ป่วยซึมเศร้า​เพราะ​การทำงาน

ที่เขียนกระทู้​นี้เพราะอยากบอกให้ทุกคนที่หัวโบราณ​แบบเราว่าการเปลี่ยนงานเร็วเกินไปคือความไม่อดทน​ ไม่เป็นผู้ใหญ่​ แล้วที่ใหม่จะมองเราไม่ดี​  แต่ความจริง​แล้วถ้าเราเปลี่ยนงานตั้งแต่อาทิดแรกๆที่เจอหน้าฝ่ายบีบเราคงไม่ต้องป่วยแล้วกินยาราคาแพงแบบนี้​  เล่าเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจด้วย​  ว่าอย่าอดทนเพราะกลัวบริษัท​ใหม่มองไม่ดี​                                              
  เราทำงานที่นั้นทั้งหมดเป็นเวลาเกือบ​5ปี​ ครั้งแรกที่ทำงานที่นี้เราขยันสุดๆ1อาทิดงานต้องจบเพื่อโชว์​ศักยภาพ​ที่ตัวเรา​มีแต่แล้วก็เป็นเหตุเมื่อหัวหน้าฝ่ายขู่บริษัท​เพราะจะขอขึ้นเงิน​ แต่ลูกเจ้าของกลับไม่ง้อแล้วดันบอกจะเอาเราทำแทนเพราะอายุและความสามารถหลังจากนั้นมา​  เราอยู่ไปเป็นสุขทั้งที่มันเป็นอาทิดที่2แต่ไม่มีการสอนงาน​ พอเราทำผิดพลาดก็เอาเรื่องเราใหญ่โตเพื่อบีบเราออกแต่ดีที่ลูกเจ้านายช่วย​ไว้​ โดนแลกกะขอเสนอเข้าออฟฟิศ​อาทิตย์​ละ2วันที่เหลือทำที่บ้านเนื่องจากบ้านไกล​  จากนั้นมาเราก็รับภาระหนักในการทำงานเพราะโตกว่าอีกคนที่เข้าพร้อมกัน​ จนวันนึงบริษัท​เริ่มรู้สึก​ว่าหัวหน้าฝ่ายควรกลับมาทำงานเต็ม​ทีเพราะเอาเปรียบ​คนอื่น​ หัวหน้าจึงย้ายบ้านมาใกล้ที่ทำงาน​ แล้วเราก็พยายามยอมเค้าทุกอย่าง​ ทั้งไปรับไปส่ง​ทั้งยอมเรื่อง​ให้เค้าเอางานเราไปส่ง​ จนช่วงที่หัวหน้าลาคลอดไป​  ศักยภาพ​เราก็โดดเด่น​ ทำงานได้หลากหลาย​ มีผลงานเด่นหลายตัว​ จนเป็นที่รักของลูกเจ้านายอีกคน​  แล้วพอหัวหน้ากลับมาจากลาคลอดไม่นานนัก​ ด้วยความที่เริ่มรู้สึก​ตัวว่างานเรามากกว่าใครๆคนอื่นมีเวลารับงานนอกแต่เราต้องทำงานเครียดทุกวัน​  จนอาการเริ่มออก​ เราเริ่มหายใจไม่เต็มอิ่ม​  เครียด​ นอนไม่หลับ​ แล้วเริ่มเบื่อสังคม​ ทานน้อยลง​ ผอมลงๆ​ ลดไป15โล​ จนคิดว่าเราต้องเริ่มป่วยแน่ๆ​ แล้วก็จริงคะ​  ตอนแรกกินยา​รักษา​ตัวก็ยังไม่มีผลกระทบเท่าไหร่​ แต่พอต้องเพิ่มปริมาณ​ยาเราเริ่มหลับในเวลางาน​ ใครปลุกก็รู้สึ​กนะ​แต่เราไม่ไหวๆจริงๆ​ หัวหน้าเริ่มหาเรื่องเรา​ เราเลยลดปริมาณ​ยาเองเพื่อจะทำงานได้แบบเดิม​ จนไปพบหมอแล้วเปลี่ยนยา​  แต่หัวหน้าไม่ให้โอกาสไรเลย​เอาเราไปฟ้องฝ่ายบุคคล​และคณะกรรมการ​บริษัท​ซึ่ง​นึงในนั้นก็เพื่อนหัวหน้า​ เรารู้​ทุกบริษัท​ย่อมมีการนินทาเราเลยพอดูออกว่าเพื่อนหัวหน้าคนนี้ก็ไม่ชอบเราแถมยัง​เป็นญาติ​เจ้าของอีก​ เค้าเรียกเราไปคุยพร้อมกับทางบริษัท​อัดเสียง​ไว้​  สิ่งที่ต้องการคือให้เราเขียนใบลาว่าขอลาป่วย15วัน​ ตอนแรกเราไม่ยอมเพราะเราไม่เข้าใจ​ว่าสิทธิ​เราในการลาป่วยถ้าเราเกิดป่วยหนัก​หลังจากนั้น​ เราก็เกิน30วันซึ่ง​หักอีก​ เราร้องไห้​ไม่อยากลาแต่ก็โดนบังคับ​ให้เซ็น​  เราโทไปร้องไห้กะเพื่อนซึ่ง​ทำงานบุคคล​บอกว่าถ้าเราลาแบบนี้แล้วเราไม่มีใบรับรอง​แพทย์​เค้ามีสิทธิ์​ไล่เราออกได้วันรุ่งขึ้น​เราเลยมาทำงาน​ หัวหน้า​เราจึงให้บุคคล​โทไปบอกที่บ้านเราว่าเราป่วยที่ทราบไหมแล้วไมไม่ให้หยุดพัก​  เค้าทำทุกทางจริงๆ​ แม้กระทั่ง​การบอกว่าเราป่วยซึมเศร้า​เพราะกินยาลดความอ้วนกะที่บ้านเรา​ บอกกะคนรอบตัวว่าเราเป็นแบบนี้เพราะเรื่อง​ผู้ชาย​ จนคำพูดต่างๆเริ่มเข้าหูเรา​  แถมแกล้งให้เราทำงานลำบาก​ขึ้น​ จนเราแย่ลงเพราะเราแอบลดยาเองเพื่อทำงานให้ด้​  เราเริ่มเกลียดตัวเองที่ควบคุม​อารมณ์​ไม่ได้​  แล้วเค้าก็เอาจุดนี้เล่นงานเรา​ โดนการประชุม​เปิดใจคุยกันตรงๆแต่เพราะความโง่ของเราที่พูดความจริงตรงๆแต่ทุกคนโกหก​ เราคุมอารมณ์​ไม่ได้เลยจนทุกอย่างเลวร้ายผู้ใหญ่​ทุกคนมองเราไม่ดีไม่โ​ต​ หลังจากประชุม​จนเลิกงาน​ เราเก็บตัวอยู่ในห้องเก็บของ​เอาหัวโขดกำแพงด้วยความรู้สึก​เกลียด​ที่คุมอารมณ์​ไม่ได้​ จากวันนั้นไม่มีใครคุยกะเราอีก​ ทุกคนจะรู้ไหมว่าเค้ากำลังฆ่าเรา​ จนสุดท้ายเราก็ยอมลาแบบขอใบรับรอง​แพทย์​อาทิตนึง  แต่เป็นอาทิตที่เราเอาแต่นอนร้องไห้มันแย่ไปหมดไม่มีใครช่วยเราได้เลยย​ จนแฟนเราพูดให้เราออกหางานใหม่​ แล้วเราก็ได้งานใหม่ไวมากแถมเงิดเดือนอัพขึ้น​เยอะเลยย​ ซึ่ง​ตอนนี้เรากินยาได้ตามปกติทำงานได้สภาพ​จิตใจ​ดีขึ้น​แต่เรายังกลัวสังคม​ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา​ วันที่เราลาออกแทนที่เราจะขอโทษพี่ฝ่ายบุคคล​ แต่เค้ากลับขอโทษ​เราก่อนแถมเตือนเราเรื่องของที่จะเอาออกกลับบ้านเพราะกลัวหัวหน้าเล่นแงอีก​  เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าบางอย่างอย่าไปยอมทนมันมากจนเกินไป​และอย่าเอาตัวเราชีวิต​เรามาแลกกับงาน​ เพราะต่อให้คุณเก่งแค่ไหนเราก็ไม่ได้สำคัญ​อะไรกับบริษัท​ กฏหมาย​แรงงาน​ศึกษา​ไว้บ้างก็ดีนะคะ​ อย่าถ้าเราไม่รู้คงโดนออกแบบไม่ทันตั้งตัว​  อีกอย่างคนทุกคนย่อมเอาตัวรอดไม่มีใครรักคุณเท่าครอบครัว​แล้ว​ บทเรียน​ครั้งนี้แพงมากสำหรับเราการเก่งมากไปก็ไม่ดี​ ตรงไปก็ไม่ดี​  แต่ทุกวันนี้กำลังดีขึ้นก็ดีแล้ว​ จริงไหมคะ​  ถ้าเราพิมพ์​ผิดพิมพ์​ตกคำผิดต้องขอโทษ​นะคะ​
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่