ไม่มีใครปฏิเสธว่าหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ต้องมีชื่อ เรอัล มาดริด ติดท็อปทรีมาด้วยอย่างแน่นอน

เป็นที่ทราบกันดีว่าแนวทางที่ทำให้พวกเขายืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่มาตลอดโดยเฉพาะช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ก็คือการดึงสตาร์ฝีเท้าดีจากทั่วยุโรปและทั่วโลกเข้าสู่ทีม ไม่เว้นแม้แต่จากพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ
อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ เพราะส่วนมากก็มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า กลับบ้านไม่ถูกหรือลืมกันไปเลยว่าเคยอยู่ทีมนี้
แต่ยังมีนักเตะอีกกลุ่มที่สร้างชื่อให้กับลีกเมืองผู้ดี สามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์และเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟนบอลมาดริดสต้าจำนวนมาก
และนี่คือ 10 นักเตะจากพรีเมียร์ลีกที่ประสบความสำเร็จในการลงเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
10. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ (เชลซี)

กองหลังโปรตุกีสย้ายตาม โชเซ มูรินโญ ไปร่วมงานกันที่ ซานติอาโก้ เบอนาเบว เมื่อปี 2010 และพิสูจน์ตัวเองว่าคุ้มกับค่าตัว 6.7 ล้านปอนด์ในซีซันแรก ด้วยการคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ ถึงแม้ว่าจะโดนอาการบาดเจ็บรบกวนในซีซันที่สองและใส่สนับก้นยาว ๆ ในซีซันที่สาม แต่ถ้านับค่าตัวกับการลงเล่น 50 เกมทำไป 3 ประตูของเขาแล้วนับว่าคุ้มค่าทุกปอนด์จริง ๆ
สรุปผลงาน : ของดีราคาถูก พึ่งพาได้
9. อัลบาโร อาร์เบลัว (ลิเวอร์พูล)

จากนักเตะ เรอัล มาดริด เบ หรือทีมสำรอง อารเบลัว ได้โอกาสกลับมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวแสนถูกเพียง 3.5 ล้านปอนด์จาก หงส์แดง และเจ้าตัวก็กลายเป็น 11 ตัวจริงของทีมไปโดยทันที ด้วยการที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแผงหลังทำให้เขามีประโยชน์ต่อทีมอย่างมาก นอกจากนั้นยังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงที่ค้าแข้งอีกด้วย
สรุปผลงาน : เป็นการลงทุนที่สุดคุ้ม
8. เดวิด เบ็คแฮม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ถือเป็นฟุตบอลไอดอลคนแรก ๆ ของวงการ ทั้งรูปร่างหน้าที่ที่หล่อเหลา ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะลูกฟรีคิกที่เป็นเครื่องหมายการค้า และความเป็นมืออาชีพ ทำให้ พี่เบ็ค ก่อกระแสความคลั่งไคล้อย่างถล่มทลายที่ เบอร์นาเบว แม้ว่าตอนที่เจ้าตัวย้ายมานั้นอาจจะโชคร้ายไปหน่อยตรงที่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ โดนไล่ออกพร้อมกับการจากไปของ โคล้ด มาเกเลเล กองกลางชั้นดีอีกคน ทำให้ 3 ปีแรกของเขาจบลงด้วยความว่างเปล่า ก่อนที่จะครองแชมป์ลาลีกาได้สำเร็จในซีซัน 2006-2007 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนย้ายไป แอลเอ แกแล็คซี
สรุปผลงาน : มีดีกว่าการขายเสื้อ
7. อาร์เยน ร็อบเบน (เชลซี)

ปีกชาวดัตช์ย้ายมาจาก เชลซี เมื่อปี 2007 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา ในปี 2008 ภายใต้การคุมทีมของ แบรนด์ ชู้ตเตอร์ ก่อนที่จะถูก ฟลอเรนติโน เปเรซ ซึ่งกลับมาเป็นประธานสโมสรคำรบสองขายออกจากทีมในปี 2009 ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค เพื่อเปิดทางในการสร้าง กาแลคติกอส ยุคที่ 2 ยุติเส้นทางการค้าแข้งกับ ราชันชุดขาว ไว้ที่ 2 ซีซันเท่านั้น
สรุปผลงาน : ไม่ควรถูกขายทิ้งด้วยประการทั้งปวง
6. สตีฟ แม็คมานามาน (ลิเวอร์พูล)

ในปี 1999 แม็คก้า กลายเป็นนักเตะอังกฤษคนที่สองที่ได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด ต่อจาก ลอรี คันนิงแฮม เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านั้น แม็คมานามาน ย้ายซบ ราชันชุดขาว แบบฟรี ๆ หลังไม่ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล และโชว์วอลเลย์สุดสวยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เหนือ บาเลนเซีย ในปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีม จากนั้นก็เป็นตัวสำรองของ หลุยส์ ฟิโก้ ในปี 2000 และอยู่กับทีมจนถึงปี 2003 ด้วยการคว้า 2 แชมป์ ลาลีกา และ 2 ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก
สรุปผลงาน : ซุปเปอร์ซับที่ยอดเยี่ยม
5. รุด ฟาน นิสเตอร์รอย (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

หลังจากที่มีเรื่องกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เลือกที่จะเก็บลูกรักไว้กับทีมต่อไปโดยยอมขาย ฟาน นิสเตอรอย ให้กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2006 ด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์ กลายเป็นว่าเจ้าตัวย้ายมายิงระเบิดตั้งแต่ซีซันแรกและพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา 2 สมัยติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ และแม้ว่าจะโดนอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่สามารถลงสนามได้อย่างต่อเนื่องทำให้ต้องย้ายออกเมื่อปี 2010 แต่ก็ยังฝากผลงาน 64 ประตูจากการลงเล่น 96 นัดให้ได้จดจำกัน
สรุปผลงาน : 13 ล้านยังน้อยไป
4. แกเร็ธ เบล (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์)

กับเงิน 85.3 ล้านปอนด์ที่จ่ายไป แค่ในซีซันแรกปีกชาวเวลส์ก็ตอบแทนเกือบทุกบาททุกสตางค์ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อซีซัน 2013-2014 และหลังจากนั้นก็ช่วยให้ทีมของ ซีดาน ซิวทั้งแชมป์ ลาลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 3 สมัยซ้อน ด้วยความแข็งแกร่ง ความเร็ว และทักษะอันยอดเยี่ยม และปีนี้ก็เป็นปีที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญหลังจากอยู่ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ มานาน
สรุปผลงาน : ระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
3. ชาบี อลอนโซ (ลิเวอร์พูล)

'คุณชาย' ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปยัง มาดริด เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ หลังจากที่มีปัญหากับ ราฟา เบนิเตซ และไปอัพเลเวลสร้างชื่อยกระดับตัวเองให้กลายเป็นมิดฟิลด์สุดคลาสสิคคนหนึ่งของวงการลูกหนังโลก ช่วง 4 ปีที่อยู่ มาดริด นั้นเขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค และแขวนสตั๊ดที่นั่น
สรุปผลงาน : สุดคลาสสิค
2. ลูกา โมดริช (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์)

โมดริช โชว์ฟอร์มอย่างแจ่มแจ๋วกับ ไก่เดือยทอง จนไปเข้าตาม มาดริด และซิวตัวมาในปี 2012 แต่ก็เริ่มต้นได้ไม่ดีนักจากการที่ถูกโหวตให้เป็นการเซ็นสัญญายอดแย่แห่งปีนั้นไป ในปี 2013 เมื่อ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาทำทีมกลายเป็นว่าทำให้ โมดริช กลายเป็นคนใหม่ และจับคู่กับ โทนี โครส ได้อย่างลงตัวในแผงกองกลางกลายเป็นกำลังสำคัญในการพา ราชันชุดขาว เถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปอย่างสุดยิ่งใหญ่ และเจ้าตัวก็เพิ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ ฟีฟา ในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาด้วย
สรุปผลงาน : หัวใจของราชัน
1. คริสเตียโน โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

จะต้องให้พูดอะไรเกี่ยวกับซุปเปอร์สตาร์รายนี้ ย้ายมาเมื่อปี 2009 ค่าตัว 80 บ้านปอนด์ ทำประตูให้กับ ราชันชุดขาว ไปทั้งหมด 450 ลูก จนกลายเป็นสถิติสโมสร พร้อมด้วยการคว้า 5 บัลลงดอร์ นำ มาดริด ซิว แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย และจากไป ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ คงไม่มีอะไรต้องสาธยายมากไปกว่านี้แบ้วสำหรับชายที่ชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด้ คนนี้
สรุปผลงาน : ตอบแทนทุกบาททุกสตางค์ และนี่คือตำนานของสโมสร
credit : www.90min.com/th
ผลผลิตจากลีกผู้ดี ! 10 สตาร์จาก Premier League ที่ไปแสดงผลงานสุดยอดกับรีล มาดริค ราชันชุดขาว
เป็นที่ทราบกันดีว่าแนวทางที่ทำให้พวกเขายืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่มาตลอดโดยเฉพาะช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ก็คือการดึงสตาร์ฝีเท้าดีจากทั่วยุโรปและทั่วโลกเข้าสู่ทีม ไม่เว้นแม้แต่จากพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ
อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ เพราะส่วนมากก็มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า กลับบ้านไม่ถูกหรือลืมกันไปเลยว่าเคยอยู่ทีมนี้
แต่ยังมีนักเตะอีกกลุ่มที่สร้างชื่อให้กับลีกเมืองผู้ดี สามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์และเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟนบอลมาดริดสต้าจำนวนมาก
และนี่คือ 10 นักเตะจากพรีเมียร์ลีกที่ประสบความสำเร็จในการลงเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
10. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ (เชลซี)
กองหลังโปรตุกีสย้ายตาม โชเซ มูรินโญ ไปร่วมงานกันที่ ซานติอาโก้ เบอนาเบว เมื่อปี 2010 และพิสูจน์ตัวเองว่าคุ้มกับค่าตัว 6.7 ล้านปอนด์ในซีซันแรก ด้วยการคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ ถึงแม้ว่าจะโดนอาการบาดเจ็บรบกวนในซีซันที่สองและใส่สนับก้นยาว ๆ ในซีซันที่สาม แต่ถ้านับค่าตัวกับการลงเล่น 50 เกมทำไป 3 ประตูของเขาแล้วนับว่าคุ้มค่าทุกปอนด์จริง ๆ
สรุปผลงาน : ของดีราคาถูก พึ่งพาได้
9. อัลบาโร อาร์เบลัว (ลิเวอร์พูล)
จากนักเตะ เรอัล มาดริด เบ หรือทีมสำรอง อารเบลัว ได้โอกาสกลับมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวแสนถูกเพียง 3.5 ล้านปอนด์จาก หงส์แดง และเจ้าตัวก็กลายเป็น 11 ตัวจริงของทีมไปโดยทันที ด้วยการที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแผงหลังทำให้เขามีประโยชน์ต่อทีมอย่างมาก นอกจากนั้นยังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงที่ค้าแข้งอีกด้วย
สรุปผลงาน : เป็นการลงทุนที่สุดคุ้ม
8. เดวิด เบ็คแฮม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ถือเป็นฟุตบอลไอดอลคนแรก ๆ ของวงการ ทั้งรูปร่างหน้าที่ที่หล่อเหลา ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะลูกฟรีคิกที่เป็นเครื่องหมายการค้า และความเป็นมืออาชีพ ทำให้ พี่เบ็ค ก่อกระแสความคลั่งไคล้อย่างถล่มทลายที่ เบอร์นาเบว แม้ว่าตอนที่เจ้าตัวย้ายมานั้นอาจจะโชคร้ายไปหน่อยตรงที่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ โดนไล่ออกพร้อมกับการจากไปของ โคล้ด มาเกเลเล กองกลางชั้นดีอีกคน ทำให้ 3 ปีแรกของเขาจบลงด้วยความว่างเปล่า ก่อนที่จะครองแชมป์ลาลีกาได้สำเร็จในซีซัน 2006-2007 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนย้ายไป แอลเอ แกแล็คซี
สรุปผลงาน : มีดีกว่าการขายเสื้อ
7. อาร์เยน ร็อบเบน (เชลซี)
ปีกชาวดัตช์ย้ายมาจาก เชลซี เมื่อปี 2007 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา ในปี 2008 ภายใต้การคุมทีมของ แบรนด์ ชู้ตเตอร์ ก่อนที่จะถูก ฟลอเรนติโน เปเรซ ซึ่งกลับมาเป็นประธานสโมสรคำรบสองขายออกจากทีมในปี 2009 ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค เพื่อเปิดทางในการสร้าง กาแลคติกอส ยุคที่ 2 ยุติเส้นทางการค้าแข้งกับ ราชันชุดขาว ไว้ที่ 2 ซีซันเท่านั้น
สรุปผลงาน : ไม่ควรถูกขายทิ้งด้วยประการทั้งปวง
6. สตีฟ แม็คมานามาน (ลิเวอร์พูล)
ในปี 1999 แม็คก้า กลายเป็นนักเตะอังกฤษคนที่สองที่ได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด ต่อจาก ลอรี คันนิงแฮม เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านั้น แม็คมานามาน ย้ายซบ ราชันชุดขาว แบบฟรี ๆ หลังไม่ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล และโชว์วอลเลย์สุดสวยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เหนือ บาเลนเซีย ในปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีม จากนั้นก็เป็นตัวสำรองของ หลุยส์ ฟิโก้ ในปี 2000 และอยู่กับทีมจนถึงปี 2003 ด้วยการคว้า 2 แชมป์ ลาลีกา และ 2 ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก
สรุปผลงาน : ซุปเปอร์ซับที่ยอดเยี่ยม
5. รุด ฟาน นิสเตอร์รอย (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
หลังจากที่มีเรื่องกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เลือกที่จะเก็บลูกรักไว้กับทีมต่อไปโดยยอมขาย ฟาน นิสเตอรอย ให้กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2006 ด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์ กลายเป็นว่าเจ้าตัวย้ายมายิงระเบิดตั้งแต่ซีซันแรกและพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา 2 สมัยติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ และแม้ว่าจะโดนอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่สามารถลงสนามได้อย่างต่อเนื่องทำให้ต้องย้ายออกเมื่อปี 2010 แต่ก็ยังฝากผลงาน 64 ประตูจากการลงเล่น 96 นัดให้ได้จดจำกัน
สรุปผลงาน : 13 ล้านยังน้อยไป
4. แกเร็ธ เบล (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์)
กับเงิน 85.3 ล้านปอนด์ที่จ่ายไป แค่ในซีซันแรกปีกชาวเวลส์ก็ตอบแทนเกือบทุกบาททุกสตางค์ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อซีซัน 2013-2014 และหลังจากนั้นก็ช่วยให้ทีมของ ซีดาน ซิวทั้งแชมป์ ลาลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 3 สมัยซ้อน ด้วยความแข็งแกร่ง ความเร็ว และทักษะอันยอดเยี่ยม และปีนี้ก็เป็นปีที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญหลังจากอยู่ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ มานาน
สรุปผลงาน : ระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
3. ชาบี อลอนโซ (ลิเวอร์พูล)
'คุณชาย' ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปยัง มาดริด เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ หลังจากที่มีปัญหากับ ราฟา เบนิเตซ และไปอัพเลเวลสร้างชื่อยกระดับตัวเองให้กลายเป็นมิดฟิลด์สุดคลาสสิคคนหนึ่งของวงการลูกหนังโลก ช่วง 4 ปีที่อยู่ มาดริด นั้นเขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค และแขวนสตั๊ดที่นั่น
สรุปผลงาน : สุดคลาสสิค
2. ลูกา โมดริช (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์)
โมดริช โชว์ฟอร์มอย่างแจ่มแจ๋วกับ ไก่เดือยทอง จนไปเข้าตาม มาดริด และซิวตัวมาในปี 2012 แต่ก็เริ่มต้นได้ไม่ดีนักจากการที่ถูกโหวตให้เป็นการเซ็นสัญญายอดแย่แห่งปีนั้นไป ในปี 2013 เมื่อ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาทำทีมกลายเป็นว่าทำให้ โมดริช กลายเป็นคนใหม่ และจับคู่กับ โทนี โครส ได้อย่างลงตัวในแผงกองกลางกลายเป็นกำลังสำคัญในการพา ราชันชุดขาว เถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปอย่างสุดยิ่งใหญ่ และเจ้าตัวก็เพิ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ ฟีฟา ในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาด้วย
สรุปผลงาน : หัวใจของราชัน
1. คริสเตียโน โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
จะต้องให้พูดอะไรเกี่ยวกับซุปเปอร์สตาร์รายนี้ ย้ายมาเมื่อปี 2009 ค่าตัว 80 บ้านปอนด์ ทำประตูให้กับ ราชันชุดขาว ไปทั้งหมด 450 ลูก จนกลายเป็นสถิติสโมสร พร้อมด้วยการคว้า 5 บัลลงดอร์ นำ มาดริด ซิว แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย และจากไป ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ คงไม่มีอะไรต้องสาธยายมากไปกว่านี้แบ้วสำหรับชายที่ชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด้ คนนี้
สรุปผลงาน : ตอบแทนทุกบาททุกสตางค์ และนี่คือตำนานของสโมสร
credit : www.90min.com/th