ผมหย่าขาดจากภรรยามาซักพัก ด้วยเหตุผลที่เราเข้ากันไม่ได้
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตผมเปลี่ยนแปลง เหงา ซึมเศร้า และเปล่าเปลี่ยว
จนมาวันหนึ่ง มีผญ.คนหนึ่ง ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้ง
เธอเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เธออายุห่างจากผมพอสมควร เธอน่ารัก ใครได้คุยได้รู้จัก
จะต้องหลงในความมีสเน่ห์ของเธอได้ไม่ยาก
เราได้รู้จักกัน เธอบอกว่า เธอไม่เคยคบกับผช. คนไหนเลย มีแต่เพื่อนผช.ที่เรียนด้วยกันเท่านั้น
เธอบอกว่าไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเธอถึงยอมเปิดใจรับผม
เราสองคนคุยกันไม่นาน แต่ความรู้สึกเหมือนได้รู้จักกันมาหลายปี
เรามีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง และเรารู้สึกว่าเราเราทั้งคู่ มีอะไรที่พิเศษที่สามารถทำให้เราเข้ากันได้ขนาดนี้
จากการที่ได้รู้จักกับเธอ พูดคุยกับเธอ มีบางมุมที่ผมยังไม่สามารถเข้าถึงเธอได้
เธอพยายามบ่ายเบี่ยง ทุกครั้งที่ผมพยายามจะคุยกันเรื่องอนาคตของเรา
ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร คงคิดว่าเธอยังไม่พร้อม
และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอพยายามเดินออกไปจากชีวิตผม
โดยเธอบอกว่าเธอรักผมมาก แต่ไม่อยากทำให้ผมเสียใจ
ในครั้งนั้นผมพาเธอกลับมาในชีวิตผมอีกครั้ง และเธอก็ยังคงไม่บอกสาเหตุกับผมแต่อย่างใด
โดยผมได้แต่เก็บมันไว้ในใจมาโดยตลอด
วันเวลาผ่านไป เราสนิทกันขึ้นมาก เราแลกเปลี่ยนและคุยกันได้ทุกเรื่อง
เราทั้งคู่บอกรักกัน ผมมีความตั้งใจมากที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ
ผมจึงได้เริ่มพูดคุยเรื่องอนาคตอีกครั้ง หลังจากหลายๆครั้งที่เธอบ่ายเบี่ยงมาตลอด
ครั้งนี้เราคุยกันซีเรียสมาก เธอร้องไห้...
และแล้วผมก็ได้รู้ความจริงที่เธอเก็บมานานโดยไม่เคยบอกผมแม้แต่นิดเดียว
เธอบอกกับผมเหมือนเดิม ว่าเราเลิกกันดีกว่า เธอไม่อยากทำให้ผมเสียใจไปมากกว่านี้ ถ้าปล่อยให้เรื่องมันไปเรื่อยๆ
และเธอก็จะเสียใจมากเช่นกัน ที่เป็นต้นเหตุในการทำร้ายจิตใจผม
เธอบอกกับผมว่า ครอบครัวของเธอ ได้จัดการหมั้นหมายให้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก
ซึ่งเป็นอะไรที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอบอกว่าเธอต้องตอบแทนบุญคุณที่บ้าน
เธอจะหมั้น หลังจากเธอเรียนจบ ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้
เธอบอกเธอรักผมมาก แต่เธอไม่สามารถไปกับผมได้
เมื่อผมได้ฟังความลับที่เธอปิดบังผมมานาน
น้ำตาผมไหลพราก หัวใจเจ็บแปล๊บจนแทบขาดใจ
โลกทั้งโลกหมุนจนเวียนหัว จนผมไม่มีแรงที่จะยืน
เรื่องแบบนี้มันมีจริงเหรอ เคยเห็นแต่ในละคร
ผมรักเธอมาก มากจนที่ผมคิดว่า ผมสามารถให้ชีวิตกับเธอได้
แต่ความฝันของผมก็พลังทลายลงในไม่กี่นาที ที่ผ่านมานี้เอง
ผมพยายามโน้มน้าวจิตใจของเธอ แต่เธอยังยืนยันว่า
มันถูกกำหนดไว้แล้ว เธอไม่สามารถทำอะไรได้
ผมก็บอกกับเธอว่า ชีวิตของผมที่เหลือ ผมทุ่มให้เธอทั้งชีวิตไปแล้ว
ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันอัศจรรย์และมีความสุขมาก
ผมจะไม่ละทิ้งความตั้งใจของผมไปง่ายๆ ในเมื่อผมได้ออกก้าวเดินมาแล้ว
จะให้ผมยืนมองตาปริบๆ แล้วปล่อยเธอไปกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ มันไม่แฟร์สักนิด
ผมมีป้อมปราการที่แข็งแรงมาก ที่สร้างขึ้นจากใจอันแข็งแกร่งของเธอ ที่ผมจะต้องทลายมันให้ได้
ผมบอกให้เธอรอดู อย่าพยายามปิดกั้นใดๆ และปล่อยให้ผมได้ลุกขึ้นสู้กับใจของเธอ
เธอไม่ปฏิเสธแต่เธอบอกให้ผมรักตัวเองให้มากๆ เข้าไว้
ผมยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจซับซ้อนมากที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่ผมรู้จักมา
และผมมีเวลา 6 เดือน ในการทลายกำแพงป้อมปราการที่เธอสร้างขึ้นนี้
....ผมอยากจะขอความเห็นจากทุกๆคน ว่าที่ผมกำลังทำอยู่ ผมควรเดินต่อหรือไม่
และผมควรจะทำอย่างไร ในการทลายป้อมปราการของเธอ
ผมอยากจะบอกว่า ผมรักเธอเท่าชีวิตผมครับ...
ผมมีเวลาเพียงแค่ 6 เดือน ในการทลายกำแพงป้อมปราการ ของผู้หญิงที่ผมรักที่สุด ที่เธอเป็นคนสร้างขึ้น...
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตผมเปลี่ยนแปลง เหงา ซึมเศร้า และเปล่าเปลี่ยว
จนมาวันหนึ่ง มีผญ.คนหนึ่ง ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้ง
เธอเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เธออายุห่างจากผมพอสมควร เธอน่ารัก ใครได้คุยได้รู้จัก
จะต้องหลงในความมีสเน่ห์ของเธอได้ไม่ยาก
เราได้รู้จักกัน เธอบอกว่า เธอไม่เคยคบกับผช. คนไหนเลย มีแต่เพื่อนผช.ที่เรียนด้วยกันเท่านั้น
เธอบอกว่าไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเธอถึงยอมเปิดใจรับผม
เราสองคนคุยกันไม่นาน แต่ความรู้สึกเหมือนได้รู้จักกันมาหลายปี
เรามีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง และเรารู้สึกว่าเราเราทั้งคู่ มีอะไรที่พิเศษที่สามารถทำให้เราเข้ากันได้ขนาดนี้
จากการที่ได้รู้จักกับเธอ พูดคุยกับเธอ มีบางมุมที่ผมยังไม่สามารถเข้าถึงเธอได้
เธอพยายามบ่ายเบี่ยง ทุกครั้งที่ผมพยายามจะคุยกันเรื่องอนาคตของเรา
ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร คงคิดว่าเธอยังไม่พร้อม
และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอพยายามเดินออกไปจากชีวิตผม
โดยเธอบอกว่าเธอรักผมมาก แต่ไม่อยากทำให้ผมเสียใจ
ในครั้งนั้นผมพาเธอกลับมาในชีวิตผมอีกครั้ง และเธอก็ยังคงไม่บอกสาเหตุกับผมแต่อย่างใด
โดยผมได้แต่เก็บมันไว้ในใจมาโดยตลอด
วันเวลาผ่านไป เราสนิทกันขึ้นมาก เราแลกเปลี่ยนและคุยกันได้ทุกเรื่อง
เราทั้งคู่บอกรักกัน ผมมีความตั้งใจมากที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ
ผมจึงได้เริ่มพูดคุยเรื่องอนาคตอีกครั้ง หลังจากหลายๆครั้งที่เธอบ่ายเบี่ยงมาตลอด
ครั้งนี้เราคุยกันซีเรียสมาก เธอร้องไห้...
และแล้วผมก็ได้รู้ความจริงที่เธอเก็บมานานโดยไม่เคยบอกผมแม้แต่นิดเดียว
เธอบอกกับผมเหมือนเดิม ว่าเราเลิกกันดีกว่า เธอไม่อยากทำให้ผมเสียใจไปมากกว่านี้ ถ้าปล่อยให้เรื่องมันไปเรื่อยๆ
และเธอก็จะเสียใจมากเช่นกัน ที่เป็นต้นเหตุในการทำร้ายจิตใจผม
เธอบอกกับผมว่า ครอบครัวของเธอ ได้จัดการหมั้นหมายให้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก
ซึ่งเป็นอะไรที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอบอกว่าเธอต้องตอบแทนบุญคุณที่บ้าน
เธอจะหมั้น หลังจากเธอเรียนจบ ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้
เธอบอกเธอรักผมมาก แต่เธอไม่สามารถไปกับผมได้
เมื่อผมได้ฟังความลับที่เธอปิดบังผมมานาน
น้ำตาผมไหลพราก หัวใจเจ็บแปล๊บจนแทบขาดใจ
โลกทั้งโลกหมุนจนเวียนหัว จนผมไม่มีแรงที่จะยืน
เรื่องแบบนี้มันมีจริงเหรอ เคยเห็นแต่ในละคร
ผมรักเธอมาก มากจนที่ผมคิดว่า ผมสามารถให้ชีวิตกับเธอได้
แต่ความฝันของผมก็พลังทลายลงในไม่กี่นาที ที่ผ่านมานี้เอง
ผมพยายามโน้มน้าวจิตใจของเธอ แต่เธอยังยืนยันว่า
มันถูกกำหนดไว้แล้ว เธอไม่สามารถทำอะไรได้
ผมก็บอกกับเธอว่า ชีวิตของผมที่เหลือ ผมทุ่มให้เธอทั้งชีวิตไปแล้ว
ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันอัศจรรย์และมีความสุขมาก
ผมจะไม่ละทิ้งความตั้งใจของผมไปง่ายๆ ในเมื่อผมได้ออกก้าวเดินมาแล้ว
จะให้ผมยืนมองตาปริบๆ แล้วปล่อยเธอไปกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ มันไม่แฟร์สักนิด
ผมมีป้อมปราการที่แข็งแรงมาก ที่สร้างขึ้นจากใจอันแข็งแกร่งของเธอ ที่ผมจะต้องทลายมันให้ได้
ผมบอกให้เธอรอดู อย่าพยายามปิดกั้นใดๆ และปล่อยให้ผมได้ลุกขึ้นสู้กับใจของเธอ
เธอไม่ปฏิเสธแต่เธอบอกให้ผมรักตัวเองให้มากๆ เข้าไว้
ผมยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจซับซ้อนมากที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่ผมรู้จักมา
และผมมีเวลา 6 เดือน ในการทลายกำแพงป้อมปราการที่เธอสร้างขึ้นนี้
....ผมอยากจะขอความเห็นจากทุกๆคน ว่าที่ผมกำลังทำอยู่ ผมควรเดินต่อหรือไม่
และผมควรจะทำอย่างไร ในการทลายป้อมปราการของเธอ
ผมอยากจะบอกว่า ผมรักเธอเท่าชีวิตผมครับ...