เสธ.แมว ชี้ เกมทุบพรรคทหาร ชู พท.ทัพหลวง ควบรวมซีกปชต.ทะลุ 280 เสียงแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1191022
“พธ.-พ.พ.ช.” แค่ถังดับเพลิง – เสธ.แมว ชี้ เกมทุบพรรคทหาร ชู พท.ทัพหลวง ควบรวมซีกปชต.ทะลุ 280 เสียงแน่ เชื่อ “ภท.-ชทพ.” พร้อมทิ้งพปชร.ร่วมตั้งรบ.
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พล.ท.
ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กระแสการตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า ยังคงเป็นกระแสข่าวไม่เป็นทางการ เบื้องต้นยุทธศาสตร์ยังคงมุ่งเน้นโดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนกลางของพรรคในซีกประชาธิปไตย ตรงกันข้ามกับพรรคทหาร ที่คาดกันว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนพรรคเพื่อธรรม(พธ.) และพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นั้น เกิดจากหลักคิดเพื่อใช้ตอบโจทย์บัตรใบเดียว ที่คาดว่าทุก 70,000 เสียง เท่ากับส.ส. 1 คน สำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีดีเด่นดังของพรรคเพื่อไทย ในการต่อต้าน[เผล่ะจัง] การนำเสนอเพื่อไทย เพื่อธรรม และเพื่อชาติ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพื่อการสร้างการรับรู้ให้ความเข้าตรงกันว่า พรรคเหล่านี้ คือ แนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย
“สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ พรรคเพื่อไทย จะยังคงเป็นหลัก ส่วนพรรคเพื่อธรรมจะเปรียบเสมือน ถังดับเพลิงสีแดง เผื่อเกิดวิกฤตฉุกเฉินอุบัติเหตุทางการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทยถูกยุบ ซึ่งตามทิศทางข่าวตอนนี้ ก็จะพบว่าเริ่มมีกระแสการดำเนินคดีกับอดีตส.ส.เพิ่มเติมแล้ว ด้านพรรคเพื่อชาตินั้น เกิดจากปฏิสัมพันธ์จากแนวร่วมการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.เป็นสำคัญ บทสรุป ณ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นทัพหลวง อีกมุมหนึ่งคือ การจะใช้เทคนิคให้อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ไปพรรคเพื่อธรรมนั้น จะต้องรอผลการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขตให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะทำการเอ็กเรย์รายเขตทั้ง 350 เขตโดยละเอียด ว่า มีโอกาสชนะแบบแบ่งเขตแล้วเท่าไร” พล.ท.
ภราดรกล่าว
พล.ท.
ภราดร กล่าวอีกว่า ในทางคณิตศาตร์การเมืองของการเลือกตั้งแบบนี้ มากที่สุดที่พรรคการเมืองพึงได้คือ 250 ส.ส. ต้องยอมรับว่า ในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปได้ยาก แต่ในทางทฤษฎีก็ยังเห็นความเป็นไปได้อยู่ โดยไม่จำเป็นต้องได้คะแนนเสียงถึงกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ เพื่อมากำหนดจำนวนที่ส.ส.พึงมี เช่น มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 30 ล้านคน การจะได้สัดส่วนส.ส.ที่พรรคหนึ่งพึงมี ต้องได้เสียงรวมกันทั้งประเทศที่ 15 ล้านเสียง แต่หากพรคคเพื่อไทย มุ่งเน้นไปยังส.ส.เขตเป็นหลัก โดยวางเป้าหมายไปที่ 250 เขต จากทั้งหมด 350 เขต ประเมินว่าเสียงที่ชนะแบบเขตอยู่ที่ 50,000 คะแนนนั้น ก็จะพบว่า การจะได้กึ่งหนึ่งหรือ 250 เสียงของส.ส.นั้น เพียง 12.5 ล้านเสียง ก็จะเห็นว่านี่คือความเป็นไปได้ ซึ่งต้องรอเอกซเรย์รายเขตอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเมื่อกกต.แบ่งเขต 350 แห่ง เสร็จเรียบร้อย
“หากพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึง 250 เสียง แต่ยังอยู่ในหลักสองร้อยต้นๆ ซัก 210-220 เสียง เมื่อผนวกรวมกับพรรคการเมืองที่จุดยืนทางประชาธิปไตยชัดเจน อย่างพรรคประชาชาติและพรรคอนาคตใหม่ ให้ถึงราว 280 เสียง ก็เชื่อว่าเพียงพอจะทำให้พรรคขนาดกลางอย่าง พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) และพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล มาเข้าร่วมกับซีกประชาธิปไตยได้อย่างแน่นอน เพราะทั้งชทพ.และภท.เอง ทุกคนต่างก็รู้ว่ามีจุดยืนในการฟังเสียงประชาชน เมื่อซีกประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมมีส.ส.ยืนพื้นได้หลัก 280 เสียง ก็เชื่อว่าพรรคกลางจะฟังเสียงประชาชน กลายเป็นกระแสกดดัน 250 ส.ว.ที่คสช.แต่งตั้ง ไม่กล้าดึงดันเลือกคนจากพรรคทหารมาเป็นนายกฯแน่นอน เพราะถ้าตั้งรัฐบาลโดยมีเพียง 126 เสียงส.ส.นั้น ไปไม่รอดแน่นอน” อดีตเลขาสมช.กล่าว
“สามารถ” บี้อีก ให้ 4 รมต.ลาออก ท้ามาสู้กันแฟร์ๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1190789
“สามารถ” บี้อีก ให้ 4 รมต.ลาออก สู้กันแฟร์ๆ บอก ประชุมครม.สัญจร คงไม่อยู่รอต้อนรับ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นาย
สามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ ครม.เตรียมไปสัญจรที่ จังหวัดพะเยาและเชียงรายวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ว่า คงไม่ได้อยู่รอต้อนรับ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ครม.เพราะอดีต ส.ส.ต้องเดินทางมาประชุมใหญ่ของพรรคพท.เพื่อคัดเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีบรรดาข้าราชการในพื้นที่คอยเกณฑ์ราษฎรมารอต้อนรับ ครม.พล.อ.ประยุทธ์เยอะแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสี่รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยนั้น วันนี้ท่านยังคงเป็นรัฐมนตรีอยู่ แม้จะอ้างว่าหาเสียงได้เฉพาะวันหยุด ใช้สถานะความเป็นคนของพรรค พปชร.เฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แต่ท่านก็มีฐานะเป็นรัฐมนตรี กินเงินเดือนที่เป็นภาษีราษฎร ไม่ได้จ้างพวกท่านเป็นรัฐมนตรีรายวัน ดังนั้นการไปลงพื้นที่ ครม.สัญจรแบบนั้น จะเป็นการสวมหมวกหลายใบหรือไม่ ดังนั้นขอความกรุณาให้พวกท่านลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้แล้ว สู้กันแบบแฟร์ๆ พวกท่านจะได้ไม่ต้องบ่นว่าเสียเปรียบเพราะจะได้มีเวลาหาเสียงได้ทุกวัน
“พวกท่านลองไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี จะได้รู้ว่าเวลาลงพื้นที่หาเสียง จะมีข้าราชการคอยยกเก้าอี้ ยกโซฟาให้อยู่หรือไม่ ที่พวกท่านพูดว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการเมืองนั้น บ้าไปแล้ว พูดอะไรออกมา ดังนั้นเมื่อเลือกจะเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง คิดจะขอคะแนนจากประชาชน ก็ควรจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเสีย แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องมากกว่า” นาย
สามารถ กล่าว
'ปิยบุตร' ลุยบุรีรัมย์รับสมัครสมาชิก เฟ้นหากก.ประจำจังหวัด ย้ำเน้นคนที่ความเห็นตรงกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1190765
‘ปิยบุตร’ ลุยบุรีรัมย์รับสมัครสมาชิกเฟ้นหาแนวร่วมความเห็นตรงกัน หวังป้องกันเงินดูดจากพรรคอื่น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหา และรับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า กิจกรรมคาราวานรับสมัครสมาชิกทั้ง 6 จังหวัด ซึ่งจะเปิดเป็นสาขาของพรรคในภูมิภาคทั่วประเทศ คือ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครศรีธรรมราช และนราธิวาส แม้จะจบไปแล้ว แต่การลงพื้นที่แนะนำพรรค รับฟังปัญหา รับสมัครสมาชิก ตลอดจนการชี้แจงแนวทางการสร้างพรรค โดยเฉพาะที่เราให้ความสำคัญมาก ซึ่งเชื่อว่าไม่มีพรรคไหนเคยทำ นั่นก็คือการมีกรรมการของแต่ละจังหวัด ที่จะทำงานคู่ขนานไปกับผู้ที่จะเป็นตัวแทนลงสมัคร ส.ส.ของแต่ละเขต โดยที่มาของกรรมการดังกล่าว จะมีที่มาจากการลงคะแนนไปเลือกของสมาชิกในจังหวัดนั้นๆ
“ที่ผมเคยพูดไปแล้วในหลายๆ ที่ว่า พรรคอนาคตใหม่ให้ความสำคัญกับสมาชิก เราจะไม่ทำพรรคที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่เป็นของสมาชิกทุกคน ที่จะมีสิทธิเลือกผู้ลงสมัคร ส.ส. มีสิทธิเลือกกรรมการจังหวัด เช่น จ.บุรีรัมย์ จะมีหัวหน้าจังหวัด 1 คน ทีมงานของหัวหน้า ได้แก่ รองหัวหน้า 1 คน, เลขาธิการ 1 คน, นายทะเบียน 1 คน, เหรัญญิก 1 คน ตัวแทนจากแต่ละเขต ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ มี 8 เขต ก็จะมี 8 คน นอกจากนี้จะมีกรรมการจากสัดส่วนเยาวชนคนรุ่นใหม่, ผู้หญิง, เพศทางเลือก กลุ่มอาชีพ หรือแม้แต่พี่น้องชาติพันธุ์ต่างๆ อีก 3 คน ทั้งหมดนี้จะเปิดรับสมัครจนถึงสิ้นเดือนนี้ และจะมีการเลือกตั้งภายในต่อไป” นาย
ปิยบุตรกล่าว
นาย
ปิยบุตรกล่าวอีกว่า เราต้องลงพื้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเวลาน้อยมาก ถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์จริงๆ เมื่อเราให้ความสำคัญกับสมาชิก กับการมีส่วนร่วมของทุกคน ก็ต้องหาสมาชิกให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ก็ยังยืนยันชัดเจนหนักแน่นว่า คนที่มาร่วมต้องเห็นเหมือนกัน เราจะไม่ไปเอาคะแนน เอา ส.ส. หรือสมาชิกผ่านการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยไม่มีแนวคิดตรงกัน เพราะถ้าทำอย่างนั้น
ทนายเมืองคอนชี้คนจนขาดโอกาสยุคข้าราชการเป็นใหญ่ ปมห้ามรถฉุกเฉินส่งบ้าน
https://www.matichon.co.th/region/news_1190806
กรณีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สั่งห้ามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำรถฉุกเฉินรับผู้ป่วยกลับบ้าน โดยให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ให้รถฉุกเฉินของ อปท.มีวัตถุประสงค์การใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นาย
ธนาชัย เกตุโรจน์ ทนายความประจำสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ไม่อยากให้ สถ.มีคำสั่งห้ามถึงขนาดต้องเป็นไปตามระเบียบการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องไม่ลืมว่าพี่น้องประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ขาดโอกาสที่จะได้รับการดูแลจากหมอที่มีความเชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทางอุปกรณ์การแพทย์อยู่แล้ว บางพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ไปมาไม่สะดวก ไม่มีรถโดยสาร เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วย แทนจะได้รับการดูแลจากรัฐซึ่งมีเพียงน้อยนิดอยู่แล้ว กลับยังต้องถูกเบียดบังสิทธิตรงนั้นจากคนของรัฐอีก นับเป็นเรื่องเศร้า
“ยุคนี้เป็นยุคข้าราชการเป็นใหญ่ เมื่อไรที่อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ประชาชนโดยเฉพาะคนจน ผู้ด้อยโอกาสต้องได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเสมอภาค คนไทยต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน และประเทศไทยต้องเท่าทันโลก”
JJNY : 4in1 เสธ.แมวชี้เกมทุบพรรค/บี้อีก4รมต.ลาออก/ปิยบุตรลุยบุรีรัมย์/ชี้คนจนขาดโอกาส/ดัชนีความเชื่อมั่นใต้ลด
https://www.matichon.co.th/politics/news_1191022
“พธ.-พ.พ.ช.” แค่ถังดับเพลิง – เสธ.แมว ชี้ เกมทุบพรรคทหาร ชู พท.ทัพหลวง ควบรวมซีกปชต.ทะลุ 280 เสียงแน่ เชื่อ “ภท.-ชทพ.” พร้อมทิ้งพปชร.ร่วมตั้งรบ.
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กระแสการตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า ยังคงเป็นกระแสข่าวไม่เป็นทางการ เบื้องต้นยุทธศาสตร์ยังคงมุ่งเน้นโดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนกลางของพรรคในซีกประชาธิปไตย ตรงกันข้ามกับพรรคทหาร ที่คาดกันว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนพรรคเพื่อธรรม(พธ.) และพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นั้น เกิดจากหลักคิดเพื่อใช้ตอบโจทย์บัตรใบเดียว ที่คาดว่าทุก 70,000 เสียง เท่ากับส.ส. 1 คน สำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีดีเด่นดังของพรรคเพื่อไทย ในการต่อต้าน[เผล่ะจัง] การนำเสนอเพื่อไทย เพื่อธรรม และเพื่อชาติ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพื่อการสร้างการรับรู้ให้ความเข้าตรงกันว่า พรรคเหล่านี้ คือ แนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย
“สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ พรรคเพื่อไทย จะยังคงเป็นหลัก ส่วนพรรคเพื่อธรรมจะเปรียบเสมือน ถังดับเพลิงสีแดง เผื่อเกิดวิกฤตฉุกเฉินอุบัติเหตุทางการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทยถูกยุบ ซึ่งตามทิศทางข่าวตอนนี้ ก็จะพบว่าเริ่มมีกระแสการดำเนินคดีกับอดีตส.ส.เพิ่มเติมแล้ว ด้านพรรคเพื่อชาตินั้น เกิดจากปฏิสัมพันธ์จากแนวร่วมการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.เป็นสำคัญ บทสรุป ณ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นทัพหลวง อีกมุมหนึ่งคือ การจะใช้เทคนิคให้อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ไปพรรคเพื่อธรรมนั้น จะต้องรอผลการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขตให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะทำการเอ็กเรย์รายเขตทั้ง 350 เขตโดยละเอียด ว่า มีโอกาสชนะแบบแบ่งเขตแล้วเท่าไร” พล.ท.ภราดรกล่าว
พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ในทางคณิตศาตร์การเมืองของการเลือกตั้งแบบนี้ มากที่สุดที่พรรคการเมืองพึงได้คือ 250 ส.ส. ต้องยอมรับว่า ในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปได้ยาก แต่ในทางทฤษฎีก็ยังเห็นความเป็นไปได้อยู่ โดยไม่จำเป็นต้องได้คะแนนเสียงถึงกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ เพื่อมากำหนดจำนวนที่ส.ส.พึงมี เช่น มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 30 ล้านคน การจะได้สัดส่วนส.ส.ที่พรรคหนึ่งพึงมี ต้องได้เสียงรวมกันทั้งประเทศที่ 15 ล้านเสียง แต่หากพรคคเพื่อไทย มุ่งเน้นไปยังส.ส.เขตเป็นหลัก โดยวางเป้าหมายไปที่ 250 เขต จากทั้งหมด 350 เขต ประเมินว่าเสียงที่ชนะแบบเขตอยู่ที่ 50,000 คะแนนนั้น ก็จะพบว่า การจะได้กึ่งหนึ่งหรือ 250 เสียงของส.ส.นั้น เพียง 12.5 ล้านเสียง ก็จะเห็นว่านี่คือความเป็นไปได้ ซึ่งต้องรอเอกซเรย์รายเขตอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเมื่อกกต.แบ่งเขต 350 แห่ง เสร็จเรียบร้อย
“หากพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึง 250 เสียง แต่ยังอยู่ในหลักสองร้อยต้นๆ ซัก 210-220 เสียง เมื่อผนวกรวมกับพรรคการเมืองที่จุดยืนทางประชาธิปไตยชัดเจน อย่างพรรคประชาชาติและพรรคอนาคตใหม่ ให้ถึงราว 280 เสียง ก็เชื่อว่าเพียงพอจะทำให้พรรคขนาดกลางอย่าง พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) และพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล มาเข้าร่วมกับซีกประชาธิปไตยได้อย่างแน่นอน เพราะทั้งชทพ.และภท.เอง ทุกคนต่างก็รู้ว่ามีจุดยืนในการฟังเสียงประชาชน เมื่อซีกประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมมีส.ส.ยืนพื้นได้หลัก 280 เสียง ก็เชื่อว่าพรรคกลางจะฟังเสียงประชาชน กลายเป็นกระแสกดดัน 250 ส.ว.ที่คสช.แต่งตั้ง ไม่กล้าดึงดันเลือกคนจากพรรคทหารมาเป็นนายกฯแน่นอน เพราะถ้าตั้งรัฐบาลโดยมีเพียง 126 เสียงส.ส.นั้น ไปไม่รอดแน่นอน” อดีตเลขาสมช.กล่าว
“สามารถ” บี้อีก ให้ 4 รมต.ลาออก ท้ามาสู้กันแฟร์ๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1190789
“สามารถ” บี้อีก ให้ 4 รมต.ลาออก สู้กันแฟร์ๆ บอก ประชุมครม.สัญจร คงไม่อยู่รอต้อนรับ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ ครม.เตรียมไปสัญจรที่ จังหวัดพะเยาและเชียงรายวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ว่า คงไม่ได้อยู่รอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ครม.เพราะอดีต ส.ส.ต้องเดินทางมาประชุมใหญ่ของพรรคพท.เพื่อคัดเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีบรรดาข้าราชการในพื้นที่คอยเกณฑ์ราษฎรมารอต้อนรับ ครม.พล.อ.ประยุทธ์เยอะแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสี่รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยนั้น วันนี้ท่านยังคงเป็นรัฐมนตรีอยู่ แม้จะอ้างว่าหาเสียงได้เฉพาะวันหยุด ใช้สถานะความเป็นคนของพรรค พปชร.เฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แต่ท่านก็มีฐานะเป็นรัฐมนตรี กินเงินเดือนที่เป็นภาษีราษฎร ไม่ได้จ้างพวกท่านเป็นรัฐมนตรีรายวัน ดังนั้นการไปลงพื้นที่ ครม.สัญจรแบบนั้น จะเป็นการสวมหมวกหลายใบหรือไม่ ดังนั้นขอความกรุณาให้พวกท่านลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้แล้ว สู้กันแบบแฟร์ๆ พวกท่านจะได้ไม่ต้องบ่นว่าเสียเปรียบเพราะจะได้มีเวลาหาเสียงได้ทุกวัน
“พวกท่านลองไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี จะได้รู้ว่าเวลาลงพื้นที่หาเสียง จะมีข้าราชการคอยยกเก้าอี้ ยกโซฟาให้อยู่หรือไม่ ที่พวกท่านพูดว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการเมืองนั้น บ้าไปแล้ว พูดอะไรออกมา ดังนั้นเมื่อเลือกจะเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง คิดจะขอคะแนนจากประชาชน ก็ควรจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเสีย แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องมากกว่า” นายสามารถ กล่าว
'ปิยบุตร' ลุยบุรีรัมย์รับสมัครสมาชิก เฟ้นหากก.ประจำจังหวัด ย้ำเน้นคนที่ความเห็นตรงกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1190765
‘ปิยบุตร’ ลุยบุรีรัมย์รับสมัครสมาชิกเฟ้นหาแนวร่วมความเห็นตรงกัน หวังป้องกันเงินดูดจากพรรคอื่น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหา และรับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า กิจกรรมคาราวานรับสมัครสมาชิกทั้ง 6 จังหวัด ซึ่งจะเปิดเป็นสาขาของพรรคในภูมิภาคทั่วประเทศ คือ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครศรีธรรมราช และนราธิวาส แม้จะจบไปแล้ว แต่การลงพื้นที่แนะนำพรรค รับฟังปัญหา รับสมัครสมาชิก ตลอดจนการชี้แจงแนวทางการสร้างพรรค โดยเฉพาะที่เราให้ความสำคัญมาก ซึ่งเชื่อว่าไม่มีพรรคไหนเคยทำ นั่นก็คือการมีกรรมการของแต่ละจังหวัด ที่จะทำงานคู่ขนานไปกับผู้ที่จะเป็นตัวแทนลงสมัคร ส.ส.ของแต่ละเขต โดยที่มาของกรรมการดังกล่าว จะมีที่มาจากการลงคะแนนไปเลือกของสมาชิกในจังหวัดนั้นๆ
“ที่ผมเคยพูดไปแล้วในหลายๆ ที่ว่า พรรคอนาคตใหม่ให้ความสำคัญกับสมาชิก เราจะไม่ทำพรรคที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่เป็นของสมาชิกทุกคน ที่จะมีสิทธิเลือกผู้ลงสมัคร ส.ส. มีสิทธิเลือกกรรมการจังหวัด เช่น จ.บุรีรัมย์ จะมีหัวหน้าจังหวัด 1 คน ทีมงานของหัวหน้า ได้แก่ รองหัวหน้า 1 คน, เลขาธิการ 1 คน, นายทะเบียน 1 คน, เหรัญญิก 1 คน ตัวแทนจากแต่ละเขต ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ มี 8 เขต ก็จะมี 8 คน นอกจากนี้จะมีกรรมการจากสัดส่วนเยาวชนคนรุ่นใหม่, ผู้หญิง, เพศทางเลือก กลุ่มอาชีพ หรือแม้แต่พี่น้องชาติพันธุ์ต่างๆ อีก 3 คน ทั้งหมดนี้จะเปิดรับสมัครจนถึงสิ้นเดือนนี้ และจะมีการเลือกตั้งภายในต่อไป” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า เราต้องลงพื้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเวลาน้อยมาก ถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์จริงๆ เมื่อเราให้ความสำคัญกับสมาชิก กับการมีส่วนร่วมของทุกคน ก็ต้องหาสมาชิกให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ก็ยังยืนยันชัดเจนหนักแน่นว่า คนที่มาร่วมต้องเห็นเหมือนกัน เราจะไม่ไปเอาคะแนน เอา ส.ส. หรือสมาชิกผ่านการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยไม่มีแนวคิดตรงกัน เพราะถ้าทำอย่างนั้น
ทนายเมืองคอนชี้คนจนขาดโอกาสยุคข้าราชการเป็นใหญ่ ปมห้ามรถฉุกเฉินส่งบ้าน
https://www.matichon.co.th/region/news_1190806
กรณีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สั่งห้ามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำรถฉุกเฉินรับผู้ป่วยกลับบ้าน โดยให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ให้รถฉุกเฉินของ อปท.มีวัตถุประสงค์การใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายธนาชัย เกตุโรจน์ ทนายความประจำสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ไม่อยากให้ สถ.มีคำสั่งห้ามถึงขนาดต้องเป็นไปตามระเบียบการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องไม่ลืมว่าพี่น้องประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ขาดโอกาสที่จะได้รับการดูแลจากหมอที่มีความเชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทางอุปกรณ์การแพทย์อยู่แล้ว บางพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ไปมาไม่สะดวก ไม่มีรถโดยสาร เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วย แทนจะได้รับการดูแลจากรัฐซึ่งมีเพียงน้อยนิดอยู่แล้ว กลับยังต้องถูกเบียดบังสิทธิตรงนั้นจากคนของรัฐอีก นับเป็นเรื่องเศร้า
“ยุคนี้เป็นยุคข้าราชการเป็นใหญ่ เมื่อไรที่อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ประชาชนโดยเฉพาะคนจน ผู้ด้อยโอกาสต้องได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเสมอภาค คนไทยต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน และประเทศไทยต้องเท่าทันโลก”