รัก ไม่จำเป็นต้อง ……….
เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักทั่ว ๆ ไป ที่เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยผ่านการที่ต้องรักใครสักคน มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่รักที่ผมจะขอเล่ามาในข้อความนี้ เป็นเรื่องที่น้ำเน่าสุด ๆ และเป็นความรักที่ผมมั่นใจที่สุดว่า “จะเป็นรักที่ ยืนยาว”
ผมชื่อ……..ผมไม่ขอเอ่ยนะ (ให้พวกคุณไปตั้งกันเอง) เป็นชาวจังหวัดอุทัยธานี ที่มีความสนใจในเรื่องของดนตรี จึงได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ท่านเลยส่งผมมาเรียนดนตรีในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดลพบุรี ผมเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มาใช้ชีวิตคนเดียวโดยไร้พ่อแม่ครั้งแรก ต้องมาดูแลตัวเอง รีดผ้า ซักผ้า ตื่นนอนเอง ทั้งหมด ก็เลยมีความเหงาขาดความอบอุ่นไปเล็กน้อย (คิดไปเอง) ตัวผมเมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับชีวิตการเรียนดนตรีอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้ผมมั่นใจเลยว่า นี่จะเป็นเส้นทางในการทำมาหากินของผม ด้วยในโรงเรียนดนตรีแห่งนี้เป็นที่อนุรักษ์วัฒนะธรรมไทย เลยมีหลากหลายเพศที่อาศัยร่มไทรใบสนเดียวกัน (ต้นไม้ที่มีอยู่เยอะมาก) ทั้ง ชายแท้ ชายเทียม หญิงแท้ หญิงเทียม มันดูเป็นความรู้สึกใหม่ ที่ทำให้ผมได้เปิดโลกกว้างขึ้นในมุมมองที่ว่า ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงก็จริง แต่ชายที่ชอบชายด้วยกันมันมีเยอะกว่าชายแท้ๆสะอีก ในสถานที่แห่งนี้ ถึงกับเปรียบเปรยเลยว่า ต้นไม้หนึ่งต้นในโรงเรียนจะมีกระเทย ประจำการไว้ต้นละหนึ่งคน ทำให้ผมที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ รู้สึกเหมือนเป็นชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยความที่ผู้ชายมันน้อยมาก ก็เป็นผลดีสำหรับผู้ชาย เพราะโอกาสในการที่จะมีใครเข้ามาในหัวใจมันเป็นเรื่องที่ไม่อยากนัก ถึงแม้หน้าตาเราจะไม่ดี หุ่นไม่โดนใจก็ตาม เพราะคู่แข่งน้อย 555
ความรักครั้งแรกเกิดขึ้น ตอนผมอยู่ ม.2 (ไม่ขอพูดถึงเพราะนานมากละจำไม่ค่อยได้) หลังจากนั้นผมที่มีความรักเรื่อย ๆ มา 555 ความรักแบบเด็ก ๆ น่ะครับ เปลี่ยนบ่อยเหมือนตัวเองหล่อ เลยหลงตัวเองมาถึงทุกวันนี้ และเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนผม อยู่ ม4 ในตอนนี้ผมหล่อมาก 555 ผมpopมาก เพราะมีคนมาชอบเยอะ (คุยหลายคน) และมันก็เป็นช่วงหนึ่ง ที่มีเด็กผู้หญิง ม 1 อ้วน พูดมาก เสียงเนี่ยดังยังกับระเบิด (น่าลำคาน) มาชอบเรา ซึ่งมาอยู่หอเดียวกันกับเราสะด้วย (เป็นหอพักที่อยู่ในรั้วเดียวกัน มีฝั่งหญิง และฝั่งชาย) บังเอิญเราไม่ใช่คนหยิ่งไง เราก็คุยกับเขา ตอนนั้นเริ่มมีโปรโทรฟรีของโทรศัพท์ค่ายหนึ่งแล้วนะ ซึ่งน้องเขาก็ลงทุนซื้อซิมของค่ายนั้นมาเลย เพื่อจะได้คุยกับเราทั้งคืน เราก็ใช้คุยแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะใจลึก ๆ ไม่ชอบ แต่ก็ดีใจที่มีคนมาชอบ เขาพยายามดูแลเรา ให้โน่นให้นี่ ซื้ออะไรมาให้กิน โทรจิกเรามากกกกกกก!จนทำให้เราจะต้องโกหกในทุกครั้งที่ไม่อยากคุย เช่น ไปอาบน้ำก่อนนะ พอกลับมา ก็แกล้งหลับเป็นตายโดยให้น้องที่อยู่ห้องเดียวกันรับสายให้ หรือไม่ก็ เล่นเกมอยู่เดี๋ยวค่อยคุย ,ซ้อมเพลงแปป ค่อยว่ากัน ,ไปเล่นดนตรี ไม่ว่าง จนสุดท้ายเวลาผ่านไปไม่นาน เราก็ได้คุยกับผู้หญิงอีกคน น่ารัก ขาว หมวย พูดจาดี เป็นรุ่นน้องของผม ที่เป็นรุ่นพี่ของน้องอ้วนเขา เอิ่ม อย่า งง กันนะ 555 หลังจากนั้นมันก็เป็นเรื่องเศร้า ซึ่งไม่ต้องเดา ว่าผมจะเลือกใคร และใครจะต้องเจ็บ ผมจะไม่ดูถูกนะว่ามันเป็นความรักเด็กไร้เดียงสา แต่ผมขอดูถูกใจหมา ๆ ของผมว่า ผมนั้นทำผิดเสียแล้วกับความใจง่ายของตัวเอง (อีกนานกว่าจะสำนึก) และความรักในครั้งนั้นมันก็ไม่ยืนยาวไม่นานผมก็ต้องอยู่คนเดียว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ผมจะกล่าวเลาถึงต่อไปนี้………..
…….ต่อไปเรื่องมันจะเข้มข้นละ ผมขอตั้งชื่อของผู้ที่เข้ามาในชีวิตผมเลยละกันนะ หลังจากนั้นที่ผมได้เลิกรากันไปกับรุ่นน้องขาวสวย ให้ชื่อว่าน้อง หมวยเล็ก ละกัน ………. ก็เป็นช่วงที่เสียใจมาก และมันก็มาพร้อมกับ สงครามประสาทครั้งยิ่งใหญ่ ที่ผมจะต้องเจอ ในตอน ม4 ฮาฮาฮา! มันบังเอิญมากที่ เพื่อนของน้องหมวยเล็กนั้น ดันสนิทกับน้องอ้วน สำหรับคนนี้ให้ชื่อว่า ณิต ละกันนะ ผมจะโดนสายตาของหมู่เพื่อน ๆ เขามองด้วยความเกลียดชังและขยะแขยง พูดกระทบกระแทกทุกๆครั้ง ที่ต้องเจอหน้าณิต แม้กระทั่งตอนกันข้าวกับเพื่อน ๆ ของผม ผมก็จะโดนตลอด และแรงเสริมที่ทำให้เราเจ็บหนักกว่าเดิมก็คือเพื่อนของเราเอง ก็แซวเราด้วยเช่นกัน คำที่ผมยังจำได้แม่น เช่นคำว่า เราคบกันไม่ได้ เรารักกันไม่ได้ พอตอนโตกลับมาคิดถึง ก็อายตัวเองไม่น้อยเช่นกันว่าพูดแบบนั้นไปได้ยังไง มันคงดูเท่ และ ง่ายที่สุดแล้วในช่วงวัยนั้น (หล่อฉิบเหยยยยย) ผมต้องทนกับสายตาและความรู้สึกที่ไม่ได้พูด แต่รับรู้ได้อย่างลึกซึ้งถึงความเกลียดชังที่มีต่อผมถึง 1 ปี หลังจากนั้นเรื่องมันก็จาง ๆ ไป เพราะเป็นธรรมดาของโลกที่เปลี่ยนไปพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง
ในหนึ่งปีของนั้นผมได้เจอรักอีกครั้งหนึ่งในเทอม 2 ของ ม4 ได้รู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นรุ่นน้องผม 1 ปี เธอเป็นเป้าหมายของชายหลาย ๆ คน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือเพื่อนผมเอง ก็ชื่นชมในความสวย หุ่นดี เอ่ยวจีแบบใจละลาย ใบหน้าที่ขาวเนียนไร้สิว ผมที่เป็นเส้นตรงดำสนิทดูมีน้ำหนัก สายตาที่คมดังใบมีดโดน มองมาทีนี่บาดใจชายทุกคน แต่เสียใจด้วยหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย พวกนายก็ได้แค่มอง แต่เขาอะหมายปองเรา 555 (หล่อสลัด) น้องเขามีชื่อว่า พราว (ชื่อตั้งใหม่)…………….ผมก็ได้คบกับพราว สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงอีกคือ พราว ก็มาอยู่หอเดียวกับผมเช่นกัน หลังจากนั้นข่าวก็แพร่ไปเร็วดังเชื้อไวรัสอีเบอเร่อ เอ้ย อีโบล่า และท่ามกลางสิบกว่าสายตามองมาที่ผมในโรงเรียนวันนั้น ทำให้ผมต้องตกเป็นศัตรูหัวใจของใครหลายคนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมไม่เคยสนใจ (ก็เขาเลือกกูอะ 555) และมันก็ไม่พลาดที่ณิตจะไม่รู้ พราวเป็นผู้หญิงคนแรกที่สอนให้ผมได้รู้จัก การแสดงออกของความรักในรูปแบบใหม่ ที่สมัยนี้เขาเห็นมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว……………ในคืนที่เงียบสนิท ไม่มีแสงจันทร์และดวงดาวสอดส่อง เป็นหน้าหนาวที่หนาวมากเสื้อกันหนาวสองชั้นยังไม่พอ ผมคุยกับพราวจนดึกมากแล้วพอใกล้จะหลับตาลงนอนด้วยความเพลีย กำลังจะบอกพราวว่า ฝันดีนะ พราวพูดสวนขึ้นมาว่า “มาหาที่ห้องหน่อย” ทำให้ผมหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ผมตกใจมาก ไม่เคยคิดเลยว่าพราวจะให้ผมไปหาตอนนี้ ที่สงสัยยิ่งกว่านั้นคือ ไปตอนนี้เราจะไปทำอะไร ไปทำไม ต้องไปใช่ไหม ว่าแล้วอีกไปถึงนาที ผมก็ถึงประตูหน้าห้องของพราว ผมเข้าไปในห้องของพราวสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ในชุดนอนสีชมพู แต่มันเป็นกลิ่นที่มาจากเส้นผมของพราว มันหอมและอบอวนไปทั่วห้อง ยังไม่ทันได้มองไปรอบห้องทันใดนั้นไฟก็ดับลง รอบกายผมมีแต่ความมืดมิด จากนั้นมีมือสองข้างเขามาโอบที่เอวของผม ในตอนนั้นหัวใจของผมเต้นแรงมากทำอะไรไม่ถูกยืนตัวแข็งทื่อเป็นไม้กระดาน พราวเข้ามากระซิบที่ข้างหูผมว่า รักนะพี่……. ผมยิ่งใจเต้นขนลุก ใจมันหวิว หวาบตั้งแต่หัวถึงปลายนิ้วมือ น้ำลายของผมตอนนั้นรู้สึกว่ามันเหนียวมากจนกลืนไม่ลง พูดก็ไม่ออก ทำไมมันเหมือนรู้สึกกำลังตกจากที่สูง เมื่อผมรู้สึกตัวอีกที ปากของพราวก็เข้าประกบปากของผมเสียแล้ว….ผมบอกไว้เลยว่านี่คือครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสผู้หญิง คงไม่ต้องพูดนะครับว่าในคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากคืนนั้นความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไป ทำให้ผมรักและห่วงหวงพราวมากกว่าเคย ความคิดของผมคิดว่าผมต้องดูแลรับผิดชอบเขาในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะต้องใช้ชีวิตทั้งหมดกับพราว แต่….ความสุขในความรักครั้งนี้ก็อยู่ไม่นานเช่นกัน พอใกล้จะจบเทอม 2 นั้น พราวบอกกับผมว่า พราวจะต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนในกรุงเทพ และพราวก็ได้บอกเลิกผมอย่างหมดเยื่อใยแบบไม่เหลือเลยกับสิ่งที่เคยทำร่วมกันมา ไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกในวันแรกที่เราได้………. หลังจากนั้นพราวก็ได้หายออกไปจากชีวิตผมตลอดกาล ด้วยความที่ผมรักพราวมากมันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า ความรักที่จะอยู่กันได้ยืดยาวนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลย บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่บางคนก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในเรื่องของความรักเท่านั้นเอง “ไม่เจ็บนะที่โดน แต่

เจ็บจริง ๆ ที่ทิ้งความซิงแบบไร้ความหมาย”
นี่เป็นแค่บางเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น มันยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผม จะเลิกรักกับใครสักคนลงได้
......นี่แค่เริ่มต้น ว่างๆ จะมาเล่าใหม่.....
ใครก็ว่า เราเจ้าชู้
เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักทั่ว ๆ ไป ที่เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยผ่านการที่ต้องรักใครสักคน มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่รักที่ผมจะขอเล่ามาในข้อความนี้ เป็นเรื่องที่น้ำเน่าสุด ๆ และเป็นความรักที่ผมมั่นใจที่สุดว่า “จะเป็นรักที่ ยืนยาว”
ผมชื่อ……..ผมไม่ขอเอ่ยนะ (ให้พวกคุณไปตั้งกันเอง) เป็นชาวจังหวัดอุทัยธานี ที่มีความสนใจในเรื่องของดนตรี จึงได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ท่านเลยส่งผมมาเรียนดนตรีในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดลพบุรี ผมเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มาใช้ชีวิตคนเดียวโดยไร้พ่อแม่ครั้งแรก ต้องมาดูแลตัวเอง รีดผ้า ซักผ้า ตื่นนอนเอง ทั้งหมด ก็เลยมีความเหงาขาดความอบอุ่นไปเล็กน้อย (คิดไปเอง) ตัวผมเมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับชีวิตการเรียนดนตรีอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้ผมมั่นใจเลยว่า นี่จะเป็นเส้นทางในการทำมาหากินของผม ด้วยในโรงเรียนดนตรีแห่งนี้เป็นที่อนุรักษ์วัฒนะธรรมไทย เลยมีหลากหลายเพศที่อาศัยร่มไทรใบสนเดียวกัน (ต้นไม้ที่มีอยู่เยอะมาก) ทั้ง ชายแท้ ชายเทียม หญิงแท้ หญิงเทียม มันดูเป็นความรู้สึกใหม่ ที่ทำให้ผมได้เปิดโลกกว้างขึ้นในมุมมองที่ว่า ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงก็จริง แต่ชายที่ชอบชายด้วยกันมันมีเยอะกว่าชายแท้ๆสะอีก ในสถานที่แห่งนี้ ถึงกับเปรียบเปรยเลยว่า ต้นไม้หนึ่งต้นในโรงเรียนจะมีกระเทย ประจำการไว้ต้นละหนึ่งคน ทำให้ผมที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ รู้สึกเหมือนเป็นชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยความที่ผู้ชายมันน้อยมาก ก็เป็นผลดีสำหรับผู้ชาย เพราะโอกาสในการที่จะมีใครเข้ามาในหัวใจมันเป็นเรื่องที่ไม่อยากนัก ถึงแม้หน้าตาเราจะไม่ดี หุ่นไม่โดนใจก็ตาม เพราะคู่แข่งน้อย 555
ความรักครั้งแรกเกิดขึ้น ตอนผมอยู่ ม.2 (ไม่ขอพูดถึงเพราะนานมากละจำไม่ค่อยได้) หลังจากนั้นผมที่มีความรักเรื่อย ๆ มา 555 ความรักแบบเด็ก ๆ น่ะครับ เปลี่ยนบ่อยเหมือนตัวเองหล่อ เลยหลงตัวเองมาถึงทุกวันนี้ และเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนผม อยู่ ม4 ในตอนนี้ผมหล่อมาก 555 ผมpopมาก เพราะมีคนมาชอบเยอะ (คุยหลายคน) และมันก็เป็นช่วงหนึ่ง ที่มีเด็กผู้หญิง ม 1 อ้วน พูดมาก เสียงเนี่ยดังยังกับระเบิด (น่าลำคาน) มาชอบเรา ซึ่งมาอยู่หอเดียวกันกับเราสะด้วย (เป็นหอพักที่อยู่ในรั้วเดียวกัน มีฝั่งหญิง และฝั่งชาย) บังเอิญเราไม่ใช่คนหยิ่งไง เราก็คุยกับเขา ตอนนั้นเริ่มมีโปรโทรฟรีของโทรศัพท์ค่ายหนึ่งแล้วนะ ซึ่งน้องเขาก็ลงทุนซื้อซิมของค่ายนั้นมาเลย เพื่อจะได้คุยกับเราทั้งคืน เราก็ใช้คุยแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะใจลึก ๆ ไม่ชอบ แต่ก็ดีใจที่มีคนมาชอบ เขาพยายามดูแลเรา ให้โน่นให้นี่ ซื้ออะไรมาให้กิน โทรจิกเรามากกกกกกก!จนทำให้เราจะต้องโกหกในทุกครั้งที่ไม่อยากคุย เช่น ไปอาบน้ำก่อนนะ พอกลับมา ก็แกล้งหลับเป็นตายโดยให้น้องที่อยู่ห้องเดียวกันรับสายให้ หรือไม่ก็ เล่นเกมอยู่เดี๋ยวค่อยคุย ,ซ้อมเพลงแปป ค่อยว่ากัน ,ไปเล่นดนตรี ไม่ว่าง จนสุดท้ายเวลาผ่านไปไม่นาน เราก็ได้คุยกับผู้หญิงอีกคน น่ารัก ขาว หมวย พูดจาดี เป็นรุ่นน้องของผม ที่เป็นรุ่นพี่ของน้องอ้วนเขา เอิ่ม อย่า งง กันนะ 555 หลังจากนั้นมันก็เป็นเรื่องเศร้า ซึ่งไม่ต้องเดา ว่าผมจะเลือกใคร และใครจะต้องเจ็บ ผมจะไม่ดูถูกนะว่ามันเป็นความรักเด็กไร้เดียงสา แต่ผมขอดูถูกใจหมา ๆ ของผมว่า ผมนั้นทำผิดเสียแล้วกับความใจง่ายของตัวเอง (อีกนานกว่าจะสำนึก) และความรักในครั้งนั้นมันก็ไม่ยืนยาวไม่นานผมก็ต้องอยู่คนเดียว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ผมจะกล่าวเลาถึงต่อไปนี้………..
…….ต่อไปเรื่องมันจะเข้มข้นละ ผมขอตั้งชื่อของผู้ที่เข้ามาในชีวิตผมเลยละกันนะ หลังจากนั้นที่ผมได้เลิกรากันไปกับรุ่นน้องขาวสวย ให้ชื่อว่าน้อง หมวยเล็ก ละกัน ………. ก็เป็นช่วงที่เสียใจมาก และมันก็มาพร้อมกับ สงครามประสาทครั้งยิ่งใหญ่ ที่ผมจะต้องเจอ ในตอน ม4 ฮาฮาฮา! มันบังเอิญมากที่ เพื่อนของน้องหมวยเล็กนั้น ดันสนิทกับน้องอ้วน สำหรับคนนี้ให้ชื่อว่า ณิต ละกันนะ ผมจะโดนสายตาของหมู่เพื่อน ๆ เขามองด้วยความเกลียดชังและขยะแขยง พูดกระทบกระแทกทุกๆครั้ง ที่ต้องเจอหน้าณิต แม้กระทั่งตอนกันข้าวกับเพื่อน ๆ ของผม ผมก็จะโดนตลอด และแรงเสริมที่ทำให้เราเจ็บหนักกว่าเดิมก็คือเพื่อนของเราเอง ก็แซวเราด้วยเช่นกัน คำที่ผมยังจำได้แม่น เช่นคำว่า เราคบกันไม่ได้ เรารักกันไม่ได้ พอตอนโตกลับมาคิดถึง ก็อายตัวเองไม่น้อยเช่นกันว่าพูดแบบนั้นไปได้ยังไง มันคงดูเท่ และ ง่ายที่สุดแล้วในช่วงวัยนั้น (หล่อฉิบเหยยยยย) ผมต้องทนกับสายตาและความรู้สึกที่ไม่ได้พูด แต่รับรู้ได้อย่างลึกซึ้งถึงความเกลียดชังที่มีต่อผมถึง 1 ปี หลังจากนั้นเรื่องมันก็จาง ๆ ไป เพราะเป็นธรรมดาของโลกที่เปลี่ยนไปพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง
ในหนึ่งปีของนั้นผมได้เจอรักอีกครั้งหนึ่งในเทอม 2 ของ ม4 ได้รู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นรุ่นน้องผม 1 ปี เธอเป็นเป้าหมายของชายหลาย ๆ คน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือเพื่อนผมเอง ก็ชื่นชมในความสวย หุ่นดี เอ่ยวจีแบบใจละลาย ใบหน้าที่ขาวเนียนไร้สิว ผมที่เป็นเส้นตรงดำสนิทดูมีน้ำหนัก สายตาที่คมดังใบมีดโดน มองมาทีนี่บาดใจชายทุกคน แต่เสียใจด้วยหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย พวกนายก็ได้แค่มอง แต่เขาอะหมายปองเรา 555 (หล่อสลัด) น้องเขามีชื่อว่า พราว (ชื่อตั้งใหม่)…………….ผมก็ได้คบกับพราว สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงอีกคือ พราว ก็มาอยู่หอเดียวกับผมเช่นกัน หลังจากนั้นข่าวก็แพร่ไปเร็วดังเชื้อไวรัสอีเบอเร่อ เอ้ย อีโบล่า และท่ามกลางสิบกว่าสายตามองมาที่ผมในโรงเรียนวันนั้น ทำให้ผมต้องตกเป็นศัตรูหัวใจของใครหลายคนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมไม่เคยสนใจ (ก็เขาเลือกกูอะ 555) และมันก็ไม่พลาดที่ณิตจะไม่รู้ พราวเป็นผู้หญิงคนแรกที่สอนให้ผมได้รู้จัก การแสดงออกของความรักในรูปแบบใหม่ ที่สมัยนี้เขาเห็นมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว……………ในคืนที่เงียบสนิท ไม่มีแสงจันทร์และดวงดาวสอดส่อง เป็นหน้าหนาวที่หนาวมากเสื้อกันหนาวสองชั้นยังไม่พอ ผมคุยกับพราวจนดึกมากแล้วพอใกล้จะหลับตาลงนอนด้วยความเพลีย กำลังจะบอกพราวว่า ฝันดีนะ พราวพูดสวนขึ้นมาว่า “มาหาที่ห้องหน่อย” ทำให้ผมหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ผมตกใจมาก ไม่เคยคิดเลยว่าพราวจะให้ผมไปหาตอนนี้ ที่สงสัยยิ่งกว่านั้นคือ ไปตอนนี้เราจะไปทำอะไร ไปทำไม ต้องไปใช่ไหม ว่าแล้วอีกไปถึงนาที ผมก็ถึงประตูหน้าห้องของพราว ผมเข้าไปในห้องของพราวสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ในชุดนอนสีชมพู แต่มันเป็นกลิ่นที่มาจากเส้นผมของพราว มันหอมและอบอวนไปทั่วห้อง ยังไม่ทันได้มองไปรอบห้องทันใดนั้นไฟก็ดับลง รอบกายผมมีแต่ความมืดมิด จากนั้นมีมือสองข้างเขามาโอบที่เอวของผม ในตอนนั้นหัวใจของผมเต้นแรงมากทำอะไรไม่ถูกยืนตัวแข็งทื่อเป็นไม้กระดาน พราวเข้ามากระซิบที่ข้างหูผมว่า รักนะพี่……. ผมยิ่งใจเต้นขนลุก ใจมันหวิว หวาบตั้งแต่หัวถึงปลายนิ้วมือ น้ำลายของผมตอนนั้นรู้สึกว่ามันเหนียวมากจนกลืนไม่ลง พูดก็ไม่ออก ทำไมมันเหมือนรู้สึกกำลังตกจากที่สูง เมื่อผมรู้สึกตัวอีกที ปากของพราวก็เข้าประกบปากของผมเสียแล้ว….ผมบอกไว้เลยว่านี่คือครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสผู้หญิง คงไม่ต้องพูดนะครับว่าในคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากคืนนั้นความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไป ทำให้ผมรักและห่วงหวงพราวมากกว่าเคย ความคิดของผมคิดว่าผมต้องดูแลรับผิดชอบเขาในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะต้องใช้ชีวิตทั้งหมดกับพราว แต่….ความสุขในความรักครั้งนี้ก็อยู่ไม่นานเช่นกัน พอใกล้จะจบเทอม 2 นั้น พราวบอกกับผมว่า พราวจะต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนในกรุงเทพ และพราวก็ได้บอกเลิกผมอย่างหมดเยื่อใยแบบไม่เหลือเลยกับสิ่งที่เคยทำร่วมกันมา ไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกในวันแรกที่เราได้………. หลังจากนั้นพราวก็ได้หายออกไปจากชีวิตผมตลอดกาล ด้วยความที่ผมรักพราวมากมันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า ความรักที่จะอยู่กันได้ยืดยาวนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลย บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่บางคนก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในเรื่องของความรักเท่านั้นเอง “ไม่เจ็บนะที่โดน แต่
นี่เป็นแค่บางเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น มันยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผม จะเลิกรักกับใครสักคนลงได้
......นี่แค่เริ่มต้น ว่างๆ จะมาเล่าใหม่.....