วิปัสสนาปรุงแต่งจิต รู้จักจิต บริหารจิต

วิปัสสนาปรุงแต่งจิต รู้จักจิต บริหารจิต


    เจตสิก เปรียบเสมือน พ่อครัวแม่ครัวก็ได้ รับอะไรมาแล้วมาปรุงแต่ง สุดแท้แต่ว่าจะปรุงแต่งไปทางสายไหน


เครดิตภาพ  https://portal.weloveshopping.com/product/L91310649

    แต่มีอีกอย่างหนึ่ง เห็นพลังที่ไม่ดีแล้วไม่เอามาปรุงแต่งในจิต

    ในเมื่อเจตสิกเปรียบเสมือนเป็นพ่อครัวแม่ครัว เจอเนื้อเน่าก็คัดทิ้งไม่เอามาทำอาหาร ถ้าหากว่าพ่อครัวแม่ครัวมีสติสัมปชัญญะดี ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะก็เนื้อก็ยังไม่รู้ ก็ยังเอาเนื้อเน่าเอาไปทำอาหาร



เครดิตภาพ  https://www.travelerbase.com/index.php?proc=search&term=%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%2520%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%2520%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%2520%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25841%2520BY%2520%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599



    คนเราต้องรู้จักปรุง จะปรุงไปทางดีหรือไม่ดี เราปรุงแล้วสุขภาพแข็งแรงหรือปรุงแล้วท้องร่วง

    ต้องรู้จักคัดสรรว่า ผักดีหรือไม่ดี ผักเน่าหรือไม่เน่า กินแล้วแสลงหรือไม่

    บางคนมาดูจิต ดูที่เขาโมโห ดูอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้มาดูที่จิตปรุงเสร็จแล้วนี่ หลวงพ่อบางท่านจึงมาดูที่จิตที่จิตปรุงเสร็จแล้วแต่ไม่ได้มาดูที่สิ่งที่กำลังปรุง ปรุงมายังไงก็ไม่รู้

    การที่ว่าเปรียบเสมือนกับพ่อครัวแม่ครัวนั่นหมายความว่า มาดูว่าเขาจิตปรุงยังไง แม้แต่เขาคัดเนื้อเราต้องไปดูว่าเขาคัดถูกหรือเปล่า?

    ตัวนี้แหละ เป็นจุดอ่อนของนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เพราะไปดูจิตที่ปรุงแต่งเสร็จแล้ว

    สิ่งที่มาดูจิตมาดูใจ นั่นคนที่ไม่รู้มักจะมาดูที่จิตปรุงแต่งเสียแล้ว ไม่ดูสิ่งที่เป็นมา เป็นมายังไง เราต้องมาดูว่า ที่มาของกิเลสตัณหา หรือสิ่งที่เป็นบุญกุศลเป็นมายังไง แล้วเราจะมาคัดเลือกสรรว่าจะปรุงยังไงถึงจะอร่อย

    ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันปรุงแต่งเป็นยังไง และยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ปรุงแต่งนั้นมาจากไหน แล้วเราจะแก้ได้ยังไง

    เราต้องรู้จักคัดสรรแล้ว และอาหารนี้อร่อย นั่นหมายความว่าเรามีปัญญาว่า เราจะมาปรุงแต่งให้มันดียังไง อาหารอร่อยยังไง

    ถ้าหากว่าเราไม่มีปัญญามากพอ เราก็กินอาหารแบบรสชาติพอใช้ได้ เขาเรียกว่า ทำออกมาก็ได้อานิสงส์น้อย ถ้ามีปัญญาก็ได้อานิสงส์มาก ปัญญาบางอย่างเหมือนกับปรุงแต่งอาหารออกมากินแล้วอร่อย แต่ข้างในไม่มีสารอาหาร สารอาหารมันหายไปแล้ว เปรียบเสมือนกับธรรมะก็คือ อย่างเช่น ผักบางอย่างต้องกินสด แต่เราลวกหรือไปต้มซะเละเลย แล้วจะมีประโยชน์ตรงไหน ก็ไม่มีประโยชน์ ฉันใด ธรรมะก็เช่นเดียวกัน เราต้องเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ เหมาะสมกับภาวะการณ์ของเรา เหมาะสมกับภูมิของเรา ไม่ใช่เที่ยวเลือกเอาไปหมด

    ยกตัวอย่างเช่น เวลานี้เรามีภูมิตรงนี้ เราต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงเมียอยู่ อยู่ดีๆ แล้วเราจะไปปฏิบัติเป็นพระอรหันต์แล้วจะได้ไหมล่ะ? เดี๋ยวนี้ก็มีเยอะแยะไปที่มีปัญหา ทั้งๆ ยังมีภาระมีครอบครัวที่จะต้องทำหน้าที่ที่อยู่ แต่ละเลยหน้าที่แล้วจะปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้ได้ไหม?


เครดิตภาพ  https://www.youtube.com/watch?v=QPgJ5DxaiYw

    ฉะนั้น เราอย่าเอาแต่ชอบ เราต้องเอาที่เหมาะสมกับเรา เวลานี้ภูมิเราอยู่ตรงนี้ อย่างนี้เหมาะสมกับเรา เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี เราต้องดูแลตรงนี้ก่อน

    กรณีที่ ๑ เนื้อเน่าเป็นบางส่วน เราก็ต้องตัดเนื้อเน่าออก แล้วเอาเนื้อดีมาใช้

    กรณีที่ ๒ แต่ถ้ามันเน่าเลย แล้วเราจะมาปรุงเป็นอาหารยังไง เราก็ไม่ต้องเอามาปรุงเป็นอาหาร เราก็ต้องเอาไปเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ ต้นไม้ก็จะงามดี เราก็ไม่จำเป็นต้องเอามาปรุงเป็นอาหาร เพราะเนื้อเน่านี้เหมาะกับต้นไม้ ต้นไม้ก็กินได้ เราต้องเอาให้เหมาะ อย่าเอาให้ชอบ

    ถ้าเปรียบเสมือนกับธรรมะก็คือ ปัญญาก็ต้องให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น เหมือนกับศิษย์โง่ไปเรียนเซน เราก็ต้องสอนแบบศิษย์โง่ แต่ถ้าไปใช้วิธีการสอนแบบศิษย์ที่ฉลาด เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้เรื่อง นี่แหละต้องเอาธรรมะให้เหมาะกับบุคคล

    นี่แหละ การสอนธรรมะหรือปฏิบัติธรรมต้องมีดอกบัว ๔ เหล่า เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ คนทั่วไปมักจะลืม บัวเหล่านี้ต้องการสอนแบบนี้แต่เราไม่ยอม เหมือนกับเวลานี้ ผิดอย่างนี้ อย่างนี้ไม่ใช่ ไม่ได้ นี่แหละบ้าแล้ว บัวเหล่าแรกก็เรียนอย่างนี้ แล้วไปบอกว่าไม่ได้ ตกลงถ้าไม่มีบัวเหล่าแรกแล้วจะมีบัวเหล่าที่ ๔ ได้ยังไง ก็ไม่มีทาง นี่แหละถึงติ๊งต๊อง ประเภทที่ว่า เจริญธรรมะแบบโง่ๆ เอาแต่หาที่ชอบ ไม่เข้าใจคำว่า "เหมาะ"


เครดิตภาพ  https://phech.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7-2/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2/


    สมมติว่าอีกกรณีหนึ่ง มีผักกาดแล้ว แต่ว่าเครื่องปรุงก็ไม่มีเลย แล้วเราจะทำผักกาดนี้อร่อยได้อย่างไร?

    ง่ายมากเลย ก็ต้องปรุงที่ใจ ใจเรารับรู้ถึงประโยชน์ เช่น ผักกาดนี้มาต้มน้ำเฉยๆ น้ำนี้ก็ยังอร่อยได้ หวานได้ แค่นี้ เราจุดประกายด้วยความหวาน แล้วจะหวานไหม? ก็ต้องหวาน นี่แหละ คือปัญญา



เครดิตภาพ https://cookpad.com/th/recipes/2559917-%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A2



    คุณมีปัญญาไหม? ถ้าไม่มีธรรมะก็ยังไม่รู้จัก ไปเลือกเอาธรรมะแบบต้องเหลี่ยมทอง ธรรมะผักกาดไม่รู้เรื่อง ต้องไปกินภัตตาคารเหลา ถึงจะอร่อย นี่แหละ โง่ไหม? นี่แหละธรรมะอะไร เป็นธรรมะปรุงแต่ง ไม่ใช่ธรรมะของจริง

    นี่แหละธรรมะของจริง ผักกาดก็ต้องมีรู้หวาน ทำไมเราไม่เอารสชาติของแท้ของผักกาด อย่างนี้ก็จบ ถูกต้องหรือไม่?

    ถ้าคิดได้อย่างนี้ ทุกอย่างมีความสุขได้ เพราะเราสามารถมองเห็นจุดเด่นของเขาได้ ถ้าไม่อย่างนั้นมีแต่เที่ยวค้นหาก็มีแต่ทุกข์

    คนเราต้องมองหาสิ่งดีในสิ่งนั้นได้ แล้วเราจะมีความสุข

    เหมือนกับบางคน เขามองไม่เห็นสิ่งดีก็จะมีความทุกข์ เหมือนกับเอาเขามากักขัง แต่ถ้ามองเห็นสิ่งดีในสิ่งที่เราอยู่นั้น เราก็จะมีความสุข ไม่เหมือนกักขัง อยู่แล้วก็จะมีความสดชื่น อยู่แล้วดี มีความสุข ตื่นขึ้นมามีความสุข ภาษาทางพระเรียกว่า มีฉันทะ

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่