ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า กระทู้นี้สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเวลามีอาการเจ็บหรือป่วยในระหว่างที่ต้องไปฝึกภาคสนาม จะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะเหนื่อยน้อยกว่ามั้ย ลองอ่านกระทู้นี้ดูครับ อาจจะช่วยได้
Day 1. วันแรกตื่นเช้าตามปกติ(โรงเรียนที่ผมอยู่มันอยู่ไม่ไกลจากเขาชนไก่มากใช้เวลาประมาณ1-1.30ชม.)พร้อมเป้สนามที่จัดของไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พอถึงโรงเรียนปุ้บ ก็เชคชื่อขึ้นรถเลย ไม่มีการตรวจร่ายกายก่อนไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นปกติหรืปล่าว บรรยากาศในรถต้องบอกเลยว่าหมดอาลัยตายอยาก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถึงที่หมาย ลงรถมาก็วิ่งไปเซ็นชื่อที่ครูฝึกอย่างอย่างไว เพราะว่าโรงเรียนของผมมาช้าแต่ก็คิดในแง่ดีว่าไม่ต้องเข้าแถวทำพิธีเปิด(จังหวะนั้นอู้ได้แค่ไหนก็เอา55555) พอพิธีเสร็จก็เรียกรวมอีกทีเพื่อทำการจัดหมวดหมู่ เสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วก็ตั้งแถวขึ้นไปยังจุดตั้งเต้นท์ก็ตั้งเต้นเป็นแนวแบบที่เขามีเชือกไว้ให้ พอเสร็จจากนั้นก็กินข้าวแล้วก็รวมเพื่อเตรียมไปโดดหอ34ฟุต(ประมาณ10เมตร) เหตุก็จะเกิดตรงนี้แหละครับ พอถึงคราวที่ผมจะต้องขึ้นไป ครั้งแรก บอกเลยว่าขาสั่นส่วนตัวเป็นคนกลัวความสูง ขึ้นไปถึงข้างบนยอดก็โคตรกดดันเลยครับ ทั้งครูฝึกทั้งความสูง ผมทำอะไรไม่ถูก จังหวะที่ผมกำลังจะวิ่งแล้วกระโดลงไป ครูฝึกก็เอาแต่ตะโกนว่า"จับเชือกเเน่นๆชูสูงๆ" ผมก็กำซะแน่น โดดลงมาตอนแรกรู้สึกหวิวๆ สักพักเลือดก็ไหล พอลงมาถึงจุดสิ้นสุด ผมก้มลงมองมือตัวเอง ปรากฎว่าเล็บฉีกลึกมากและแผลจากเชือกบาด ลงมาก็ได้แต่มือสั่นไปหาครูฝึก ครูฝึกได้ปฐมพยาลเบื้องต้นแล้วก็ขับรถพาไปทำแผลที่โรงบาล

กลับมาถึงที่ค่ายฝึก ก็พบกับผู้ป่วยอยู่4-5ราย ซึ่งผมไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้ว จากนั้นครูฝึกก็ขับรถไปส่งยังที่ที่เขาให้พวกรด.ก่อไฟทำอาหารกินกันเอง ตอนนั้นลงรถไปแล้วมืดมากเห็นแต่แสงจากไฟฉาย เพราะยังจุดไฟกันไม่ติด พอเจอพวกเพื่อนผมแล้วก็เลยไปนั่งแจมกับเขา โดยที่ผมนั่งส่องไฟให้เฉยๆ ดูพวกเพื่อนๆผมจุดไฟกันแบบทุลักทุเล ผมเองกะว่าจะไม่กินอะไรเลยด้วยซ้ำ เกรงใจเพื่อน ผมลงมาปุ้ปจะมานั่งรอกินมันก็ไม่ใช่ สุดท้ายไม่มีใครได้กินดีๆ55555 ดีสุดก็แบ่งมาม่ากันกิน กินกันเสร็จครูฝึกก็เรียกรวมแล้วก็พูดเรื่องอะไรไม่รู้ผมไม่ได้ฟัง จากนั้นก็ปล่อยให้พักผ่อน พอผมและเพื่อนนอนลงไปกับผ้าใบที่ครูฝึกแจกให้ได้ไม่ถึง10นาที ฝนก็เริ่มปรอยลงมา แรกๆก็ตกเบาอยู่ ยังฝืนนอนไปได้ สักพักฝนเจ้ากรรมก็หนักขึ้นๆเรื่อยๆ จนแต่ละกลุ่มอยู่กันคนละทิศละทาง ใครไวหน่อยก็ได้ที่หลบฝนในห้องน้ำ
หรือถ้าใครแก้ปัญหาเก่งจะเอาผ้าใบมากางเป็นที่หลบฝนก็ได้ แต่ตอนนั้นมันวุ่นวายและชุลมุนจริงๆ พวกผมทำได้มากที่สุดแค่เอาผ้าใบผูกกับต้นไม้สองต้น ให้มันพอหลบฝนได้บ้างเผื่อฝนมันจะหยุด รอไปนานๆเข้าก็ยิ่งหมดหวัง เพราะฝนก็ยังกระหน่ำเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

Day 2(ช่วง 00:00-04:00)คนเราความอดทนย่อมมีขีดจำกัด พอถึงเวลานั้นพวกผมและเพื่อนๆ ได้ลุกออกจากตรงนั้นแล้วก็ไปหาที่ๆหลบฝนได้แบบนิดนึงก็ยังดี สุดท้ายกลุ่มผมไปได้ที่หลบอยู่หลังห้องน้ำที่มีหลังคายื่นมาพอจะหลบฝนได้ แต่ก็ไม่เป็นอันหลับครับ เพราะฝนก็ตกหนักเหมือนเดิมจนมีช่วงนึงประมาณตี3-4 ที่ฝนมันซาๆลง
พวกผมก็ได้ลุกไปเปลี่ยนชุดลำลองมาเพื่อความคล่องตัว แต่ก็ได้กลับมาซึ่งความหนาว แล้วฝนห่านี่ก็ตกมาอีกครังเล่นเอาเก็บของกันไม่ทัน จากนั้นก็กลับไปนั่งที่เดิม หลับได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นแบบนี้จนถึงช่วงเช้า //เดี๋ยวมาต่อDay 2 นะครับ
รด.ภาคสนาม ปี2
Day 1. วันแรกตื่นเช้าตามปกติ(โรงเรียนที่ผมอยู่มันอยู่ไม่ไกลจากเขาชนไก่มากใช้เวลาประมาณ1-1.30ชม.)พร้อมเป้สนามที่จัดของไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พอถึงโรงเรียนปุ้บ ก็เชคชื่อขึ้นรถเลย ไม่มีการตรวจร่ายกายก่อนไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นปกติหรืปล่าว บรรยากาศในรถต้องบอกเลยว่าหมดอาลัยตายอยาก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถึงที่หมาย ลงรถมาก็วิ่งไปเซ็นชื่อที่ครูฝึกอย่างอย่างไว เพราะว่าโรงเรียนของผมมาช้าแต่ก็คิดในแง่ดีว่าไม่ต้องเข้าแถวทำพิธีเปิด(จังหวะนั้นอู้ได้แค่ไหนก็เอา55555) พอพิธีเสร็จก็เรียกรวมอีกทีเพื่อทำการจัดหมวดหมู่ เสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วก็ตั้งแถวขึ้นไปยังจุดตั้งเต้นท์ก็ตั้งเต้นเป็นแนวแบบที่เขามีเชือกไว้ให้ พอเสร็จจากนั้นก็กินข้าวแล้วก็รวมเพื่อเตรียมไปโดดหอ34ฟุต(ประมาณ10เมตร) เหตุก็จะเกิดตรงนี้แหละครับ พอถึงคราวที่ผมจะต้องขึ้นไป ครั้งแรก บอกเลยว่าขาสั่นส่วนตัวเป็นคนกลัวความสูง ขึ้นไปถึงข้างบนยอดก็โคตรกดดันเลยครับ ทั้งครูฝึกทั้งความสูง ผมทำอะไรไม่ถูก จังหวะที่ผมกำลังจะวิ่งแล้วกระโดลงไป ครูฝึกก็เอาแต่ตะโกนว่า"จับเชือกเเน่นๆชูสูงๆ" ผมก็กำซะแน่น โดดลงมาตอนแรกรู้สึกหวิวๆ สักพักเลือดก็ไหล พอลงมาถึงจุดสิ้นสุด ผมก้มลงมองมือตัวเอง ปรากฎว่าเล็บฉีกลึกมากและแผลจากเชือกบาด ลงมาก็ได้แต่มือสั่นไปหาครูฝึก ครูฝึกได้ปฐมพยาลเบื้องต้นแล้วก็ขับรถพาไปทำแผลที่โรงบาล
หรือถ้าใครแก้ปัญหาเก่งจะเอาผ้าใบมากางเป็นที่หลบฝนก็ได้ แต่ตอนนั้นมันวุ่นวายและชุลมุนจริงๆ พวกผมทำได้มากที่สุดแค่เอาผ้าใบผูกกับต้นไม้สองต้น ให้มันพอหลบฝนได้บ้างเผื่อฝนมันจะหยุด รอไปนานๆเข้าก็ยิ่งหมดหวัง เพราะฝนก็ยังกระหน่ำเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
พวกผมก็ได้ลุกไปเปลี่ยนชุดลำลองมาเพื่อความคล่องตัว แต่ก็ได้กลับมาซึ่งความหนาว แล้วฝนห่านี่ก็ตกมาอีกครังเล่นเอาเก็บของกันไม่ทัน จากนั้นก็กลับไปนั่งที่เดิม หลับได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นแบบนี้จนถึงช่วงเช้า //เดี๋ยวมาต่อDay 2 นะครับ