รบกวนขอคำปรึกษาคะ
เริ่มตั้งแต่ตอนแรกเลยนะคะ เจ้าของกระทู้ได้ไปค้ำประกันรถให้กับเพื่อนคนนึงค่ะ (รถที่ซื้อเป็นรถตู้) ต่อมาเจ้าของกระทู้ได้รับหมายศาลเนื่องจากรถคันนี้ค้างจ่ายค่างวดเป็นเวลานาน (ที่จขกท. ไม่ได้รับเอกสารทวงหนี้เพราะทางธนาคารส่งจดหมายทวงหนี้ไปอีกที่อยู่นึงซึ่งเราไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว) จขกท. ก็ไปไกล่เกลี่ยกันที่ศาลโดยมีเพื่อนคนที่เป็นจเจ้าของรถไปด้วย ก็ตกลงกันคือจะส่งคืนรถให้ธนาคาร (โดยมีการแจ้งไปยังทนายความของโจทย์ว่าจากนี้ไปเอกสารต่างๆ ให้จัดส่งไปตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งทางทนายความก็เป็นคนยืนยันเองว่าต่อไปเอกสารจะถูกส่งไปตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน)
ทางจขกท. ก็รอเอกสารแจ้งการประมูลรถ แต่ก็ไม่ได้รับเอกสารอะไรเลย จนมาล่าสุดประมาณเดือน มิย. ที่ผ่านมา คือ ได้รับเป็นจดหมายจากฝ่ายกฎหมายของทางธนาคารแจ้งให้เข้าไปไกล่เกลี่ยเงินค่าส่วนต่างของรถที่นำไปขายทอดตลาด ยอดส่วนต่าง 6 แสนกว่าบาท เราจึงได้ติดต่อไปยังเบอร์ทนายความที่ระบุอยู่ในจดหมาย ทางทนายความก็ให้ติดต่อไปที่อีกแผนกนึง ตลอด 3-4 เดือนที่ฝ่านมานี้ ทางจขกท. พยายามโทรเข้าไปติดต่อกับจนท. ของธนคารท่านนี้มาโดยตลอด เพื่อขอไกล่เกลี่ยชำระเป็นเงินสดสักจำนวนนึงเพื่อให้เรื่องนี้จบๆไป แต่เหมือนได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด เหตุผลที่ได้เช่น ยังไม่ทราบเรื่อง เรื่องยังมาไม่ถึงเลย ต้องขอไปปรึกษากับหัวหน้าก่อนแล้วจะติดต่อกลับมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ทางเราลองคิดคำนวนค่ารถคันนี้ที่จ่ายไปทั้งหมดได้ดังนี้นะคะ
- ค่างวดที่ได้จ่ายไปแล้ว ประมาณ 9 แสนกว่า
- ค่ารถที่ได้จากที่การขายทอดตลาด 3 แสนกว่า
- ค่าอื่นๆที่เคยจ่ายไปให้ธนาคาร ประมาณ 180000
รวมๆ แล้วประมาณ 1 ล้าน 4 แสนกว่าบาทแล้วที่ทางธนาคารได้ไป (เงินต้นค่ารถประมาณ 1 ล้าน 4 แสน) เงินจำนวน 6 แสนกว่าที่มาเรียกเก็กคือดอกเบี้ยและค่าอื่นๆ ทั้งหมด
ที่จะขอคำปรึกษาคือ
- จขกท. พยายามติดต่อทางธนาคารอีกเพื่อขอไกล่เกลี่ยอีก หรือ
- ปล่อยให้ฟ้องศาลไปเลย รอไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ไม่พยายามติดต่อไปที่จนท. ของธนาคารอีก
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยคะ
ปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเงินส่วนต่างหลังจากธนาคารยึดรถไปขายทอดตลาด
เริ่มตั้งแต่ตอนแรกเลยนะคะ เจ้าของกระทู้ได้ไปค้ำประกันรถให้กับเพื่อนคนนึงค่ะ (รถที่ซื้อเป็นรถตู้) ต่อมาเจ้าของกระทู้ได้รับหมายศาลเนื่องจากรถคันนี้ค้างจ่ายค่างวดเป็นเวลานาน (ที่จขกท. ไม่ได้รับเอกสารทวงหนี้เพราะทางธนาคารส่งจดหมายทวงหนี้ไปอีกที่อยู่นึงซึ่งเราไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว) จขกท. ก็ไปไกล่เกลี่ยกันที่ศาลโดยมีเพื่อนคนที่เป็นจเจ้าของรถไปด้วย ก็ตกลงกันคือจะส่งคืนรถให้ธนาคาร (โดยมีการแจ้งไปยังทนายความของโจทย์ว่าจากนี้ไปเอกสารต่างๆ ให้จัดส่งไปตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งทางทนายความก็เป็นคนยืนยันเองว่าต่อไปเอกสารจะถูกส่งไปตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน)
ทางจขกท. ก็รอเอกสารแจ้งการประมูลรถ แต่ก็ไม่ได้รับเอกสารอะไรเลย จนมาล่าสุดประมาณเดือน มิย. ที่ผ่านมา คือ ได้รับเป็นจดหมายจากฝ่ายกฎหมายของทางธนาคารแจ้งให้เข้าไปไกล่เกลี่ยเงินค่าส่วนต่างของรถที่นำไปขายทอดตลาด ยอดส่วนต่าง 6 แสนกว่าบาท เราจึงได้ติดต่อไปยังเบอร์ทนายความที่ระบุอยู่ในจดหมาย ทางทนายความก็ให้ติดต่อไปที่อีกแผนกนึง ตลอด 3-4 เดือนที่ฝ่านมานี้ ทางจขกท. พยายามโทรเข้าไปติดต่อกับจนท. ของธนคารท่านนี้มาโดยตลอด เพื่อขอไกล่เกลี่ยชำระเป็นเงินสดสักจำนวนนึงเพื่อให้เรื่องนี้จบๆไป แต่เหมือนได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด เหตุผลที่ได้เช่น ยังไม่ทราบเรื่อง เรื่องยังมาไม่ถึงเลย ต้องขอไปปรึกษากับหัวหน้าก่อนแล้วจะติดต่อกลับมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ทางเราลองคิดคำนวนค่ารถคันนี้ที่จ่ายไปทั้งหมดได้ดังนี้นะคะ
- ค่างวดที่ได้จ่ายไปแล้ว ประมาณ 9 แสนกว่า
- ค่ารถที่ได้จากที่การขายทอดตลาด 3 แสนกว่า
- ค่าอื่นๆที่เคยจ่ายไปให้ธนาคาร ประมาณ 180000
รวมๆ แล้วประมาณ 1 ล้าน 4 แสนกว่าบาทแล้วที่ทางธนาคารได้ไป (เงินต้นค่ารถประมาณ 1 ล้าน 4 แสน) เงินจำนวน 6 แสนกว่าที่มาเรียกเก็กคือดอกเบี้ยและค่าอื่นๆ ทั้งหมด
ที่จะขอคำปรึกษาคือ
- จขกท. พยายามติดต่อทางธนาคารอีกเพื่อขอไกล่เกลี่ยอีก หรือ
- ปล่อยให้ฟ้องศาลไปเลย รอไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ไม่พยายามติดต่อไปที่จนท. ของธนาคารอีก
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยคะ