก ร่มเย็น, ตามแต่คนที่มีดี มีมากกว่านั้นขึ้นมาบ้าง ก็ให้ได้ตรงตอบการมีตำรา คัมภีร์ อันรวมซึ่งบทคำสั่งคำสอนของพระศาสดาพระองค์นั้น ผู้ประเสริฐ เอาไว้นำ เป็นที่รวม ใส่ใจความของความสำเร็จ ธำรงตั้งเอาไว้”
“แล้วที่สุด ความสละชีวิต เพื่อประโยชน์ ก็ย่อมจะมีกันอยู่ทุกคน หาให้เหหัน กลัวเกรง อย่างไรไม่ได้ หากเห็นว่า เพราะคำสั่ง คำสอนนั้น พร้อมมูล ถูกต้องบริบูรณ์ ชีวิตเราก็พร้อมพลีลงไปได้เองเพื่อการกระทำนั้น ทุกอย่าง, แต่ที่ไหนกัน! ปัจจุบันในพวกเรานี้ เห็นชัด ๆ เห็นกันเอง เห็นกันเองมากอยู่แล้ว ว่าเอกสารของพวกเรานั้น ยังไม่ถูกต้อง ยังไม่ครบสมบูรณ์ ตามที่ควรจะมีดี ตามที่อาจจะเป็นไปได้, เช่นนั้น จึงต้องแปลกกันอยู่ทุกราย แปลกความจะว่าให้เป็น ว่า ตนเองจะพลีชีพสละชีวิต ลงความทุ่มเทการกระทำ ยกชีวิตพลีบทอนุสรณ์ชีวิตไว้ให้ ก็คงกระทำไปตามแต่ตำราที่ตราไว้ผิดนั้น ๆ ก็จะเป็นการดี กระทำไว้ให้เป็นประโยชน์จริง ๆ อยู่ได้หรือ”
“เช่นนั้น พวกเรา ก็ผิดแล้ว เพราะตนได้กระทำตามที่ตราไว้ผิด ยืนเอาทางผิด ทำผิดแล้ว ก็จะต้องผิดซ้ำมากเข้าไปอีก เพราะตนจะต้องโพนทะนาและประกาศว่า ตัวเองทำถูก”
“จะกระทำความดี จะกระทำไว้ได้กี่มากน้อย?”
“ความสมบูรณ์ดี หากเห็นว่า ใครจะไม่อ่อนลงเรื่องความเชื่อ ในประการที่จะทำประโยชน์ร่วมกัน, คือ จะทำความสมบูรณ์พร้อม ร่วมกัน มุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ร่วมกัน เขาก็จะต้องเห็นดี มีมาก่อน, คือ มีดี มีความถูกตรง มีความชัดเจน พรั่งพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง มาแต่ชั้นเอกสาร คือเอกสารนั้น สำคัญที่สุด เป็นอันว่าถูกต้องสมบูรณ์ดีแล้ว ไม่อาจจะยกรหัส หรือยกนัย อันตรงความหมายผิดถูกนั้น ไปไว้ในทางเกเรเกเข ที่ใดอื่นอีกได้”
“ไม่พัก ที่จะถามถึง พลาอานิสงส์ ถึงการกระทำ ตาม คำสั่ง คำสอน อันดี และถูกตรงสมบูรณ์เพียงนั้น ไม่ง่อนแง่น สละชีวิตประจานความชั่วความเลว เพราะรหัสเอกสารนั้น ได้มีความถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งมีนัยถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งตรงรหัส คือหมายความว่า เอกสารนั้น ไม่ต้องวน ไปทำการแก้ไขคำเขียนผิดอันไม่ถูก ซ้ำอยู่”
“ทีนี้ พวกที่เป็นวิจัยนักเอกสาร พวกใดก็ตาม คือทั้งพวกที่เป็นนักอ่านเอกสารนั้น ก็ด้วยกัน ก็ต้องหมั่นทำเอกสารให้ถูก คือต้องให้มีรหัสเอกสารที่ถูก คือเขียนถูก หรือต้องหาให้พบจนกระทั่งปรากฏหลักฐานว่า เคยมีคนเขียนไว้ถูก เพื่อว่าจะส่งนัยอันที่ ใช่ที่จริงแท้ ของประโยค ตามชนิด ตามประเภท ให้คนได้คิดสละเรี่ยวแรง สละทรัพย์ หรือแม้สละชีวิต พิทักษ์ เอาไว้ซึ่งความถูก ทรงไว้ ตรงความสมบูรณ์ ให้ได้ตราตรึง ตั้งใจไว้ ไว้เปรียบนั้น เป็น ไตรตรึงษ์สวรรค์พิภพ นำไว้ พาให้ทุกคนสามารถไปพบความดี พบกันได้ทุกคน”
“ดังนี้ พวกเรา ฝ่ายเอกสาร อย่างไรนี่ หรือบุคคลฝ่ายใดที่คิดไปตามธรรมดาก็ช่าง ทุกคนเรา ก็ย่อมจะเห็นว่าแผนงานดี เอกสารจะต้องมีความสมบูรณ์มาก่อน หรือต้องสมบูรณ์ในทางอักขระได้ คือเขียนไม่ผิดให้ได้เสียก่อน หากคิดว่าจะสถาปนา ความดี ความถูกตรง ทุกสรรพประโยชน์ ร่วมกัน ไม่ใช่แต่จะทำอันแต่แค่เฉพาะตน ตามนัยถูกผิดที่แท้จริงอย่างยิ่ง ไปด้วยกัน แล้วทุกคนจึงจะหวังความสมบูรณ์ดี ที่มากประการยิ่งใหญ่ จากเอกสารดี ๆ นั้นแล้ว จึงหวังได้, เพราะว่า พอแต่กำลังจะสำคัญให้ตราไว้ เรากระทำร่วมกันทั้งนั้น ยังผิด เช่นนั้น ก็ไม่ควรที่จะมากระทำ สิ่งไรอื่นใดสิ่งหนึ่ง อันอื่นนั้นออกมา ได้อีก เพราะเป็นการกระทำร่วมกันของคนทั้งหมด พอแล้วจึงจะว่า ถึงสังคมโลกเรา ได้มีแผนงานที่กระทำปฏิญาณร่วมกัน แล้วพวกเราจึงต้องเป็นแบบนี้ จึงต้องทำแบบนี้”
“สรุป สารูป ก็ได้เห็นกันแล้วว่า คนทำตามปฏิญาณกันอยู่ กระทำตามเอกสาร ซึ่งยกเปรียบเหมือนเทวโองการ เป็นของเจ้าชีวิต เพราะจิตวิญญาณสถิตในนั้น ราษฎรใด ในส่วนที่ยังไม่ค่อยดี ก็มีรัฐธรรมนูญ มีพระธรรมนูญศาสตร์ ปกป้อง มีกฎหมาย เป็นเครื่องป้องกัน คุ้มครอง ถึงความดีงาม ความผาสุก ร่มเย็น, ตามแต่คนที่มีดี มีมากกว่านั้นขึ้นมาบ้าง ก็ให้ได้ตรงตอบการมีตำรา คัมภีร์ อันรวมซึ่งบทคำสั่งคำสอนของพระศาสดาพระองค์นั้น ผู้ประเสริฐ เอาไว้นำ เป็นที่รวม ใส่ใจความของความสำเร็จ ธำรงตั้งเอาไว้”
“แล้วที่สุด ความสละชีวิต เพื่อประโยชน์ ก็ย่อมจะมีกันอยู่ทุกคน หาให้เหหัน กลัวเกรง อย่างไรไม่ได้ หากเห็นว่า เพราะคำสั่ง คำสอนนั้น พร้อมมูล ถูกต้องบริบูรณ์ ชีวิตเราก็พร้อมพลีลงไปได้เองเพื่อการกระทำนั้น ทุกอย่าง, แต่ที่ไหนกัน! ปัจจุบันในพวกเรานี้ เห็นชัด ๆ เห็นกันเอง เห็นกันเองมากอยู่แล้ว ว่าเอกสารของพวกเรานั้น ยังไม่ถูกต้อง ยังไม่ครบสมบูรณ์ ตามที่ควรจะมีดี ตามที่อาจจะเป็นไปได้, เช่นนั้น จึงต้องแปลกกันอยู่ทุกราย แปลกความจะว่าให้เป็น ว่า ตนเองจะพลีชีพสละชีวิต ลงความทุ่มเทการกระทำ ยกชีวิตพลีบทอนุสรณ์ชีวิตไว้ให้ ก็คงกระทำไปตามแต่ตำราที่ตราไว้ผิดนั้น ๆ ก็จะเป็นการดี กระทำไว้ให้เป็นประโยชน์จริง ๆ อยู่ได้หรือ”
“เช่นนั้น พวกเรา ก็ผิดแล้ว เพราะตนได้กระทำตามที่ตราไว้ผิด ยืนเอาทางผิด ทำผิดแล้ว ก็จะต้องผิดซ้ำมากเข้าไปอีก เพราะตนจะต้องโพนทะนาและประกาศว่า ตัวเองทำถูก”