ถ้าใครกำลังวางแผนจะไปดูเรื่องนี้ แนะนำให้ปิดการรับรู้เกี่ยวกับหนังทุกช่องทาง เข้าไปแบบหัวโล่งๆไม่รู้อะไรเลยจะดีสุดค่ะ ปล่อยความรู้สึกตามตัวละครไปเลย แล้วจะดูสนุกขึ้นอีก 25% เป็นอย่างต่ำแน่ๆ โดยส่วนตัวเราอาจจะเรียกว่าเสียเปรียบเล็กๆตรงที่เคยอ่านหนังสือมาก่อนแล้ว ก็เลยพอจะเดาแนวทางและคาดเดาในใจไว้บางส่วน ซึ่งนั่นทำให้ลดทอนอรรถรสของหนังลงไปบ้าง (เป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจรีบไปดูเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด) แต่รวมๆเรายังให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังจัดอยู่ในกลุ่มหนังดีควรค่าไปดูเรื่องหนึ่งค่ะ แม้ว่าจุดอ่อนมันก็ยังมีให้เห็นอยู่
จริงๆหนังเรื่องนี้ได้วัตถุดิบชั้นดีมาทำเลยนะ เพราะวรรณกรรม original มีเนื้อหาและ message ที่ดีมากๆ แต่รสชาติการเล่าต้นฉบับมันเหมือนอาหารญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ อาจจะเน้นความละมุนเนิบๆไปสักนิด ถ้าลิ้นคนไทยส่วนใหญ่เราอาจจะมองว่าจืดไป พอถูกดัดแปลงมาเล่าในหนังเรื่องนี้เหมือนการนำอาหารญี่ปุ่นมาฟิวชั่นให้มีรสไทยๆ มีความจัดจ้านลงไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับอาหารไทยมันก็ยังเจือปนความละมุนแบบญี่ปุ่นมาอยู่ดีนะ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่ารสชาติของหนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำแต่ละรสให้ออกมาจัดสุดๆไปด้านในด้านหนึ่ง ไม่ได้แฟนตาซีจ๋า ไม่ได้ดราม่าแบบระเบิดอารมณ์ ไม่ได้ระทึกใจเต้น แต่จะคุมโทนในทุกๆรสชาติ ผสมความรู้สึกอึนๆไปตลอดทั้งเรื่อง เพียงแต่มันมีบทสรุปที่มีคุณค่ามอบให้
เริ่มที่ข้อเสียก่อน
- อาจจะเป็นที่รสนิยมเราเองส่วนหนึ่งด้วย แต่เรามองว่าปัญหาของเรื่องนี้คือผู้ปรุงรสชาติหนังอย่างพี่โอ๋ ผู้กำกับนี่แหละค่ะ เจ้าตัวอาจจะตั้งใจให้ออกมาประมาณนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าหนังสามารถรีดศักยภาพจากวัตถุดิบออกมาได้มากกว่านี้นะคะ ถ้าขยี้อารมณ์ได้มากกว่านี้เราว่าหนังมันจะดูสนุกและน่าประทับใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ทั้งในส่วน thriller drama romantic เลย ส่วนความ fantasy มันก็ตื่นตาตื่นใจดีนะ CG เรื่องนี้ดีมากนะคะ แต่มันให้ความรู้สึก sci-fi มากกว่า ในขณะที่เนื้อหาหนังมันเล่นกับความเชื่อวิญญาณ ซึ่งเราว่าถ้าไปเล่นกับบรรยากาศความมืดหม่นลึกลับมันน่าจะเข้ากว่านี้นะ
- การตัดต่อ ไม่ถึงกับแย่แต่ไม่ได้ smooth ค่ะ จริงๆภาพรวมเราพอรับได้นะ แต่มันมีความกระท่อนกระแท่นในการเชื่อมเรื่องโผล่มาให้เห็นอยู่ ซึ่งเราว่ามันแก้ได้ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ค่ะ
- ความไม่สมเหตุสมผลบางอย่าง เรื่องนี้ประมาณฉลาดเกมส์โกงเลยค่ะ ถ้าเป็นคนดูประเภทจุกจิกนิดนึงดู 2 เรื่องนี้จะมีมุม เอ๊ะๆ ว่าตัวละครทำไปทำไมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นระดับคนดูทั่วไปที่ไม่คิดอะไรมาก มองเป็นเหตุผลเพื่อความสนุกในเชิงภาพยนตร์ ก็พอปล่อยผ่านดูสนุกๆอยู่ได้ค่ะ ไม่ถึงกับเป็นแผลใหญ่
- มันมีประเด็นอยู่อย่างหนึ่งในเรื่องที่เราติดใจค่ะ ไม่รู้จะใช้คำว่าข้อเสียเลยดีมั้ย ออกแนวเสียดายมากกว่าละกัน คือทั้งเรื่องเราชอบแบคกราวด์ตัวละครพายมากที่สุดค่ะ ชอบมากกว่าของมินอีก เท่าที่จำได้รู้สึกจะต่างจากในนิยายพอสมควร ซึ่งเราดันชอบส่วนในหนังมากกว่าด้วย เราว่าประเด็นมันคมกว่าและ universal กว่านะ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะผู้กำกับเล่นแตะแต่ไม่ขยี้ให้ถึงที่สุด เราเห็นบางคนตีความประเด็นของตัวละครนี้ผิดไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเราว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้กำกับเองก็ยังคลี่คลายมันได้ไม่เคลียร์พอ [[ ในส่วนนี้ขอสปอยล์นะคะ ]]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บางคนดูไม่ขาดไปตีความว่าพายใจง่าย แต่ประเด็นแท้จริงที่มันแฝงอยู่คือการใช้อำนาจทางสังคมเอาเปรียบทางเพศต่างหาก พายคือเหยื่อของเรื่องนี้ ในฐานะเด็กที่ถูกเอาเปรียบแต่พยายามปกป้องตัวเอง (แบบไม่รู้ตัว) ด้วยการยอมจำนน คิดเข้าข้างตัวเองว่าจำเป็นต้องพึ่งเค้า ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองเป็นเหยื่อ กว่าจะรู้ตัวก็แทบสายไปเสียแล้ว
ประเด็นมันดีมากเลยนะ แต่ผู้กำกับดันขยี้ไม่สุด
แต่จริงๆก็พอเข้าใจในแง่ว่าหนังมันเดินเรื่องด้วยมุมมองของมิน ถ้าจะไปขยายมุมพายมากๆมันจะฉีกจากเส้นเรื่องออกมา แต่มันน่าเสียดายเพราะไม่ใช่คนดูทุกคนจะเก็บประเด็นพวกนี้มาคิด ถ้าเน้นจริงๆมันน่าจะช่วยสะกิดสังคมให้ตระหนักมุมมองของคนที่เผชิญปัญหาพวกนี้เพื่อให้รับมือได้ดีขึ้นเลยนะคะ
กลับมาที่ข้อดี
เราชอบบรรยากาศและมุมกล้องในช่วงต้นของหนังมากเลยค่ะ ไม่ได้มีเหตุผลเป็นพิเศษแต่ดูแล้วชอบค่ะ ตื่นเต้นดี
CG - โดยส่วนตัวไม่รู้สึกว่า CG มีจุดให้ตินะคะ เสริมหนังได้ดี เนียนไปกับหนังด้วย
การแสดง - น่าจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง
คนแรกไม่ชมไม่ได้จริงๆคือ เจมส์ เก่งขึ้นมากจริงๆ เราว่าใครมาดูก็ต้องชมอ้ะค่ะ รวมๆนี่เอาอยู่ทั้งเรื่องเลยนะเพราะเป็นตัวเดินเรื่อง และอารมณ์มีหลากหลายมากแต่เจมส์พาไปได้หมด ถ้าจะมีติดหน่อยเรามองว่าพวกซีนดราม่าระเบิดอารมณ์น่าจะขยี้ไปได้สุดกว่านี้ แต่อย่างที่บอกข้างบนแหละค่ะ เราว่าผู้กำกับแกน่าจะอยากได้โทนนี้มากกว่า แต่อินเนอร์อะไรเจมส์สื่อสารมาในแววตาได้ชัดมากค่ะ น่าจะได้ลุ้นรางวัลแน่ๆล่ะ
พี่สู่ขวัญ ไม่รู้จะติอะไรเลยค่ะ เพราะสื่อสารความเป็นตัวตนของแม่ในเรื่องได้ดี ทั้งความรัก ความอึดอัด และสิ่งที่อยู่ในใจ ถ้าจะมีก็คงปัญหาเดียวกับเจมส์คือ ถ้าเป็นคนที่ชอบเสพย์อะไรจัดจ้าน ชอบแบบน้ำตาแตกสะอื้นกันไปเลย อาจจะมองว่ามันได้สุดมากกว่านี้มั้ย เอาให้สะใจไปเลย แต่ถ้าเอาความเห็นส่วนตัวเราในพาร์ทแม่ลูกเราว่าก็พอดีๆแล้วนะคะ เราว่ามันก็ดูเรียลดี
เฌอปราง คนนี้เซอร์ไพรส์เรามาก จริงๆตอนดู trailer เรายังรู้สึกว่าจับได้ถึงความใหม่นิดๆนะ ยังคิดว่าในโรงน่าจะมีจุดบอดให้จับได้พอควร แต่พอดูจริงๆแล้วเพลินจนแทบไม่สังเกตเลยค่ะ เล่นดีเลยล่ะ จะใช้คำว่าดีมากก็ได้นะสำหรับหนังเรื่องแรก ซีนธรรมดามีเสน่ห์ ซีนดราม่าก็ดีกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ ปัญหาอย่างเดียวของเฌอปรางคือความใหม่นี่แหละที่ทำให้การกะระดับอารมณ์ในบางช่วงมันยังขาดๆเกินๆไปบ้าง บางครั้งเหมือนล้นไปหน่อย ถ้าโปรกว่านี้ผู้กำกับอาจจะให้เราเห็นการแสดงแบบไต่ระดับซึ่งจะทำให้คนดูมีเวลาซึมซับแล้วอินตามกว่านี้ แต่ที่เห็นในหนังเหมือนตัดมาในช่วงที่บิ๊วด์จนพีคแล้ว มันเลยเป็นจุดอ่อนเล็กๆเพราะคนไม่มีเวลาซึมซับ แต่เทียบกับสิ่งที่ทำไปเราไม่ติดใจเลยค่ะ ยังไงก็ต้องชม เพราะบทนี้ตัวละครมันซับซ้อนมากนะ (กว่าในนิยายอีกมั้ง) และบทโหดด้วย เล่นเรื่องแรกได้ขนาดนี้เราว่าเก่งมากแล้วนะ
เบบี้มายด์ เคยเห็นผ่านๆว่าน้องเค้าเคยแคสท์ Hormones the next gen แต่ไม่เคยเห็นผลงานมาก่อน เรื่องนี้ถือว่าแจ้งเกิดได้สวยเลยค่ะ ดราม่าแสดงดีทีเดียวล่ะ มีความเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะจังหวะคอมเมดี้จังหวะดีเลยค่ะ
เนื้อหาหนัง - ความที่วัตถุดิบมันดีอยู่แล้ว ในที่นี้คือ message ของหนัง ต่อให้รู้สึกว่าเชฟน่าจะรีดศักยภาพรสชาติออกมาได้มากกว่านี้ แต่ของดีมันก็คือของดี ตราบใดที่ไม่ปรุงมาเสียจนกินไม่ได้ ยังไงมันก็อร่อย มีคุณค่าในตัวมันเองอยู่ดีค่ะ หนังเรื่องนี้ถ้าดูแบบไม่ใช่สมองมากมันก็เพลิดเพลินได้ประมาณนึง แต่มันเป็นหนังที่เหมาะแก่การเก็บไปคิดไตร่ตรอง มันมี message แฝงดีๆมากมายให้เก็บกลับไปค่ะ คิดต่ออีกสักหน่อยแล้วจะได้อะไรดีๆจากมันไปมากแน่ๆ
การดัดแปลง - อีกส่วนหนึ่งที่ต้องชม แม้จะไม่ถึงกับเลิศเลอ แต่เรายังมองการพยายามดัดแปลงการเล่าในหนังเป็นมุมบวกนะคะ การใส่รสชาติทั้ง drama thriller romantic และ fantasy ในเรื่อง (แม้เราจะมองว่ายังทำได้ดีกว่านี้ก็เถอะ) มันก็ช่วยเสริมรสชาติให้หนังน่าสนใจได้จริงๆนั่นแหละค่ะ กับอีกเรื่องคือประเด็นของตัวละครพายนั่นแหละค่ะ แม้ข้างบนเราจะมองเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ขยี้ไม่สุด แต่มองอีกมุมมันก็ยังเป็นข้อดีนะที่เสริมเข้ามา เป็นการปรับที่เรามองว่า enhance เรื่องได้
สรุปคะแนนขอให้ที่ 7.5/10 ค่ะ
(เกณฑ์มาตรฐานของเราคือ ถ้าเป็นหนังดีเรามักให้ 7 ถ้าเป็นหนังที่ประทับใจเรามักให้ 8 ถ้าเป็นหนังที่ impact กับชีวิตเรามักให้ 9 ส่วน 10 นี่คือหนังขึ้นหิ้ง ----- จริงๆอยากให้สัก 7.8 - 7.9 น่าจะตรงความรู้สึกกว่านะคะ แต่กลัวมันจะแปลกๆ 5555 คือดูจบเราก็รู้สึกว่ามันเป็นหนังดีนะ และมันก็มีองค์ประกอบทุกอย่างของการเป็นหนังที่ดี แต่ยังคิดว่าผู้กำกับน่าจะดึงอารมณ์ไปได้มากกว่านี้อีกนิดนึงเมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่มีในมือ ทั้งเนื้อหา การแสดง โปรดัคชั่นส์ ถ้าปรุงได้จัดกว่านี้อีกสัก ขยี้อารมณ์มากกว่านี้สักหน่อยเราจะให้ 8 up แบบไม่ลังเลเลยค่ะ)
วิจารณ์ Homestay แบบ NO SPOIL ค่ะ
จริงๆหนังเรื่องนี้ได้วัตถุดิบชั้นดีมาทำเลยนะ เพราะวรรณกรรม original มีเนื้อหาและ message ที่ดีมากๆ แต่รสชาติการเล่าต้นฉบับมันเหมือนอาหารญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ อาจจะเน้นความละมุนเนิบๆไปสักนิด ถ้าลิ้นคนไทยส่วนใหญ่เราอาจจะมองว่าจืดไป พอถูกดัดแปลงมาเล่าในหนังเรื่องนี้เหมือนการนำอาหารญี่ปุ่นมาฟิวชั่นให้มีรสไทยๆ มีความจัดจ้านลงไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับอาหารไทยมันก็ยังเจือปนความละมุนแบบญี่ปุ่นมาอยู่ดีนะ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่ารสชาติของหนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำแต่ละรสให้ออกมาจัดสุดๆไปด้านในด้านหนึ่ง ไม่ได้แฟนตาซีจ๋า ไม่ได้ดราม่าแบบระเบิดอารมณ์ ไม่ได้ระทึกใจเต้น แต่จะคุมโทนในทุกๆรสชาติ ผสมความรู้สึกอึนๆไปตลอดทั้งเรื่อง เพียงแต่มันมีบทสรุปที่มีคุณค่ามอบให้
เริ่มที่ข้อเสียก่อน
- อาจจะเป็นที่รสนิยมเราเองส่วนหนึ่งด้วย แต่เรามองว่าปัญหาของเรื่องนี้คือผู้ปรุงรสชาติหนังอย่างพี่โอ๋ ผู้กำกับนี่แหละค่ะ เจ้าตัวอาจจะตั้งใจให้ออกมาประมาณนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าหนังสามารถรีดศักยภาพจากวัตถุดิบออกมาได้มากกว่านี้นะคะ ถ้าขยี้อารมณ์ได้มากกว่านี้เราว่าหนังมันจะดูสนุกและน่าประทับใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ทั้งในส่วน thriller drama romantic เลย ส่วนความ fantasy มันก็ตื่นตาตื่นใจดีนะ CG เรื่องนี้ดีมากนะคะ แต่มันให้ความรู้สึก sci-fi มากกว่า ในขณะที่เนื้อหาหนังมันเล่นกับความเชื่อวิญญาณ ซึ่งเราว่าถ้าไปเล่นกับบรรยากาศความมืดหม่นลึกลับมันน่าจะเข้ากว่านี้นะ
- การตัดต่อ ไม่ถึงกับแย่แต่ไม่ได้ smooth ค่ะ จริงๆภาพรวมเราพอรับได้นะ แต่มันมีความกระท่อนกระแท่นในการเชื่อมเรื่องโผล่มาให้เห็นอยู่ ซึ่งเราว่ามันแก้ได้ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ค่ะ
- ความไม่สมเหตุสมผลบางอย่าง เรื่องนี้ประมาณฉลาดเกมส์โกงเลยค่ะ ถ้าเป็นคนดูประเภทจุกจิกนิดนึงดู 2 เรื่องนี้จะมีมุม เอ๊ะๆ ว่าตัวละครทำไปทำไมอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นระดับคนดูทั่วไปที่ไม่คิดอะไรมาก มองเป็นเหตุผลเพื่อความสนุกในเชิงภาพยนตร์ ก็พอปล่อยผ่านดูสนุกๆอยู่ได้ค่ะ ไม่ถึงกับเป็นแผลใหญ่
- มันมีประเด็นอยู่อย่างหนึ่งในเรื่องที่เราติดใจค่ะ ไม่รู้จะใช้คำว่าข้อเสียเลยดีมั้ย ออกแนวเสียดายมากกว่าละกัน คือทั้งเรื่องเราชอบแบคกราวด์ตัวละครพายมากที่สุดค่ะ ชอบมากกว่าของมินอีก เท่าที่จำได้รู้สึกจะต่างจากในนิยายพอสมควร ซึ่งเราดันชอบส่วนในหนังมากกว่าด้วย เราว่าประเด็นมันคมกว่าและ universal กว่านะ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะผู้กำกับเล่นแตะแต่ไม่ขยี้ให้ถึงที่สุด เราเห็นบางคนตีความประเด็นของตัวละครนี้ผิดไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเราว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้กำกับเองก็ยังคลี่คลายมันได้ไม่เคลียร์พอ [[ ในส่วนนี้ขอสปอยล์นะคะ ]]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่จริงๆก็พอเข้าใจในแง่ว่าหนังมันเดินเรื่องด้วยมุมมองของมิน ถ้าจะไปขยายมุมพายมากๆมันจะฉีกจากเส้นเรื่องออกมา แต่มันน่าเสียดายเพราะไม่ใช่คนดูทุกคนจะเก็บประเด็นพวกนี้มาคิด ถ้าเน้นจริงๆมันน่าจะช่วยสะกิดสังคมให้ตระหนักมุมมองของคนที่เผชิญปัญหาพวกนี้เพื่อให้รับมือได้ดีขึ้นเลยนะคะ
กลับมาที่ข้อดี
เราชอบบรรยากาศและมุมกล้องในช่วงต้นของหนังมากเลยค่ะ ไม่ได้มีเหตุผลเป็นพิเศษแต่ดูแล้วชอบค่ะ ตื่นเต้นดี
CG - โดยส่วนตัวไม่รู้สึกว่า CG มีจุดให้ตินะคะ เสริมหนังได้ดี เนียนไปกับหนังด้วย
การแสดง - น่าจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง
คนแรกไม่ชมไม่ได้จริงๆคือ เจมส์ เก่งขึ้นมากจริงๆ เราว่าใครมาดูก็ต้องชมอ้ะค่ะ รวมๆนี่เอาอยู่ทั้งเรื่องเลยนะเพราะเป็นตัวเดินเรื่อง และอารมณ์มีหลากหลายมากแต่เจมส์พาไปได้หมด ถ้าจะมีติดหน่อยเรามองว่าพวกซีนดราม่าระเบิดอารมณ์น่าจะขยี้ไปได้สุดกว่านี้ แต่อย่างที่บอกข้างบนแหละค่ะ เราว่าผู้กำกับแกน่าจะอยากได้โทนนี้มากกว่า แต่อินเนอร์อะไรเจมส์สื่อสารมาในแววตาได้ชัดมากค่ะ น่าจะได้ลุ้นรางวัลแน่ๆล่ะ
พี่สู่ขวัญ ไม่รู้จะติอะไรเลยค่ะ เพราะสื่อสารความเป็นตัวตนของแม่ในเรื่องได้ดี ทั้งความรัก ความอึดอัด และสิ่งที่อยู่ในใจ ถ้าจะมีก็คงปัญหาเดียวกับเจมส์คือ ถ้าเป็นคนที่ชอบเสพย์อะไรจัดจ้าน ชอบแบบน้ำตาแตกสะอื้นกันไปเลย อาจจะมองว่ามันได้สุดมากกว่านี้มั้ย เอาให้สะใจไปเลย แต่ถ้าเอาความเห็นส่วนตัวเราในพาร์ทแม่ลูกเราว่าก็พอดีๆแล้วนะคะ เราว่ามันก็ดูเรียลดี
เฌอปราง คนนี้เซอร์ไพรส์เรามาก จริงๆตอนดู trailer เรายังรู้สึกว่าจับได้ถึงความใหม่นิดๆนะ ยังคิดว่าในโรงน่าจะมีจุดบอดให้จับได้พอควร แต่พอดูจริงๆแล้วเพลินจนแทบไม่สังเกตเลยค่ะ เล่นดีเลยล่ะ จะใช้คำว่าดีมากก็ได้นะสำหรับหนังเรื่องแรก ซีนธรรมดามีเสน่ห์ ซีนดราม่าก็ดีกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ ปัญหาอย่างเดียวของเฌอปรางคือความใหม่นี่แหละที่ทำให้การกะระดับอารมณ์ในบางช่วงมันยังขาดๆเกินๆไปบ้าง บางครั้งเหมือนล้นไปหน่อย ถ้าโปรกว่านี้ผู้กำกับอาจจะให้เราเห็นการแสดงแบบไต่ระดับซึ่งจะทำให้คนดูมีเวลาซึมซับแล้วอินตามกว่านี้ แต่ที่เห็นในหนังเหมือนตัดมาในช่วงที่บิ๊วด์จนพีคแล้ว มันเลยเป็นจุดอ่อนเล็กๆเพราะคนไม่มีเวลาซึมซับ แต่เทียบกับสิ่งที่ทำไปเราไม่ติดใจเลยค่ะ ยังไงก็ต้องชม เพราะบทนี้ตัวละครมันซับซ้อนมากนะ (กว่าในนิยายอีกมั้ง) และบทโหดด้วย เล่นเรื่องแรกได้ขนาดนี้เราว่าเก่งมากแล้วนะ
เบบี้มายด์ เคยเห็นผ่านๆว่าน้องเค้าเคยแคสท์ Hormones the next gen แต่ไม่เคยเห็นผลงานมาก่อน เรื่องนี้ถือว่าแจ้งเกิดได้สวยเลยค่ะ ดราม่าแสดงดีทีเดียวล่ะ มีความเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะจังหวะคอมเมดี้จังหวะดีเลยค่ะ
เนื้อหาหนัง - ความที่วัตถุดิบมันดีอยู่แล้ว ในที่นี้คือ message ของหนัง ต่อให้รู้สึกว่าเชฟน่าจะรีดศักยภาพรสชาติออกมาได้มากกว่านี้ แต่ของดีมันก็คือของดี ตราบใดที่ไม่ปรุงมาเสียจนกินไม่ได้ ยังไงมันก็อร่อย มีคุณค่าในตัวมันเองอยู่ดีค่ะ หนังเรื่องนี้ถ้าดูแบบไม่ใช่สมองมากมันก็เพลิดเพลินได้ประมาณนึง แต่มันเป็นหนังที่เหมาะแก่การเก็บไปคิดไตร่ตรอง มันมี message แฝงดีๆมากมายให้เก็บกลับไปค่ะ คิดต่ออีกสักหน่อยแล้วจะได้อะไรดีๆจากมันไปมากแน่ๆ
การดัดแปลง - อีกส่วนหนึ่งที่ต้องชม แม้จะไม่ถึงกับเลิศเลอ แต่เรายังมองการพยายามดัดแปลงการเล่าในหนังเป็นมุมบวกนะคะ การใส่รสชาติทั้ง drama thriller romantic และ fantasy ในเรื่อง (แม้เราจะมองว่ายังทำได้ดีกว่านี้ก็เถอะ) มันก็ช่วยเสริมรสชาติให้หนังน่าสนใจได้จริงๆนั่นแหละค่ะ กับอีกเรื่องคือประเด็นของตัวละครพายนั่นแหละค่ะ แม้ข้างบนเราจะมองเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ขยี้ไม่สุด แต่มองอีกมุมมันก็ยังเป็นข้อดีนะที่เสริมเข้ามา เป็นการปรับที่เรามองว่า enhance เรื่องได้
สรุปคะแนนขอให้ที่ 7.5/10 ค่ะ
(เกณฑ์มาตรฐานของเราคือ ถ้าเป็นหนังดีเรามักให้ 7 ถ้าเป็นหนังที่ประทับใจเรามักให้ 8 ถ้าเป็นหนังที่ impact กับชีวิตเรามักให้ 9 ส่วน 10 นี่คือหนังขึ้นหิ้ง ----- จริงๆอยากให้สัก 7.8 - 7.9 น่าจะตรงความรู้สึกกว่านะคะ แต่กลัวมันจะแปลกๆ 5555 คือดูจบเราก็รู้สึกว่ามันเป็นหนังดีนะ และมันก็มีองค์ประกอบทุกอย่างของการเป็นหนังที่ดี แต่ยังคิดว่าผู้กำกับน่าจะดึงอารมณ์ไปได้มากกว่านี้อีกนิดนึงเมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่มีในมือ ทั้งเนื้อหา การแสดง โปรดัคชั่นส์ ถ้าปรุงได้จัดกว่านี้อีกสัก ขยี้อารมณ์มากกว่านี้สักหน่อยเราจะให้ 8 up แบบไม่ลังเลเลยค่ะ)