วัดที่สร้างในสมัยพญากือนา ... วัดสวนดอก

ได้เล่าเรียนอยู่หน้าวัดเป็นเวลา 5 ปี ... ปีหนึ่งยังสร้างคณะไม่เสร็จ
ได้กินก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดหล่อเลี้ยงชีวิต
ได้กินอาหารตามสั่งหน้าวัดหล่อเลี้ยงชีวิต
แต่เพิ่งได้เข้าไปในวัดสวนดอกก็เมื่อผ่านเวลาผ่านแล้วไป 30 ปี

พญากือนา
ได้ส่งฑูตลงมาทูลขอพระสุมนเถระจากพระมหาธรรมราชาแห่งสุโขทัย ไปเชียงใหม่
ได้เสด็จมารับพระสุมนเถระ ที่ตำบลแสนข้าวห่อ ... บริเวณพิพิธภัณฑ์หริภุญไชย
นิมนต์พระสุมนเถระให้จำพรรษาอยู่ที่วัดพระยืน ให้อุปสมบทชาวลำพูน - จารึกวัดพระยืน
เมื่อออกพรรษาแล้วพญากือนาได้นิมนต์พระสุมนเถระมาเชียงใหม่

จึงทรงใช้อุทยานของกษัตริย์ ซึ่งมีต้นพยอมมาก ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่
ให้สร้างเวียงสวนดอกซึ่งเป็นเวียงพระธาตุ คือเป็นวัดพร้อมทั้งบริวารดูแลรักษาวัด
ชื่อวัดบุปผาราม หรือ วัดสวนดอก เป็นพระอารามหลวง
ให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาสุมนเถระ
สถาปนาอุษยาภิเษกพระสุมนเถระขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์แรกของล้านนา
ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในแผ่นดินล้านนา นิกายวัดสวนดอก หรือ นิกายรามัญ

เวียงสวนดอก
ผังเมืองรูปสี่เหลี่ยมกว้างด้านละประมาณ 470 เมตร
มีคูน้ำและกำแพงดินชั้นเดียว

สามสิบกว่าปีที่แล้ว มีเส้นทางเดินลัดของนักศึกษาทันตแพทย์เชียงใหม่
ที่ต้องหอบของพะรุงพะรังจากหอพักเพื่อไปเรียนที่คณะ
ตัดผ่านกำแพงหนึ่ง ซึ่งเป็นกำแพงเวียงสวนดอกด้านทิศเหนือ
ปัจจุบันได้ทำสะพานให้เดินได้สะดวกกว่าตะก่อนมาก
เครดิต //www.med.cmu.ac.th

สมัยราชวงศ์เม็งราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก
ต่อมาบ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า วัดนี้ได้กลายสภาพไปเป็นวัดร้าง
วัดสวนดอก ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่
ในสมัยพระเจ้ากาวิละ แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์(เจ้าเจ็ดตน)
ในปี พ.ศ. 2475 เจ้าแก้วนวรัฐ และ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ได้ไปกราบอาราธนาครูบาศรีวิชัยให้มาเป็นประธาน ก่อสร้างปฏิสังขรณ์พระวิหาร พระเจดีย์ ซุ้มประตูกำแพง

กู่อัฐิครูบาศรีวิชัย วัดสวนดอก

* ซุ้มประตูโขง *
ฐานสิงห์ ซ้อนยอดขึ้นไปสามชั้น แล้วยืดขึ้นเป็นเจดีย์สามยอด

ซุ้มแก้วมีสองชั้น
ชั้นบนเป็นซุ้มตัวเหงา
ชั้นล่างเป็นเกียรติมุขกำลังกัดกินนาคมีปีกทั้งสองข้าง

* กู่พระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ *
ปี พ.ศ. 2450 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญให้มาประดิษฐานรวมกันที่วัดสวนดอก

ไหว้สากู่อาจารย์ เจ้าโสภา ณ เชียงใหม่
เจ้าป้าท่านเคยสอนวิชาดนตรีไทยให้พวกเรา ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยลัยเชียงใหม่

* วิหาร *
เป็นวิหารโถงแบบเปิด

ธรรมาสน์ล้านนา

พระประธานในพระวิหารหลวง ปางมารวิชัย สร้างในสมัยพญากือนา พ.ศ. 1916
องค์ข้างหน้าพระประธานปางสมาธิ คือพระเจ้าค่าคิง ... เท่าพระวรกาย 
หล่อด้วยทองสำริด ขนาดเท่าความสูงพระวรกายของพญากือนา
แต่เพราะ หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.5 เมตร
จึงอาจเท่าความยาวของเงาที่ยาวที่สุดของพระองค์
ขณะยืนกลางแสงแดดยามเช้าหรือเวลาเย็นที่แสงทอดไปไกลที่สุด
พระมารดาโปรดให้สร้างขึ้นตอนที่พญากือนาทรงประชวร
ครูบาเจ้าศรีวิชัยยังได้หล่อพระพุทธรูปเท่าองค์ครูบาด้วยทองเหลืองสององค์ ... พระเจ้าค่าคิง
ยืนด้านข้างซ้ายขวาบนแท่นแก้ว(ฐานชุกชี)

องค์ด้านหลัง
จากตำนานการสร้างพระธาตุดอยสุเทพเล่าว่า
พระสุมนเถระ แห่งสุโขทัย เกิดนิมิตฝันอันประหลาดว่า
พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระเจ้าธรรมาอโศกราชให้อัญเชิญมาบรรจุไว้ ณ พระเจดีย์เมืองบางขลัง
บัดนี้พระเจดีย์นั้นหักพังลง ที่ข้างเจดีย์มีกอดอกเข็มกอหนึ่ง มีลักษณะเป็นรูปม้านั่ง เป็นที่สถิตของพระบรมสารีริกธาตุ
ขอให้ท่านไปขุดเอาพระบรมธาตุองค์นี้มาเสีย
พระสุมนเถระจึงให้ขุดพระบรมธาตุที่ข้างกอเข็มนั้น
เมื่อพญากือนานิมนต์พระสุมนเถระมาเชียงใหม่ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุนั้นมาด้วย
องค์หนึ่งบรรจุที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ
อีกองค์บรรจุที่วัดบุปผาราม หรือวัดสวนดอก
ในพระเจดีย์ใหญ่

 

เจดีย์ทรงลังกาและล้านนา
ฐานเขียง ฐานสี่เหลี่ยมชั้นล่างสุด ยกพื้นเจดีย์ให้สูงกว่าพื้นดิน มีบันไดนาคห้าเศียรขึ้น 4 ด้าน มีเจดีย์มุม
ฐานปัทม์ หรือฐานบัว มีอกไก่สูงแบบล้านนา
บัวถลารับมาจากลังกา เป็นชั้นบัวหงายออก บัวปากระฆัง รับองค์ระฆัง หรือ เรือนธาตุ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
บัลลังก์ แสดงถึงวรรณะกษัตริย์
ก้านฉัตร เป็นก้านของฉัตร ประดับพระพุทธรูปปางประทานพรยืนแบบสุโขทัย
บัวฝาละมี บัวคว่ำด้านบน กางกั้นฉัตรให้เรือนธาตุ
ปล้องไฉน เปรียบเสมือนตัวฉัตรซ้อนกัน
ปลียอด ชี้ขึ้นฟ้า เส้นทางสู่พระนิพพาน
หยาดน้ำค้าง หมายถึงรัตนะ

ก้านฉัตร ประดับพระพุทธรูปปางประทานพรยืนแบบสุโขทัย

ในกำแพงแก้วด้านนอก
มีเจดีย์บริวารอีกเจ็ดองค์ ที่มุมและด้าน ยกเว้นด้านที่เป็นวิหาร

เดิมทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ แบบสุโขทัย แต่ได้ปรักหักพังลง

ซุ้มพระเจ้าทันใจในเจดีย์รายทิศตะวันตก

* อุโบสถ *





พระเจ้าเก้าตื้อ
พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 4.70 เมตร
หล่อด้วยทองสำริด มีน้ำหนัก 9 ตื้อ ... 1 ตื้อ = 1,400 กิโลกรัม
มีที่ต่อ 8 แห่ง หรือ 9 ท่อน
สร้างในสมัยพระเมืองแก้ว หรือพระเจ้าสิริทรงธรรมจักรพรรดิ์ราช พ.ศ.2047
เพื่อให้เป็นพระประธานในวิหารวัดพระสิงห์
เมื่อหล่อเสร็จไม่สามารถชักลากเข้าเมืองได้
พระเมืองแก้วจึงได้ถวายเรือนหลวงของพระองค์สร้างพระวิหารใกล้กับวัดบุปผาราม หรือวัดสวนดอก
เพื่อถวายให้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระเจ้าเก้าตื้อ
ปัจจุบันเป็นพระประธานในอุโบสถ

ปิดท้ายด้วย บ้านฝาไหล

ผนังจะมีสองชั้น
ผนังด้านในจะเป็นบานเลื่อน ... หนึ่งบานจะสูงเท่ากันหนึ่งช่วงของช่อง
บานที่เลื่อนจะเจาะเป็นช่องเหมือนผนังด้านนอก
แต่ต้องยาวน้อยกว่า 1 ช่อง เพื่อให้เลื่อนได้
ถ้าเลื่อนช่องตรงกัน จะเปิด ถ้าเหลื่อมช่องกันก็จะปิด
เรียกว่าฝาไหล ฝา = ผนัง , ไหล = เลื่อน


สารบัญที่นี่ค่ะ https://pantip.com/topic/38109220
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่