วิจารณ์ Homestay แบบ NO SPOIL ค่ะ

ถ้าใครกำลังวางแผนจะไปดูเรื่องนี้   แนะนำให้ปิดการรับรู้เกี่ยวกับหนังทุกช่องทาง  เข้าไปแบบหัวโล่งๆไม่รู้อะไรเลยจะดีสุดค่ะ  ปล่อยความรู้สึกตามตัวละครไปเลย  แล้วจะดูสนุกขึ้นอีก 25% เป็นอย่างต่ำแน่ๆ  โดยส่วนตัวเราอาจจะเรียกว่าเสียเปรียบเล็กๆตรงที่เคยอ่านหนังสือมาก่อนแล้ว  ก็เลยพอจะเดาแนวทางและคาดเดาในใจไว้บางส่วน  ซึ่งนั่นทำให้ลดทอนอรรถรสของหนังลงไปบ้าง (เป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจรีบไปดูเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด)  แต่รวมๆเรายังให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังจัดอยู่ในกลุ่มหนังดีควรค่าไปดูเรื่องหนึ่งค่ะ  แม้ว่าจุดอ่อนมันก็ยังมีให้เห็นอยู่

จริงๆหนังเรื่องนี้ได้วัตถุดิบชั้นดีมาทำเลยนะ   เพราะวรรณกรรม original มีเนื้อหาและ message ที่ดีมากๆ  แต่รสชาติการเล่าต้นฉบับมันเหมือนอาหารญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ  อาจจะเน้นความละมุนเนิบๆไปสักนิด   ถ้าลิ้นคนไทยส่วนใหญ่เราอาจจะมองว่าจืดไป   พอถูกดัดแปลงมาเล่าในหนังเรื่องนี้เหมือนการนำอาหารญี่ปุ่นมาฟิวชั่นให้มีรสไทยๆ มีความจัดจ้านลงไปบ้าง   แต่ถ้าเทียบกับอาหารไทยมันก็ยังเจือปนความละมุนแบบญี่ปุ่นมาอยู่ดีนะ  เพราะฉะนั้น  ต้องเข้าใจก่อนว่ารสชาติของหนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำแต่ละรสให้ออกมาจัดสุดๆไปด้านในด้านหนึ่ง  ไม่ได้แฟนตาซีจ๋า  ไม่ได้ดราม่าแบบระเบิดอารมณ์  ไม่ได้ระทึกใจเต้น  แต่จะคุมโทนในทุกๆรสชาติ  ผสมความรู้สึกอึนๆไปตลอดทั้งเรื่อง  เพียงแต่มันมีบทสรุปที่มีคุณค่ามอบให้



เริ่มที่ข้อเสียก่อน

-  อาจจะเป็นที่รสนิยมเราเองส่วนหนึ่งด้วย   แต่เรามองว่าปัญหาของเรื่องนี้คือผู้ปรุงรสชาติหนังอย่างพี่โอ๋ ผู้กำกับนี่แหละค่ะ  เจ้าตัวอาจจะตั้งใจให้ออกมาประมาณนี้  แต่ส่วนตัวคิดว่าหนังสามารถรีดศักยภาพจากวัตถุดิบออกมาได้มากกว่านี้นะคะ  ถ้าขยี้อารมณ์ได้มากกว่านี้เราว่าหนังมันจะดูสนุกและน่าประทับใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะ   ทั้งในส่วน thriller drama romantic เลย  ส่วนความ fantasy มันก็ตื่นตาตื่นใจดีนะ CG เรื่องนี้ดีมากนะคะ  แต่มันให้ความรู้สึก sci-fi มากกว่า  ในขณะที่เนื้อหาหนังมันเล่นกับความเชื่อวิญญาณ  ซึ่งเราว่าถ้าไปเล่นกับบรรยากาศความมืดหม่นลึกลับมันน่าจะเข้ากว่านี้นะ

-  การตัดต่อ  ไม่ถึงกับแย่แต่ไม่ได้ smooth ค่ะ  จริงๆภาพรวมเราพอรับได้นะ  แต่มันมีความกระท่อนกระแท่นในการเชื่อมเรื่องโผล่มาให้เห็นอยู่  ซึ่งเราว่ามันแก้ได้  น่าจะทำได้ดีกว่านี้ค่ะ  

-  ความไม่สมเหตุสมผลบางอย่าง  เรื่องนี้ประมาณฉลาดเกมส์โกงเลยค่ะ  ถ้าเป็นคนดูประเภทจุกจิกนิดนึงดู 2 เรื่องนี้จะมีมุม เอ๊ะๆ ว่าตัวละครทำไปทำไมอยู่บ้าง  แต่ถ้าเป็นระดับคนดูทั่วไปที่ไม่คิดอะไรมาก มองเป็นเหตุผลเพื่อความสนุกในเชิงภาพยนตร์  ก็พอปล่อยผ่านดูสนุกๆอยู่ได้ค่ะ  ไม่ถึงกับเป็นแผลใหญ่   

-  มันมีประเด็นอยู่อย่างหนึ่งในเรื่องที่เราติดใจค่ะ  ไม่รู้จะใช้คำว่าข้อเสียเลยดีมั้ย  ออกแนวเสียดายมากกว่าละกัน  คือทั้งเรื่องเราชอบแบคกราวด์ตัวละครพายมากที่สุดค่ะ  ชอบมากกว่าของมินอีก   เท่าที่จำได้รู้สึกจะต่างจากในนิยายพอสมควร   ซึ่งเราดันชอบส่วนในหนังมากกว่าด้วย  เราว่าประเด็นมันคมกว่าและ universal กว่านะ   แต่นั่นแหละคือสิ่งที่น่าเสียดาย  เพราะผู้กำกับเล่นแตะแต่ไม่ขยี้ให้ถึงที่สุด  เราเห็นบางคนตีความประเด็นของตัวละครนี้ผิดไปอย่างน่าเสียดาย  ซึ่งเราว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้กำกับเองก็ยังคลี่คลายมันได้ไม่เคลียร์พอ    [[ ในส่วนนี้ขอสปอยล์นะคะ ]]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้   
แต่จริงๆก็พอเข้าใจในแง่ว่าหนังมันเดินเรื่องด้วยมุมมองของมิน  ถ้าจะไปขยายมุมพายมากๆมันจะฉีกจากเส้นเรื่องออกมา  แต่มันน่าเสียดายเพราะไม่ใช่คนดูทุกคนจะเก็บประเด็นพวกนี้มาคิด  ถ้าเน้นจริงๆมันน่าจะช่วยสะกิดสังคมให้ตระหนักมุมมองของคนที่เผชิญปัญหาพวกนี้เพื่อให้รับมือได้ดีขึ้นเลยนะคะ   




กลับมาที่ข้อดี

เราชอบบรรยากาศและมุมกล้องในช่วงต้นของหนังมากเลยค่ะ  ไม่ได้มีเหตุผลเป็นพิเศษแต่ดูแล้วชอบค่ะ ตื่นเต้นดี

CG  -  โดยส่วนตัวไม่รู้สึกว่า CG มีจุดให้ตินะคะ เสริมหนังได้ดี เนียนไปกับหนังด้วย     

การแสดง  -  น่าจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง  
คนแรกไม่ชมไม่ได้จริงๆคือ  เจมส์ เก่งขึ้นมากจริงๆ เราว่าใครมาดูก็ต้องชมอ้ะค่ะ  รวมๆนี่เอาอยู่ทั้งเรื่องเลยนะเพราะเป็นตัวเดินเรื่อง  และอารมณ์มีหลากหลายมากแต่เจมส์พาไปได้หมด  ถ้าจะมีติดหน่อยเรามองว่าพวกซีนดราม่าระเบิดอารมณ์น่าจะขยี้ไปได้สุดกว่านี้  แต่อย่างที่บอกข้างบนแหละค่ะ  เราว่าผู้กำกับแกน่าจะอยากได้โทนนี้มากกว่า  แต่อินเนอร์อะไรเจมส์สื่อสารมาในแววตาได้ชัดมากค่ะ  น่าจะได้ลุ้นรางวัลแน่ๆล่ะ

พี่สู่ขวัญ  ไม่รู้จะติอะไรเลยค่ะ เพราะสื่อสารความเป็นตัวตนของแม่ในเรื่องได้ดี  ทั้งความรัก ความอึดอัด และสิ่งที่อยู่ในใจ   ถ้าจะมีก็คงปัญหาเดียวกับเจมส์คือ ถ้าเป็นคนที่ชอบเสพย์อะไรจัดจ้าน ชอบแบบน้ำตาแตกสะอื้นกันไปเลย  อาจจะมองว่ามันได้สุดมากกว่านี้มั้ย เอาให้สะใจไปเลย  แต่ถ้าเอาความเห็นส่วนตัวเราในพาร์ทแม่ลูกเราว่าก็พอดีๆแล้วนะคะ  เราว่ามันก็ดูเรียลดี   

เฌอปราง  คนนี้เซอร์ไพรส์เรามาก  จริงๆตอนดู trailer เรายังรู้สึกว่าจับได้ถึงความใหม่นิดๆนะ  ยังคิดว่าในโรงน่าจะมีจุดบอดให้จับได้พอควร  แต่พอดูจริงๆแล้วเพลินจนแทบไม่สังเกตเลยค่ะ   เล่นดีเลยล่ะ  จะใช้คำว่าดีมากก็ได้นะสำหรับหนังเรื่องแรก  ซีนธรรมดามีเสน่ห์  ซีนดราม่าก็ดีกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ  ปัญหาอย่างเดียวของเฌอปรางคือความใหม่นี่แหละที่ทำให้การกะระดับอารมณ์ในบางช่วงมันยังขาดๆเกินๆไปบ้าง  บางครั้งเหมือนล้นไปหน่อย   ถ้าโปรกว่านี้ผู้กำกับอาจจะให้เราเห็นการแสดงแบบไต่ระดับซึ่งจะทำให้คนดูมีเวลาซึมซับแล้วอินตามกว่านี้   แต่ที่เห็นในหนังเหมือนตัดมาในช่วงที่บิ๊วด์จนพีคแล้ว  มันเลยเป็นจุดอ่อนเล็กๆเพราะคนไม่มีเวลาซึมซับ   แต่เทียบกับสิ่งที่ทำไปเราไม่ติดใจเลยค่ะ  ยังไงก็ต้องชม  เพราะบทนี้ตัวละครมันซับซ้อนมากนะ (กว่าในนิยายอีกมั้ง) และบทโหดด้วย  เล่นเรื่องแรกได้ขนาดนี้เราว่าเก่งมากแล้วนะ   

เบบี้มายด์  เคยเห็นผ่านๆว่าน้องเค้าเคยแคสท์ Hormones the next gen  แต่ไม่เคยเห็นผลงานมาก่อน  เรื่องนี้ถือว่าแจ้งเกิดได้สวยเลยค่ะ  ดราม่าแสดงดีทีเดียวล่ะ  มีความเป็นธรรมชาติ  มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง  โดยเฉพาะจังหวะคอมเมดี้จังหวะดีเลยค่ะ         

เนื้อหาหนัง  -  ความที่วัตถุดิบมันดีอยู่แล้ว  ในที่นี้คือ message ของหนัง  ต่อให้รู้สึกว่าเชฟน่าจะรีดศักยภาพรสชาติออกมาได้มากกว่านี้  แต่ของดีมันก็คือของดี  ตราบใดที่ไม่ปรุงมาเสียจนกินไม่ได้  ยังไงมันก็อร่อย  มีคุณค่าในตัวมันเองอยู่ดีค่ะ  หนังเรื่องนี้ถ้าดูแบบไม่ใช่สมองมากมันก็เพลิดเพลินได้ประมาณนึง   แต่มันเป็นหนังที่เหมาะแก่การเก็บไปคิดไตร่ตรอง  มันมี message แฝงดีๆมากมายให้เก็บกลับไปค่ะ  คิดต่ออีกสักหน่อยแล้วจะได้อะไรดีๆจากมันไปมากแน่ๆ   

การดัดแปลง  -  อีกส่วนหนึ่งที่ต้องชม  แม้จะไม่ถึงกับเลิศเลอ  แต่เรายังมองการพยายามดัดแปลงการเล่าในหนังเป็นมุมบวกนะคะ การใส่รสชาติทั้ง drama thriller romantic และ fantasy ในเรื่อง  (แม้เราจะมองว่ายังทำได้ดีกว่านี้ก็เถอะ)  มันก็ช่วยเสริมรสชาติให้หนังน่าสนใจได้จริงๆนั่นแหละค่ะ   กับอีกเรื่องคือประเด็นของตัวละครพายนั่นแหละค่ะ  แม้ข้างบนเราจะมองเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ขยี้ไม่สุด  แต่มองอีกมุมมันก็ยังเป็นข้อดีนะที่เสริมเข้ามา  เป็นการปรับที่เรามองว่า enhance เรื่องได้




สรุปคะแนนขอให้ที่  7.5/10 ค่ะ

(เกณฑ์มาตรฐานของเราคือ ถ้าเป็นหนังดีเรามักให้ 7  ถ้าเป็นหนังที่ประทับใจเรามักให้ 8  ถ้าเป็นหนังที่ impact กับชีวิตเรามักให้ 9  ส่วน 10 นี่คือหนังขึ้นหิ้ง -----  จริงๆอยากให้สัก 7.8 - 7.9 น่าจะตรงความรู้สึกกว่านะคะ แต่กลัวมันจะแปลกๆ 5555   คือดูจบเราก็รู้สึกว่ามันเป็นหนังดีนะ  และมันก็มีองค์ประกอบทุกอย่างของการเป็นหนังที่ดี  แต่ยังคิดว่าผู้กำกับน่าจะดึงอารมณ์ไปได้มากกว่านี้อีกนิดนึงเมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่มีในมือ ทั้งเนื้อหา การแสดง โปรดัคชั่นส์  ถ้าปรุงได้จัดกว่านี้อีกสัก ขยี้อารมณ์มากกว่านี้สักหน่อยเราจะให้ 8 up แบบไม่ลังเลเลยค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่