เรื่องความรัก มันไม่อะไรที่คาดเดาได้ยาก ทุกก้าวของการไว้ใจ ทุกก้าวของการคาดหวัง มันจะมีอีกด้านของความเจ็บปวดรออยู่เสมอ
ปัจจุบันดิฉันอายุ 28 ปี แฟนอายุ 40 ปี ฉันเจอผู้ชายคนนี้ในโลกออนไลน์ จากการที่ฉันไปกดไลด์รูปเขาแล้วเค้าก็ทักฉันกลับมาจากนั้นเราก็คุยกันมา เหมือนโลกมันแคบเราเป็นคนใต้เหมือนกันและยังเป็นคนจังหวัดเดียวกันอีกด้วย เราคุยกันมาเรื่อยๆจนมาถึงวันที่เรานัดเจอกัน สถานที่แรกที่เราเจอกัน มันเป็นจังหวัดบ้านเกิดของเราเอง เขาลงมาหาฉันจากกรุงเทพ และเราก็ไปนัดเจอกัน โดยมีคู่รักเพื่อนเขาด้วย ครั้งแรกที่เจอกัน สิ่งที่ฉันรับรู้คือเขามีอาชีพเป็นเทรนเนอร์ และมีความฝัน และกำลังทำความฝันที่จะประสบความสำเร็จในการประกวดเวทีๆหนึ่ง
เจอกันครั้งแรกเขาก็ดูปกติไม่ได้ผิดแปลกอะไรมากมาย นอกจากบางครั้งจะดูแบบเป็นคนเหมือนหงุดหงิดง่ายนิดหน่อย ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากคิดว่าคงเหนื่อยจากการเดินทาง อ่อลืมเล่าให้ฟัง ก่อนที่จะเจอกันเราคุยกันทุกวัน โดยที่เขาเข้ามาคุยกับฉันก่อน โทรไลน์มาหาทุกวัน คุยเป็นเวลานาน คุยบ่อยๆ ก่อนที่จะไปออกกำลังกาย กินข้าวคุยได้ ทำอะไรที่คุยได้ก็คุย จนฉันก็รู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย วกกลับมาตอนเราเจอกันครั้งแรกไปเที่ยวกัน เราไปเที่ยวกัน 2 คู่ ก็ดูน่ารักดี หลังจากกลับเขาก็กลับไปกรุงเทพ ฉันก็กลับบ้าน เราก็คุยกันมาได้อีกสักระยะนึงเค้าก็ยังคงเหมือนเดิม โทรมา ไม่ได้หายไปไหน แต่พักหลังๆพอคบดันมาสักระยะนึงฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หงุดหงิดง่ายมาก บางครั้งฉันพูดอะไรผิด หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตะคอก ใช้น้ำเสียง คำพูดไม่ดีใส่ ฉันก็โกรธ ก็งอลเขาบ่อยด้วยนิสัยแบบนี้ โดยเขาให้เหตุผลว่าฉันขี้บ่น พูดมาก ชอบเถียง เหมือนมาถึงจุดๆนี้ฉันก็เริ่มเห็นได้ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขา เราทะเลาะกันบ่อยขึ้นๆ จนหนักถึงขั้น เขาให้คำพูดกู เมิงกับเรา ครั้งแรกที่ได้ยินมันเจ็บมาก เหมือนแบบเรื่องที่ทะเลาะกันมันก็แค่เรื่องที่ไร้สาระ แค่พูดไม่ถูกใจ เราไปพูด ไปหวานด้วยประสาแฟนก็ไม่ได้ กลายเป็นหงุดหงิดรำคานใส่ เวลาเราบอกรัก บอกคิดถึงก็ตอบแต่ว่า อืม... เออ เขาบอกว่าเค้าเป็นผู้ชายแบบนี้ไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไร
ครั้งต่อมาเจอกันที่กรุงเทพ โดยฉันบินไปหาเค้า โดยเราไปเที่ยว พักผ่อนทีนครนายกด้วยกัน เราก็มีทั้งความสุขด้วยกัน และก็ทะเลาะกันบ้างตามปกติ จนจบทริปฉันก็กลับบ้านมาเราก็คุยกันเรื่อยมา ....จนผ่านไปเกือบเดือน ความผิดปกติก็เกิดขี้นฉันรู้สึกเจ็บหน้าอก คัดเต้านม และประจำเดือนไม่มา แต่ตอนแรกฉันก็คิดว่าเกิดจากเรื่องผู้หญิงๆ ผ่านไป 2 สัปดาห์ประจำเดือนก็ยังไม่มา ก็เริ่มรู้สึกเครียดดมาก ฉันก็บอกเขาอยู่ตลอดว่าประจำเดือนนี้ยังไม่มาเลย หรืออาจเป็นเพราะเครียดเกินไป จนฉันไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ฉันท้อง! ตรวจหลายครั้งมากจนแน่ใจว่าตัวเองท้องแน่นอน ฉันเลยบอกเขาฉันท้อง ความรู้สึกตอนนั้นคือฉันทั้งกังวลเนื่องจากที่บ้าน กัวแม่เสียใจ แต่ในใจก็ดีใจมาก เพราะอยากมีลูกนะ ในเมื่อเขามาเกิด ก็อยากเลี้ยง ฉันปรึกษาเขาว่าทำไงกับเรื่องนี้ดี เขาบอกฉันว่าเขาก็อยากมีลูกนะ แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อม เราต่างไม่พร้อม เขามีปัญหาเรื่องการเงิน ตอนนี้เขาต้องต้องปลดหนี้มากมาย เดวเอาไว้ตอนพร้อมเราค่อยมีกัน อยากให้ฉันยุติการตั้งครรภ์ ฉันก็ตกใจ ร้องไห้ ได้ยินในสิ่งที่คนรักพูด ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ ฉันไปหาเขาที่กรุงเทพและพาฉันไปทำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนไปฉันนอนไม่หลับเลย ทั้งกัว ทั้งสงสารลูก แต่จะทำยังไงฉันไม่มีทางเลือก ในเมื่อพ่อเขาไม่พร้อม ตัวฉันเองบอกเขาว่าขอเลี้ยงเอง เขาก็บอกว่าจะเลี้ยงได้ยังไงผู้หญิงคนเดว เชื่อเขาเถอะเดววันที่เราพร้อมเราค่อยมีใหม่กัน ฉันก็ตัดสินใจไปทำ กลับมาด้วยความทรมาน เจ็บปวดทั้งตัวและใจ อยู่ต่อมาเราก็คบกันมา ทะเลาะบ้าง มีปัญหาบ้างแต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน
เรารู้สึกได้ว่าเขาประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักเราก็พยายามช่วยบ้างเท่าที่จะช่วยได้ ให้ยืมก่อนบ้าง แต่เขาก็คืนนะ เราช่วยจ่ายค่าโทรสัพให้บ้าง ทำยังไงก็ได้ให้เขาเครียดน้อยลง เวลาเขาเครียดมักจะมรลงที่เราบ่อยๆ แม้เราจะไม่เข้าใจแต่เราก็ทนได้เพราะเรารักเขามาก เวลาเขาไม่สบายใจเราก็ไม่สบายใจไปด้วย อยากหาทางช่วย ทุกข์ร้อนไปด้วยมแม้ว่าจะมีความรู้สึกเหมือนว่าเขาเหมือนหมดรักเราแล้ว หรือไม่เคยรักเลยก็ไม่รู้
จนเวลาผ่านไปจนวันที่เขาต้องขึ้นเวทีประกวด ตัองมีการเตรียมตัวก็คุยกันน้อยลง เราก็เข้าใจว่าเขายุ่งกับการเตรียมตัว จนวันที่ประกวดเสร็จ เขาไปแชมป์ เราก็ดีใจมาก เตรียมของขวัญไว้กะเจอกันจะเอาไว้เซอร์ไพร์ แต่กลังจากนั้น เขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือยังน้อยไป หลังตีนเลยละกัน โทรไปก็บอกว่าเหนื่อยมาก อยากมีเวลาส่วนตัว บางครั้งก็อยากมีเวลาอยู่คนเดียวบ้าง เราไม่จำเป็นต้อฃคุยกันทุกวันก็ได้ ตอนนี้เขาอยากมีสมาธิในการทำงาน ไม่อยากมีอะไรมากวนใจ เดียวเขาจะทักมาเอง แต่เราจะอยู่กับความอึดอัดแบบนี้ได้หรอ คนที่รักกันเขาทำกันแบบนี้หรอ คิดได้หรอว่าคุยกันแล้วเราไปทำลายงานเขา หรือสมาธิเขาหรอ? ข้ออ้างควายๆแบบนี้มันเอามาพูดได้หรอ ทำไมไม่บอกตรงไปเลยว่าได้ดีแล้ว ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ไม่เคยทิ้งคนในวันที่คุณสำบาก แต่วันนี้พอคุณบรรลุเป้าหมายก็ถอยห่างออกไป โดยใช้ข้ออ้างที่ไร้ความเป็นลูกผู้ชายมาอ้าง.....ไม่คิดว่าผู้ชายวัยนี้ และสิ่งที่เราเข้าใจว่าเขาคงจะไม่เป็นแบบนี้แน่นอน วันนี้รู้แล้วว่า สุดท้าย......บทเรียนจากผู้ชายคนนี้มันมากกว่าเจ็บปวด.... สิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิตก็คงเป็นเรื่องลูก โทษตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะรักษาลูกไว้
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.......
ปัจจุบันดิฉันอายุ 28 ปี แฟนอายุ 40 ปี ฉันเจอผู้ชายคนนี้ในโลกออนไลน์ จากการที่ฉันไปกดไลด์รูปเขาแล้วเค้าก็ทักฉันกลับมาจากนั้นเราก็คุยกันมา เหมือนโลกมันแคบเราเป็นคนใต้เหมือนกันและยังเป็นคนจังหวัดเดียวกันอีกด้วย เราคุยกันมาเรื่อยๆจนมาถึงวันที่เรานัดเจอกัน สถานที่แรกที่เราเจอกัน มันเป็นจังหวัดบ้านเกิดของเราเอง เขาลงมาหาฉันจากกรุงเทพ และเราก็ไปนัดเจอกัน โดยมีคู่รักเพื่อนเขาด้วย ครั้งแรกที่เจอกัน สิ่งที่ฉันรับรู้คือเขามีอาชีพเป็นเทรนเนอร์ และมีความฝัน และกำลังทำความฝันที่จะประสบความสำเร็จในการประกวดเวทีๆหนึ่ง
เจอกันครั้งแรกเขาก็ดูปกติไม่ได้ผิดแปลกอะไรมากมาย นอกจากบางครั้งจะดูแบบเป็นคนเหมือนหงุดหงิดง่ายนิดหน่อย ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากคิดว่าคงเหนื่อยจากการเดินทาง อ่อลืมเล่าให้ฟัง ก่อนที่จะเจอกันเราคุยกันทุกวัน โดยที่เขาเข้ามาคุยกับฉันก่อน โทรไลน์มาหาทุกวัน คุยเป็นเวลานาน คุยบ่อยๆ ก่อนที่จะไปออกกำลังกาย กินข้าวคุยได้ ทำอะไรที่คุยได้ก็คุย จนฉันก็รู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย วกกลับมาตอนเราเจอกันครั้งแรกไปเที่ยวกัน เราไปเที่ยวกัน 2 คู่ ก็ดูน่ารักดี หลังจากกลับเขาก็กลับไปกรุงเทพ ฉันก็กลับบ้าน เราก็คุยกันมาได้อีกสักระยะนึงเค้าก็ยังคงเหมือนเดิม โทรมา ไม่ได้หายไปไหน แต่พักหลังๆพอคบดันมาสักระยะนึงฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หงุดหงิดง่ายมาก บางครั้งฉันพูดอะไรผิด หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตะคอก ใช้น้ำเสียง คำพูดไม่ดีใส่ ฉันก็โกรธ ก็งอลเขาบ่อยด้วยนิสัยแบบนี้ โดยเขาให้เหตุผลว่าฉันขี้บ่น พูดมาก ชอบเถียง เหมือนมาถึงจุดๆนี้ฉันก็เริ่มเห็นได้ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขา เราทะเลาะกันบ่อยขึ้นๆ จนหนักถึงขั้น เขาให้คำพูดกู เมิงกับเรา ครั้งแรกที่ได้ยินมันเจ็บมาก เหมือนแบบเรื่องที่ทะเลาะกันมันก็แค่เรื่องที่ไร้สาระ แค่พูดไม่ถูกใจ เราไปพูด ไปหวานด้วยประสาแฟนก็ไม่ได้ กลายเป็นหงุดหงิดรำคานใส่ เวลาเราบอกรัก บอกคิดถึงก็ตอบแต่ว่า อืม... เออ เขาบอกว่าเค้าเป็นผู้ชายแบบนี้ไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไร
ครั้งต่อมาเจอกันที่กรุงเทพ โดยฉันบินไปหาเค้า โดยเราไปเที่ยว พักผ่อนทีนครนายกด้วยกัน เราก็มีทั้งความสุขด้วยกัน และก็ทะเลาะกันบ้างตามปกติ จนจบทริปฉันก็กลับบ้านมาเราก็คุยกันเรื่อยมา ....จนผ่านไปเกือบเดือน ความผิดปกติก็เกิดขี้นฉันรู้สึกเจ็บหน้าอก คัดเต้านม และประจำเดือนไม่มา แต่ตอนแรกฉันก็คิดว่าเกิดจากเรื่องผู้หญิงๆ ผ่านไป 2 สัปดาห์ประจำเดือนก็ยังไม่มา ก็เริ่มรู้สึกเครียดดมาก ฉันก็บอกเขาอยู่ตลอดว่าประจำเดือนนี้ยังไม่มาเลย หรืออาจเป็นเพราะเครียดเกินไป จนฉันไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ฉันท้อง! ตรวจหลายครั้งมากจนแน่ใจว่าตัวเองท้องแน่นอน ฉันเลยบอกเขาฉันท้อง ความรู้สึกตอนนั้นคือฉันทั้งกังวลเนื่องจากที่บ้าน กัวแม่เสียใจ แต่ในใจก็ดีใจมาก เพราะอยากมีลูกนะ ในเมื่อเขามาเกิด ก็อยากเลี้ยง ฉันปรึกษาเขาว่าทำไงกับเรื่องนี้ดี เขาบอกฉันว่าเขาก็อยากมีลูกนะ แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อม เราต่างไม่พร้อม เขามีปัญหาเรื่องการเงิน ตอนนี้เขาต้องต้องปลดหนี้มากมาย เดวเอาไว้ตอนพร้อมเราค่อยมีกัน อยากให้ฉันยุติการตั้งครรภ์ ฉันก็ตกใจ ร้องไห้ ได้ยินในสิ่งที่คนรักพูด ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ ฉันไปหาเขาที่กรุงเทพและพาฉันไปทำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนไปฉันนอนไม่หลับเลย ทั้งกัว ทั้งสงสารลูก แต่จะทำยังไงฉันไม่มีทางเลือก ในเมื่อพ่อเขาไม่พร้อม ตัวฉันเองบอกเขาว่าขอเลี้ยงเอง เขาก็บอกว่าจะเลี้ยงได้ยังไงผู้หญิงคนเดว เชื่อเขาเถอะเดววันที่เราพร้อมเราค่อยมีใหม่กัน ฉันก็ตัดสินใจไปทำ กลับมาด้วยความทรมาน เจ็บปวดทั้งตัวและใจ อยู่ต่อมาเราก็คบกันมา ทะเลาะบ้าง มีปัญหาบ้างแต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน
เรารู้สึกได้ว่าเขาประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักเราก็พยายามช่วยบ้างเท่าที่จะช่วยได้ ให้ยืมก่อนบ้าง แต่เขาก็คืนนะ เราช่วยจ่ายค่าโทรสัพให้บ้าง ทำยังไงก็ได้ให้เขาเครียดน้อยลง เวลาเขาเครียดมักจะมรลงที่เราบ่อยๆ แม้เราจะไม่เข้าใจแต่เราก็ทนได้เพราะเรารักเขามาก เวลาเขาไม่สบายใจเราก็ไม่สบายใจไปด้วย อยากหาทางช่วย ทุกข์ร้อนไปด้วยมแม้ว่าจะมีความรู้สึกเหมือนว่าเขาเหมือนหมดรักเราแล้ว หรือไม่เคยรักเลยก็ไม่รู้
จนเวลาผ่านไปจนวันที่เขาต้องขึ้นเวทีประกวด ตัองมีการเตรียมตัวก็คุยกันน้อยลง เราก็เข้าใจว่าเขายุ่งกับการเตรียมตัว จนวันที่ประกวดเสร็จ เขาไปแชมป์ เราก็ดีใจมาก เตรียมของขวัญไว้กะเจอกันจะเอาไว้เซอร์ไพร์ แต่กลังจากนั้น เขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือยังน้อยไป หลังตีนเลยละกัน โทรไปก็บอกว่าเหนื่อยมาก อยากมีเวลาส่วนตัว บางครั้งก็อยากมีเวลาอยู่คนเดียวบ้าง เราไม่จำเป็นต้อฃคุยกันทุกวันก็ได้ ตอนนี้เขาอยากมีสมาธิในการทำงาน ไม่อยากมีอะไรมากวนใจ เดียวเขาจะทักมาเอง แต่เราจะอยู่กับความอึดอัดแบบนี้ได้หรอ คนที่รักกันเขาทำกันแบบนี้หรอ คิดได้หรอว่าคุยกันแล้วเราไปทำลายงานเขา หรือสมาธิเขาหรอ? ข้ออ้างควายๆแบบนี้มันเอามาพูดได้หรอ ทำไมไม่บอกตรงไปเลยว่าได้ดีแล้ว ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ไม่เคยทิ้งคนในวันที่คุณสำบาก แต่วันนี้พอคุณบรรลุเป้าหมายก็ถอยห่างออกไป โดยใช้ข้ออ้างที่ไร้ความเป็นลูกผู้ชายมาอ้าง.....ไม่คิดว่าผู้ชายวัยนี้ และสิ่งที่เราเข้าใจว่าเขาคงจะไม่เป็นแบบนี้แน่นอน วันนี้รู้แล้วว่า สุดท้าย......บทเรียนจากผู้ชายคนนี้มันมากกว่าเจ็บปวด.... สิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิตก็คงเป็นเรื่องลูก โทษตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะรักษาลูกไว้