มุมไบที่ใครต่อใครพูดว่าปลอดภัย ที่สุดในอินเดีย?

มุมไบ ที่ใครต่อใครชอบพูดกันว่าปลอดภัย ที่สุดในอินเดีย อยากจะบอกว่าประโยคนี้เป็นประโยคที่อันตรายมากๆ
สำหรับผู้หญิงที่กำลังหาข้อมูล ที่คิดจะมาเที่ยวมุมไบคนเดียว โปรดสละเวลาอ่านเรื่องของเราสักนิด เพราะเราถูกคุกคามทางเพศหลังจากที่ย้ายมาอยู่มุมไบได้เพียงแค่สองอาทิตย์

สามีเราได้ย้ายมาทำงานมาที่มุมไบ ในตำแหน่งผู้บริหารที่โรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง เราสองคนได้อาศัยอยู่ในโรงแรม ซึ่งก็คิดว่าเป็นที่ที่ปลอดภัย ที่สุดแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัย  อยากจะบอกแค่ว่า ผู้ชายอินเดีย น่ากลัวจริงๆ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ที่มีดีก็เยอะมากๆ )

ในอาทิตย์แรกที่เราย้ายมาอยู่ที่มุมไบ ก็มีพนักงานของโรงแรมพาเราเดินทัวร์โรงแรม แนะนำว่าจุดไหนที่คิดว่าเราจะได้ไปใช้บริการ บ้าง รวมทั้งเป็นการแนะนำตัวเรากับพนักงาน ไปในตัวอีกด้วย ซึ่งก็เป็นการดีสำหรับเรา เพราะชีวิตเราส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ต้องอยู่ในโรงแรมที่สามีทำงานอยู่ รวมถึงซาลอน คือที่เกิดเหตุของเรา

หลังจากที่เราเริ่มลงตัวมากขึ้น เราก็อยากจะลองซาลอนที่มุมไบดูว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ผ่านมา เราก็ใช้บริการซาลอนในโรงแรมที่สามีทำงานมาตลอดอยู่แล้ว เราโทรไปนัดเวลา บอกว่าต้องการทำสีผม จริงๆ ควรจะเร่ิมจากการสระผมก่อนอะนะ แต่ด้วยความที่เราไม่คิดอะไรมาก วันที่พนักงานพาไปที่ซาลอนก็ดูร้านสะอาดดี ดูดี ในระดับที่ควรจะอยู่ในโรงแรมห้าดาวได้ และในวันนั้นเราเห็นแค่ผู้หญิงอยู่ในร้าน รวมถึงตอนที่โทรไปนัดเวลาก็เป็นผู้หญิงที่เป็นคนรับสาย ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

เราเดินเข้าไปที่ซาลอน พร้อมกับชุดที่ใส่คือ เดรสยาวปิดตั้งแต่คอจนถึงตาตุ่ม ผู้ชายในซาลอนแนะนำตัวกับเราว่า เค้าจะเป็นคนที่ให้บริการกับเรา เราก็แค่นึกเอ๊ะใจ อ่อ มีผู้ชายด้วยเหรอ แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะสไตล์ลิสที่ผ่านมาของเราก็ล้วนแต่เป็นผู้ชายทั้งนั้น เราถูกพาเข้าไปห้องส่วนตัว มีเก้าอี้อยู่ตัวเดียว พร้อมกับกระจกบานใหญ่ ที่ติดอยู่ที่ผนัง ประตูกระจกที่มีแผ่นฝ้าติดทึบ คนข้างนอกและข้างในไม่สามารถมองผ่านทะลุได้

หลังจากที่เราตกลงเรื่องสีทำผมกันเรียบร้อยแล้ว เค้าบอกให้เราไปเปลี่ยน เป็นเสื้อคลุม เราถามว่าทำไมจะต้องเปลี่ยน เพราะชุดที่เราใส่มาพร้อมทำสีผมแล้ว สีเข้มอีกตั้งหาก เตรียมพร้อมมาอย่างดี เค้ายืนยันว่ายังงัยเราก็ต้องเปลี่ยน เพราะสีทำผมอาจจะเปื้อนชุดที่เราใส่ได้  หลังจากที่เรายื้อกันอยู่นานพอสมควร เพราะเราไม่ต้องการที่จะเปลี่ยน แต่ก็คิดว่า หรือที่มุมไบเค้าทำกันแบบนี้ และถ้าเราไม่เปลี่ยน การทำสีผมก็ดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ เราตามเค้าไปที่ห้องเล็กๆ มีชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว ห้อยอยู่สามชุด   เค้าหยิบมาให้เรา เราถามว่ามีชุดใหญ่กว่านี้อีกมั้ย?  คำตอบที่ได้คือ ไม่มี!! เราเริ่มหงุดหงิด พูดออกไปว่า ถ้าอยากจะให้เปลี่ยน ยูก็ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว จะได้เปลี่ยนชุด!!!!
หลังจากที่เราเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมแล้ว เราเริ่มรู้สึกว่า มันใช่เหรอเนี่ยะ เพราะชุดที่เราได้ แทบจะไม่ปิดทับร่างของเราแล้ว แล้วคนที่อ้วนกว่าเรา จะใส่ได้ยังงัย และด้วยความสูงของเรา ชุดคลุมเลยสั้นเหนือเข่าไปอีก หรือเพราะความเป็นอินเดีย เรื่องความสะอาด ความปราณีต ไม่มี เลยต้องให้เปลี่ยนเป็นชุดคลุม ซึ่งเราพลาดเอง เพราะเราใส่เป็นเดรสยาวมา เลยทำให้เราต้องถอดชุดของเราออกหมด ตรูพลาด!!!!!!

บทสนทนาเริ่มขึ้นพร้อมกับการทำสีผม เค้าบอกกับเราว่าเห็นเราตั้งแต่วันที่เรามากับพนักงานของโรงแรมเมื่อวันก่อนแล้ว และรู้ว่าเราเป็นใคร ชมในรูปร่างหน้าตาของเรา อ่อ!!! อ่านมา ผู้ชายอินเดียมักจะปากหวาน เราแค่พูดขอบใจ และเริ่มแสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยอยากจะสนทนาด้วยเท่าไหร่ มากกว่านั้นคือ เค้าเอ่ยปากชวนเราไปเที่ยวที่บ้าน เราไม่ตอบอะไร ปล่อยให้ประโยคนั้นลอยไปกับสายลม ทำเหมือนไม่ได้ยิน เริ่มไม่โอเคร และรำคาญ แต่ไม่อยากจะเสียมารยาทพูดอะไรแรงๆ ออกไป
เราเริ่มแชทกับเพื่อนที่อยู่ไทย เล่าให้เพื่อนฟังตอนช่วงที่เรารอเวลาก่อนที่จะไปสระผม สักพักเค้าก็มาเรียกให้เราไปล้างผม เราก็บอกกับเพื่อนว่า ไปล้างผมก่อนน่ะ เดี่ยวมาคุยต่อ เค้าให้เราเดินนำไปที่เก้าอี้สระผม บอกให้เราไปนั่งตรงที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ข้างหน้า แต่เราเลือกที่จะนั่งตัวที่ฝั่งตรงข้ามเป็นฝาผนังไม่มีกระจกติดอยู่ เราเริ่มระมัดระวังตัวเอง ตอนที่นั่งทำสีผม ก็ต้องนั่งหนีบขาตลอดเวลาอยู่แล้ว

ในระหว่างช่วงสระผม เค้าก็นวดหัวให้เรา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเรามากๆ นี่คือสาเหตุ ที่ทำให้เราชอบเข้าร้านสระผม พอสระผมเสร็จ เราก็ลุกนั่ง เค้าเช็ดผมให้เราและนวดที่หัวให้เราอีกรอบ เราก็กำลังสบายๆ มือเค้าก็เลื่อนมาที่หัวไหล่ เราก็ไม่ได้เอ๊ะใจ แต่แล้ว เราก็ต้องหันขวับ ตื่นจากภวังค์ เพราะมือเค้ามันเลื่อนผ่านหน้าอกด้านข้างเราไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้มันคืออะไร ? อุบัติเหตุ ? หรือเจตนา ?
การนวดที่หลังแบบเนียนๆ ก็ดำเนินต่อไป เราบอกให้พอแล้ว เค้าพูดโอเคร พร้อมกับมือที่เลื่อนลงมาที่สะโพก ของเรา จนเราต้องพูด เอ๊ะ!! พอแล้ว พร้อมกับลุกขึ้น มันเกิดขึ้นเร็วมาก เราไม่ได้ปล่อยให้เวลา มันผ่านไปอย่างยาวนาน
เราเดินกลับไปที่ห้องเดิม ด้วยอารมณ์ โมโห เราเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ เริ่มแชทกับเพื่อนคนเดิม เล่าให้ฟังว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เวลานั้นมันสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังงัยต่อ เพราะผมก็ยังไม่เสร็จ ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างที่เป่าผม ไม่ว่าเค้าจะชวนคุยอะไรก็ตาม จนประโยค สุดท้ายที่ทำให้เราต้องพูดออกมา เค้าบอกให้เราปลดสายเสื้อคลุมให้มากกว่านี้ เราถามกลับไปด้วยโทนเสียงที่ไม่พอใจ และดังมาก ว่า เพื่ออะไร ? เค้าบอกว่า จะได้นวดเราได้ถนัดขึ้น จะบร้าไปแล้ว !!!! เราโมโหมาก แต่ก็เก็บอาการไว้ ไม่โวยวายออกมา แต่พูดเสียงดังออกไปว่า ยูจะบร้าเหรอ แค่นี้ก็โป๊ะมากแล้ว จะให้คลายสายเสื้อคลุม นี่นะ เราเริ่มเลื่อนเสื้อคลุมให้ทับกันมากขึ้น พร้อมกับรัดสายเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับพูดว่า ไม่ต้องนวดแล้ว เสร็จหรือยัง? เค้าเดินไปที่มุมห้อง ปั้มๆ ที่ขวดอะไรไม่รู้ เราถามว่า อะไร? น้ำมันเซทผม.    เราคิดแค่ รีบทำ รีบเสร็จ จะได้รีบไป
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น กับเรา เค้าเดินไปข้างหลังเรา พร้อมกับสอดมือเข้ามาในเสื้อคลุมที่หัวไหล่ ของเรา และพยายามดันมือเข้าไป แต่เราไม่ได้อยู่ ในภวังค์ อีกต่อไปแล้ว เรารัดคอเสื้อคลุมไว้ อย่างรวดเร็ว และเบี่ยงตัวลง มือก็แสะเข้าไปไม่ได้ อยู่ที่หัวไหล่เท่านั้น เค้าสอดมืออย่างรวดเร็วเข้าไปอีกข้าง เราเบี่ยงตัวเหมือนเดิม ป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้ โชคดี วันนั้นเราใส่เสื้อคลุมลูกไม้แบบเต็มตัว ทำให้มือที่สอดเข้าไปติดสายเสื้อชั้นใน บวกกับเรารัดเสื้อคลุมไว้แน่น แม่เจ้า!!!!! มันคืออะไร เราทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ตกใจมาก หน้าสามีก็ลอยมา เรารู้แค่ ต้องออกจากตรงนั้น เราเดินไปเปลี่ยนชุด เดินไปที่รีเซบชั่น มีผู้หญิงอยู่ที่รีเซบชั่น เรายังยืนติดกระดุมชุดที่เราใส่มา ผู้หญิงชมว่าชอบชุดของเรา เราตอบกลับไปแค่ ไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนชุด ไม่อย่างนั้นคงไม่ใส่ชุดนี้มา เธอก็ไม่พูดอะไร

เราเล่าให้สามีเราฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ตั้งแต่เรื่องเปลี่ยนชุด การนวดผ่านหน้าอก การนวดไปถึงสะโพก หรือที่มุมไบเป็นแบบนี้ แต่เรื่องที่สอดมือเข้าไปในชุดคลุมของเรา ไม่ธรรมดา เรารอเวลาที่จะเล่าให้ใครฟัง เพราะซาลอนเป็นแค่ร้านที่มาเช่าพื้นที่ของโรงแรมอยู่เท่านั้น จนอีกสองอาทิตย์ผ่านมา เราได้เจอกับคนที่พาเราเดินทัวร์โรงแรม เราเล่าพร้อมกับเอารูปที่เราจะต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมในการทำสีผม ให้ดู เค้าตกใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเรา และบอกกับเราว่า จะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเรา
อีกวันต่อมาผู้บริหาร อีกคนที่ทำงานกับสามีของเรา มาบอกกับสามีเราว่า เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา มันร้ายแรงมากๆ และผู้ชายคนนั้นจะถูก ไล่ออกวันนี้พร้อมกับรีพอร์ต Sex harrashment ที่ติดตัวไป.  โชคดีที่เกิดขึ้นแค่นี้กับเรา แต่สำหรับเราก็ถือว่ามากไปแล้ว

เราไม่ได้ไปในที่ที่ไม่ดี อยู่ในบริเวณที่คิดว่าปลอดภัยแล้ว บวกกับความเป็นภรรยาของผู้บริหาร ยังกล้าที่จะทำ แล้วกับผู้หญิงที่คิดจะมาเที่ยวคนเดียว พักโรงแรม หรือ ไปที่สุ่มเสี่ยงมากกว่า คุณคิดว่า คุณจะรอดเหมือนคนที่กลับไปเล่าประสบการณ์ให้คุณฟังว่า มุมไบเป็นเมืองที่ปลอดภัย สำหรับ ผู้หญิง อย่างนั่นเหรอ
วันหลังเราจะมาเล่าต่อให้ฟังว่า มุมไบเป็นเมืองที่ปลอดภัย ที่สุดแค่ในอินเดีย แต่ไม่ปลอดภัย สำหรับ ผู้หญิงเลย ไม่แม้แต่คนอินเดีย ด้วยกัน

ปอลอ ตัวโตๆ เรายอมรับว่าเราโง่มากๆ ที่ปล่อยให้เกิดเรื่อง แต่ตอนนั้น มันสับสน กลัว ทำอะไรไม่ถูก น้อมรับทุกอย่างค่ะ ขออภัยเรื่องคำสะกดและการเรียบเรียงเนื้อเรื่องด้วยนะคะ ไม่ค่อยได้เขียน ภาษาไทยเท่าไหร่ กับพิมพ์สดเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่