[CR] I C E L A N D - 2 Days & 3 Nights Roadtrip in Autumn : ดินแดนน้ำแข็ง แหล่งล่าแสงเหนือ เงินไม่เหลือก็จะไป



I C E L A N D

2 Days & 3 Nights

Roadtrip in Autumn (October 2018)


_____________________________________________________________


ไอซ์แลนด์ ดินแดนน้ำแข็ง ที่ไม่ได้มีแต่น้ำแข็งทั้งประเทศอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ
แต่เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศที่เรียกได้ว่า ‘แปรปรวน’ ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
เพราะด้วยภูมิประเทศที่อยู่กลางมหาสมุทร และอยู่ทางขั้วโลกเหนือ จึงทำให้ประเทศนี้เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวมากขึ้นในปัจจุบัน
เพราะความฝันที่จะได้เห็น ‘แสงเหนือ’ ด้วยตาของตัวเอง
แต่หลายคนก็ยังไม่กล้าที่จะไป เพราะคิดว่าไกลขนาดนี้แถมไปยาก ต้องใช้เงินเป็นแสนแน่ๆ
จะบอกว่า ล้มความคิดแบบนี้ได้เลยค่ะ


Q & A
➖ไปยากมั้ย>> ไม่ยาก แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง
➖บินนานมั้ย>> นั่งๆนอนๆบนเครื่องบิน ดูหนังจบไป 4 เรื่องแล้วก็ยังไม่ถึง
➖ใช้เงินเป็นแสนมั้ย>> ถ้าไปทัวร์ก็อาจจะถึง ควรไปเองค่ะ! ควรไปกับเพื่อนเป็นกลุ่ม 3-6 คน
                                  ยิ่งคนหารมากยิ่งเซฟค่าใช้จ่าย แต่ไม่ควรเกิน 6 เพราะอะไร เดี๋ยวว่ากัน
➖ควรไปฤดูไหน>> ไอซ์แลนด์มี 4 ฤดู แต่ละฤดูที่ไปก็มีจะสัมพันธ์กับเวลาที่จะได้เที่ยวเหมือนกัน

Spring (April-May) : กลางวันกับกลางคืนพอๆกัน
Summer (June-August) : กลางวันนาน/กลางคืนสั้น
Autumn (September-November) : กลางวันกับกลางคืนพอๆกัน
Winter (December-March) : กลางวันสั้นมาก/กลางคืนนาน
✅ เน้นล่าแสงเหนือ >> ควรไป winter
✅ เน้นเที่ยวนานๆ ถ่ายรูปสวยๆ >> ควรไป Summer
✅อยากถ่ายรูปสวยพร้อมล่าแสงเหนือ >> spring/autumn

➖ควรไปกี่วัน >> แล้วแต่งบและเวลาว่างของแต่ละคนเลยจ่ะ ยิ่งอยู่นานค่าใช้จ่ายก็เยอะตาม แต่อย่างน้อยควรไป 3 วัน
   3 วัน : south coast หรือ golden circle
   5 วัน : เที่ยวได้เกือบครึ่งเกาะ
   7 วัน : เที่ยวได้รอบเกาะ

⚠️ คำเตือน - ถ้าอากาศดีไม่มีพายุ ถนนไม่ปิด ก็สามารถเที่ยวได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
แต่ขอเตือนว่า อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงเสมอ จนมีประโยคฮิตว่า
“If you don’t like the weather, wait for 5 mins”
ซึ่งถ้ามีเวลาเกิน 10 วันก็จะสามารถยืดเวลาเก็บที่เที่ยวได้หากวันนั้นไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้


_______________________________________________________________________________________


P R E P A R I N G


➖ ขอเกริ่นก่อนละกัน >> เอาตั้งแต่ต้นเลยคือทริปนี้เราไม่ได้เป็นคนเริ่มเอง พอดีมีพี่ที่ทำงานด้วยกันเค้าอยากจะไปฮันนีมูนกะแฟน
แต่ถ้าเค้าไปกัน 2 คน มันก็จะแพงเนอะ เค้าเลยต้องมาหาพวกไปด้วย ทริปนี้ก็เลยมี กขค มาร่วมอีก 4 คน รวมเป็น 6 คน
ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่คิดจะไปหรอก (เพราะคิดว่าเสียดายเงินน่ะแหละ) แต่พอทุกคนจองตั๋วกันหมดแล้ว 5 คน เราเลยลองเข้าไปดูราคาตั๋ว
ถ้าราคามันยังไม่ขึ้นมาก เราก็จะไป พอเข้าไปดูแล้วแบบ เห้ยยย ราคามันยังพอๆกับที่พี่ๆเค้าจอง เราก็เลยกดจองตอนนั้นเลย
ใช้เวลาตัดสินใจเพียงนาทีเดียวเท่านั้น บัตรของท่านก็โดนตัดไปในทันใด ร้องไห้

The journey is beginning ….


โดยการเลือก flight เป็นไปตามที่พี่ๆเค้าจองกันตั้งแต่แรก บิน 3 ตุ้บไปเลยจ่ะ เปลี่ยนเครื่อง 2 ที่ 🤮
สายการบินที่เลือกก็ตามนี้เลย

Qatar Airways
30 kg + 7 kg carry on = 22,910 thb
>> BKK-DOH : 7.30 hr (เปลี่ยนเครื่องที่ Doha)
>> DOH-AMS : 6.55 hr (ลง Amsterdam)

Wow Air
20 kg NO CARRY ON = 9,500 thb
(เป็นสายการบิน low cost ที่เข้มงวดเรื่องกระเป๋าและน้ำหนักมาก ตั๋วถูกแต่กระเป๋าต้องซื้อทุกอย่าง carry on ก็ยังต้องซื้อ)
>> AMS-KEF : 3 hr
⚠️ คำเตือน - ไปไอซ์แลนด์ไม่มีบินตรงนะจ๊ะ อย่างน้อยต้องต่อเครื่อง 1 ต่อที่ยุโรป (แต่เรา 2 ต่อก็นั่งยาวๆไป วันนึงเต็มๆ)


หนังพร้อม เพลงพร้อม อาหารพร้อม
หลับๆตื่นๆไปหลายรอบก็ยังไม่ถึงซักที



Qatar Airways ลำใหญ่ นั่งสบายมากกก


ในที่สุด 1 ตุ้บผ่านไป แวะต่อเครื่องที่ Doha ประมาณ 1 ชม.
ก็เริ่มบินตุ้บ 2 ไปลง Amsterdam ยาวๆไปเลยยยยย



ถึง Schiphol Airport แล้ว จัดการทำธุระอะไรต่างๆ ประมาณ 3 ชม.
ก็เตรียมบินต่อตุ้บสุดท้ายกับ Wow Air



Going to Iceland


บรรยากาศภายใน Wow Air
เครื่องบินลำเล็กๆ ที่นั่งแคบ ไม่มีอาหารหรือแม้แต่น้ำดื่ม
อยากทานก็รูดบัตรเครดิตกับแอร์บนเครื่องได้เลยจ้า




➖ เมื่อจองตั๋วเสร็จตามพรรคพวกแล้ว ที่นี้เราก็มาดูแพลนคร่าวๆที่พวกพี่เค้าทำไว้
ซึ่งมีแค่สถานที่เที่ยวที่อยากไปเท่านั้น ยังไม่ได้ทำไรเลย กรี๊สสสสสส!!!
พอมาดูช่วงเวลาที่จะได้เที่ยว มีเพียงแค่ 2 วัน 3 คืนเท่านั้น แต่ที่เที่ยวที่อยากไปมีเป็นสิบ!!!
เพราะฉะนั้น เวลาน้อยอย่างงี้ เราควรเที่ยวที่ๆเป็น hilight of Iceland เท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทาง south coast หรือทางใต้ของเกาะ ... มาค่ะ ถึงเวลาน้องแพลนให้ละค่ะ เริ่มจาก...

1. ดูช่วงเวลาที่ไป เป็นช่วงต้นเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วง Autumn ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี เวลากลางวัน/กลางคืนพอๆกัน

2. เปิดกูเกิ้ลสิจ๊ะ ข้อมูลมีมากมาย ดูที่เที่ยวที่นิยมในไอซ์แลนด์ แล้วนำมาปักหมุดใน google map ดู
ว่าแต่ละที่ที่เราอยากไปมันไกลกันขนาดไหน ใช้เวลาเดินทางนานมั้ย ก็เลยจดบันทึกไว้ตามนี้
   
Distance  
KEF airport - Reykjavik : 40 min
Reykjavik - Golden circle : 1.30 hr
Reykjavik - Kirkjufell : 2.30 hr
Reykjavik - Seljalandsfoss : 1.30 hr
Reykjavik - Skogafoss : 2 hr
Reykjavik - Jokulsarlon : 4.30 hr
Reykjavik - Black sand beach : 2 hr
Reykjavik - Selfoss : 1 hr
Selfoss - Golden circle : 1 hr
Golden circle - Blue lagoon : 1.15 hr
Blue lagoon - Kirkjufell : 3 hr

ซึ่งอยากไปทุกที่ที่ลิสต์ไว้  แต่ทีนี้เราก็ต้องมาเลือกให้เหมาะสมกับเวลาที่เรามีอยู่ และต้องเผื่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอีก

3. มาลำดับก่อนหลังที่ๆจะไป ตามเวลาที่มี final plan ที่ได้ไปจริง ที่ตัดนู่นนี่ที่ไม่ทันออกแล้ว จะกล่าวโดยสรุปทีหลังนะคะ

4. ได้ที่เที่ยวแล้ว ก็จองที่พักตามจุดที่เราไปอยู่ในแต่ละวัน ซึ่งหาได้ใน AirBnb หรือแอพไหนก็ได้ตามสะดวกเลย
ที่พักก็มีหลายแบบ ก็เลือกให้เหมาะตามจำนวนคนร่วมทริปกับราคาที่สู้ไหวละกันจ้า
เราก็ได้ที่พักสำหรับ 2 คืนมาตามนี้

5 Oct - Guesthouse Gardur : 4932.77 thb
6 Oct - Guesthouse vatnsholt - 3874.39 thb
หาร 6 คนแล้ว ตกคนละ = 1,468 thb
ส่วนคืนที่ 7 Oct เราไม่ได้จองที่พัก เพราะว่าเราต้องคืนรถตอนตี 3 ของวันที่ 8 ก็เลยแพลนว่าจะออกล่าแสงเหนือทั้งคืน
⚠️ คำเตือน - ควรจองที่พักล่วงหน้า 2-3 เดือน

ที่พักคืนแรก : Guesthouse Gardur


5. จะไปเที่ยวแต่ละที่ในไอซ์แลนด์ ถ้าเราไปเองจริงๆก็จะมีทัวร์ของที่นั่นพาเที่ยวตามจุดต่างๆได้
แต่!!!! มาทั้งทีเราควรจะ road trip กันมั้ย เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศข้างทาง และอยากแวะลงถ่ายรูปตรงไหนก็ตามใจฉันเลย
"มาเช่ารถกันเถอะ" โดยการเช่ารถในไอซ์แลนด์ มี 2 แบบด้วยกัน คือรถบ้านกะรถขับทั่วไป
ก่อนอื่นต้องคุยกันในสมาชิกก่อนเด้อ ว่าสะดวกแบบไหน

>> ถ้าเช่ารถบ้าน ข้อดีคือนอนไหนก็ได้ในที่ๆอนุญาตให้จอด ทำอาหารและใช้ชีวิตบนรถเลย
และสามารถล่าแสงเหนือได้ทุกที่ตามใจอยาก / ข้อเสียคือค่าเช่าแพงมาก และอาจไม่สะดวกในการเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ และทำธุระส่วนตัว
>> ถ้าเช่ารถทั่วไป ก็มีแบบ 2wd และ 4wd โดย 4wd ก็จะแพงกว่านิดหน่อย
แต่ด้วยสภาพถนน สภาพอากาศและพื้นที่ที่จะเข้าไปเที่ยวแล้ว ควรเช่า 4wd นะ ข้อดีคือราคาถูกกว่ารถบ้าน
(แต่ไม่ควรไปเกิน 6 คน เพราะถ้าเกิน 6 จะต้องเช่ารถที่เป็นพวก van เลย ราคาก็จะอีกเท่าตัว)
จริงๆ 3-5 คนกำลังดี เพราะต้องเผื่อพื้นที่ใส่กระเป๋าเดินทางในรถด้วย ถ้าเกิดว่าต้องย้ายที่นอนกันทุกคืน

บริษัทที่เช่ารถในไอซ์แลนด์ก็มีเป็นสิบๆเจ้า หารีวิวกันตาเหลือก เพราะประสบการณ์แต่ละคนที่ได้อ่านรีวิวมา
เจอทั้งดีและไม่ดี บางคนเช่าถูกแต่ประกันอะไรไม่ครอบคลุมเลย ก็จะยิ่งบานปลาย
โดยรถที่เราเช่า เป็น nissan x-trail 4wd ของบริษัท blue car rental และซื้อประกันเพิ่มทุกอย่างแบบ premium insurance
เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาหลังจากคืนรถ (ควรซื้อประกันให้ครอบคลุม เนื่องจากสภาพถนนและอากาศแปรปรวนมาก
เศษดิน หิน ทราย ลม น้ำ และหิมะต่างๆพร้อมปะทะรถตลอดเวลา แค่มีรอยเพิ่มมานิดหน่อยก็โดนหลายพันหลายหมื่นเลยเด้อ)
และซื้อ wifi กับ extra driver 3 คน ให้หนุ่มๆเปลี่ยนมือกันขับรถ
ค่าเช่ารถ (5 Oct 9PM-8 Oct 3PM) = 16,720.11 thb หาร 6 คน ตกคนละ = 2,780 thb

6. ประกันเดินทาง ที่ใครๆก็คิดว่าไม่จำเป็น บอกเลยว่า ถ้าไม่ซื้อก็ขอวีซ่าไม่ได้นะจ๊ะ อดไปไอซ์แลนด์แน่นอน
โดยการซื้อประกันจะต้องครอบคลุมวันที่เดินทางตั้งแต่ไปจนกลับ และค่าใช้จ่ายต้องมียอดครอบคลุม 1.5 ล้านบาทอย่างต่ำ
>> เราซื้อของ Axa แผนประกันภัยแบบ traveller - Gold ซึ่งค่าเบี้ยประกันราคา = 704 thb

7.Visa - เราขอวีซ่าเชงเก้นผ่านประเทศเดนมาร์ก เพราะว่าในไทยไม่มีสถานฑูตไอซ์แลนด์
โดยยื่นผ่าน VFS ซึ่งการเตรียมเอกสารทำวีซ่าและขั้นตอนการทำขอไม่กล่าวละเอียดในนี้แล้วกันนะ หาอ่านในเว็บได้มากมาย
เอกสารสำคัญทางราชการต่างๆ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย **จะต้องมีเอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน / รถ / ที่พัก / ประกันเดินทาง /
Plan trip ระบุสถานที่ไปและเวลาอย่างละเอียด / Statement เกิน 5 หมื่น**
แปลว่า คุณจะต้องซื้อทุกอย่างและทำแพลนให้เรียบร้อยแล้วก่อนขอวีซ่า ไม่งั้นไม่ผ่านน้า
และควรขอล่วงหน้าก่อนไปประมาณ 2 เดือน เผื่อเอกสารไม่ผ่าน ต้องส่งแก้ไขก็ยังจะทันอยู่
ถ้า approve แล้ว จะได้ passport คืนพร้อมวีซ่าที่แปะอยู่ในเล่ม ไม่เกิน 7 วัน
ค่าดำเนินการขอวีซ่า = 3,400 thb
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่