เมื่อการทำเงินจากการทำแอปขาย ไม่ง่ายอย่างที่คิด

กำลังจะครบ 1 ปีหลังจากที่ผมเริ่มศึกษาการเขียนแอปบน iOS ตอนที่ตัดสินใจเริ่มศึกษาเขียนแอป ความคิดนึงของผมก็คือจะเป็นช่องทางหารายได้เพิ่ม ค่า Account Developer ของ Apple  3 พันกว่าบาทต่อปี เฉลี่ยเดือนละประมาณ 300 บาท ผมก็คิดเล่น ๆ ว่า ขายได้เดือนละ 10 แอป ที่ 35 บาท ก็พอจ่ายค่า account  แล้ว คงพอไหว ส่วนเงินลงทุนซื้อ MacBook ก็ถือเป็นการซื้อคอมใช้ อย่าเพิ่งไปคิดมัน ตอนนั้นมันอยาก อะไรก็เหมือนจะฉุดไม่อยู่

แล้วก็ไปถอย  MacBook มา (ยังดีที่ใช้ iPhone อยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม) ตอนเริ่มแรกนั้นแรงฮึดยังเยอะ แล้วก็ยังสนุกกับความรู้ใหม่ ๆ อยู่ ก็ค่อนข้าง happy อดหลับอดนอนเขียนแอปแรกจนเสร็จ พอ App แรกได้ขึ้น App Store ตอนนั้นจำได้ว่าดีใจมาก มันตื่นเต้นที่ได้เห็น App ของตัวเอง ชื่อตัวเอง อยู่บน App Store แต่พอผ่านไปซักอาทิตย์นึง ความเครียดก็เริ่มตามมา เพราะไม่มีคนรู้จัก ก็ไม่มียอดดาวน์โหลด เรื่องจะเสียเงิน promote ก็กลัวจะได้ไม่คุ้มเสีย เลยคิดว่าอาศัย Pantip ดีกว่า แต่อยู่ดี ๆ จะให้เขียนแนะนำแอปแล้วก็จากไป มันก็ดูง่ายไป คนคงไม่สนใจ ผมเลยเขียนแชร์ประสบการร์การเริ่มเขียนแอป iOS แล้วก็พ่วงด้วยการแนะนำแอปแทน ก็มีคนสนใจพอสมควร และผมก็เชื่อว่าเป็นส่วนนึงที่ทำให้แอปผมมียอดดาวน์โหลดทุกวันนี้

แต่ถึงแอปจะมียอดดาวน์โหลด และเคยขึ้นอันดับ 1 ของ Paid App หมวด Finance ยอดดาวน์โหลดก็ไม่ได้มากอย่างที่หวัง ตอนนี้เฉลี่ยยอดดาวน์โหลดอยู่ที่ 2 ต่อวัน ในขณะที่ช่วงแรก ๆ อยู่ที่ 3 ผมขายแอปนี้ 35 บาท แต่ได้เงินเข้าบัญชี Apple จริงแค่ 20 กว่าบาท รายได้ต่อเดือนสรุปก็ไม่ถึง 2,000 บาท ไม่แค่นั้น ตอนโอนยอดเข้าบัญชีธนาคารเมืองไทย เงินหายไปไหนอีก 600 บาทไม่รู้ (เข้าใจว่าเป็นค่าธรรมเนียม)

App แรกผ่านไป มาถึง แอปที่สอง คราวนี้กะจะทำแอปขาย Ads เลยทำแอปที่รวบรวมข้อมูลเงินฝากโดยดึงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยมา คาดหวังว่าคนใช้แอปจะได้ไม่ต้องตระเวนหาว่าฝากเงินที่ไหนดี เปิดแอปนี้แอปเดียวจบ แต่แอปก็มาจบตรง Apple reject บอกว่าแอปมันเหมือนเวปทั่วไปเกิน (โอววววว)

หลังจากผิดหวังจากแอปที่สอง ก็มาถึงแอปที่สาม คิดอยู่นานว่าเขียนแอปเกี่ยวกับอะไรดี ไป ๆ มา ๆ ก็คิดว่า Line Sticker ขายดีแฮะ เลยคิดทำแอปสร้าง GIF ที่ใส่ข้อความเองได้ ไว้ส่งแทน sticker คราวนี้คิดทำเป็นภาษาอังกฤษ จะได้ขายได้ทั่วโลก หลังจากแอปตัวแรกเป็นภาษาไทย นั่งงมอยู่นานเหมือนกัน เพราะแอปประเภทนี้ต้องเน้นกราฟฟิก ไม่ได้เน้นการคำนวณ เจอปัญหาอยู่พอสมควร แต่ก็พยามจนแอปเสร็จจนได้
พอแอปตัวที่สองขึ้น App Store ผมดูยอดดาวโหลดทุกเช้า แปลกใจที่อยู่ดี ๆ ก็มียอดดาวโหลดจาก US ด้วย แม้จะน้อย แต่ก็เยอะกว่าเมืองไทยซึ่งแทบจะไม่มีเลย ผ่านไปพักนึงผมก็เปลี่ยนจากปล่อยฟรี เป็นขาย 35 บาท ในใจก็คิดว่า 1 USD คงมีคนโหลดแหละ ที่ไหนได้ ยอดดาวโหลดหายเงียบ เงียบจนสุดท้ายผมตัดใจปล่อยฟรีไปเรื่อย ๆ แค่คิดว่าดีกว่าปล่อยให้มันเป็นแอปประดับ App Store เฉย ๆ

หลังจากนั้นก็คิด ๆๆ ว่าเอาไงดี ทำแอปอะไรดี แต่ก็คิดว่าเป็นคนไทย เน้น App Store เมืองไทยก่อนละกัน เลยตดสินใจทำแอปแต่งรูปดีกว่า เพราะ Top Paid ของ App Store เมืองไทย กว่าครึ่งเป็นแอปแต่งรูป คิดได้ดังนั้นก็เริ่มศึกษาข้อมูล ด้วยความที่เคยบ้ากล้อง ก็เลยพอรู้เรื่องแต่งรูป คิดเอาเองว่าน่าจะทำได้ แต่โจทย์คราวนี้คือจะไปสู้กับแอปแต่งรูปอันอื่นยังไง

ผมเลยกลับมาทำการบ้าน พบว่าแอปอันดับ แรก ๆ ของเมืองไทย ไม่ใช่แอปแต่งรูปที่ซับซ้อน จะแน้น filter สำเร็จมากกว่า ประมาณว่าคลิกแล้วใช้ได้เลย ผมเลยคิดว่าแอปนี้ต้องมี filter สำเร็จให้ใช้เยอะหน่อย แล้วพอมาคิดถึงตัวผมเอง ซึ่งส่วนใหญ่แต่งรูปผมใช้ Photoshop Express และส่วนใหญ่ก็ใช้ filter แหละ แต่ก็มีปรับแต่งเพิ่มบ้าง และส่วนใหญ่ก็เป็น step เดิม ๆ เลยคิอว่าคงดีถ้าสามารถ save step พวกนั้นไว้เป็น filter สำเร็จของเราเอง พูดไปก็คล้าย preset ของ Lightroom แต่ผมก็พยายามจะทำให้มันง่ายขึ้น และอยากให้ filter ที่สร้างขึ้น สามารถแชร์ให้คนอื่นได้ด้วย

พอมีไอเดียก็เริ่มทำให้เป็นรูปเป็นร่าง พอเริ่มทำก็รู้เลยว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแอปแต่งรูปมีปัจจัยเยอะ และยังเป็นแอปที่ใช้ memory เยอะด้วย ช่วงแรกที่ทำแค่แต่งรูป 2 step แอปก็ crash แล้ว เพราะใช้ memory เกิน ก็ต้องมาศึกษาการจัดการ memory อีก เรื่อง crop กับ rotate ที่มองเผิน ๆ ไม่น่ายาก ตอนแรกคิดจะใช้ library ที่มีตาม internet แต่ก็หาที่ถูกใจไม่ได้ เลยตัดสินใจเขียนเอง ผมก็ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ในส่วนนี้ ถึงจะทำเฉพาะเวลาว่างแต่ก็ถือว่ากินเวลาพอสมควรสำหรับส่วนนี้ ยังดีที่มีการคำนวณมาเกี่ยวข้องเยอะอยู่ เลยรู้สึกมันท้าทายดี และเป็นอะไรที่เราชอบ

ผ่านไป 2 เดือน ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าเริ่มท้อ เพราะไม่เสร็จเสียที เริ่มคิดว่าทำเสร็จแล้วจะมีคนโหลดมั้ย เริ่มคิดว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย ช่วงนั้นมีหลายอย่างอยู่ในหัว ยิ่งดูแอปอื่นก็ยิ่งกลัวว่าตรงนี้เราจะสู้เค้าได้มั้ย ความคิดของเรามันถูกต้องหรือยัง แต่ในเมื่อมันเริ่มมาแล้ว ก็ได้แต่กล่อมตัวเองว่าต้องทำให้เสร็จ หยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อย่างน้อยการแก้ปัญหาก็ช่วยให้เราเก่งขึ้นในแง่ของ developer
ประมาณ 3 เดือน แอปก็เสร็จในระดับที่น่าพอใจ ลองคิดค่าแรงตัวเองเล่น ๆ ว่าควรจะสร้างรายได้จากแอปตัวนี้เท่าไหร่ คิดแล้วก็อดกลุ้มใจไม่ได้ แต่มองย้อนกลับไปก็พบว่า เรามาไกลมากทีเดียวจากวันที่เริ่มเขียนแอปตัวแรก เรารู้แล้วว่าแอปตัวแรกเราผิดพลาดไปเยอะขนาดไหน รู้ว่าจะพัฒนาแอปมันไม่ใช่แค่ให้แอปใช้ได้ แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดี อย่างน้อยเราก็ได้พัฒนาตัวเอง

คิดปลอบใจตัวเองเสร็จก็ทำกดส่งให้ Apple ถึงจะเป็นแอปตัวที่ 3 แล้ว (จริง ๆ ตัวที่ 4 แต่ถูก reject มา 1 แอป) แต่ก็อดลุ้นไม่ได้ วันที่เห็นแอปตัวเองบน App Store ก็ยังคงมีความตื่นเต้นเล็ก ๆ อยู่

สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือการจะหาเงินจากการเขียนแอปมือถือขายไม่ใช่เรื่องง่าย (หรือผมอาจจะไม่เก่งเองก็ได้) จริง ๆ โลกนี้คงไม่มีอะไรที่หาเงินมาง่าย ๆ ทั้งนั้น เบื้องหลังความสำเร็จของใครก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่ามันต้องผ่านอะไรแย่ ๆ มามากมายเหมือนกัน แต่ถ้าเราพยามต่อไป ซักวันมันคงจะเป็นวันของเรา (มั้ง)

สุดท้ายก็อยากจะฝากแอปตัวล่าสุดนี้ไว้ด้วยครับ ช่วงนี้ปล่อยให้โหลดฟรีครับ ใช้แล้วเป็นไงยังบอกกันบ้างก็ดีนะครับ


https://itunes.apple.com/app/id1438714810?fbclid=IwAR0ZRn9BKaY4PuC5YmBUNDaiwjmVgLibMizj5Ybr0Qb8kB8qYvDBa9w6MrI

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่