จขกท เป็นพนักงานบริษัทครับ ครั้งนี้ขอวีซ่าเชงเก้นสำหรับท่องเที่ยวผ่านสถานทูตเยอรมัน ขอเล่าเกี่ยวกับการเตรียมตัวของตัวเองให้ฟังนะครับ
จริงๆไม่มีอะไรยุ่งยากครับ เตรียมเอกสารให้พร้อมตามที่สถานทูตแจ้งไว้ เตรียมข้อมูลการเดินทางให้พร้อม เตรียมข้อมูลส่วนตัวให้พร้อม แค่นี้ก็ผ่านไปครึ่งนึงแล้วครับ
[ ขั้นตอน ]
- ก่อนอื่นเลยมีแพลนในใจก่อนว่าจุดหมายคือที่ไหน แล้วก็นั่งรอๆๆๆ รอจนกว่าตั๋วเครื่องบินจะได้ราคาที่ต้องการ ครั้งนี้แพลนคือไปเที่ยวยุโรปช่วงก่อนคริสมาสต์โดยบินเข้าและออกที่เยอรมัน (8 คืนที่เยอรมัน 7 คืนที่ประเทศอื่นๆ)
- พอได้ตั๋วก็ค่อยๆเก็บตังค์ พร้อมกับดูว่าช่วงเวลาที่ไปจะไปใช้ชีวิตที่เมืองไหนบ้าง
- จากนั้นก็เตรียมเอกสารเดี่ยวกับการเดินทางต่างๆ เช่นใบจองที่พัก ใบจองยานพาหนะ ใบจองโรงละคร ใบจองพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
- แล้วก็เตรียมยื่นเรื่องขอวีซ่า ซึ่งสามารถขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน โดยกดจองคิวในเว็บก่อน ต้องระวังนิดนึงบางคนอาจจะคิดว่าสักเดือนนึงละกัน เป็นไปได้นะที่ช่วงเดือนนึงคิวถูกจองเต็มหมด ไม่สามารถยื่นวีซ่าได้แล้วจะยุ่งนะครับ
- ต้องกรอกเอกสารคำร้องด้วยนะ ผ่านหน้าเว็บเท่านั้น
https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/touristenvisum/1678002
- พอถึงวันนัดก็ปริ้นใบนัด ไปสถานทูตก่อนเวลา 30 นาที ที่นี่เค้าทำกันเป็นระบบ เดินไปตามลำดับ ไม่ต้องกังวลว่าจะเอ๋อ แต่ต้องมีสติ (เวลานัดเริ่มตั้งแต่เช้าเลย ผมเลือกรอบ 8 โมงครึ่ง)
- พอไปถึงก็แสดงใบนัดให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า สแกนกระเป๋า ปิดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์แล้วฝากเจ้าหน้าที่ไว้ (เจ้าหน้าที่ก็ไม่ดุนะครับ ช่วยเหลือดีงาม) เดินยื่นเอกสารช่องด้านหน้าเพื่อให้เค้าตรวจสอบขั้นแรก (เดี๋ยวบอกว่าเอกสารต้องเตรียมและเรียงอะไรบ้าง)
- เสร็จแล้วนั่งรอ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่หน้าห้องสัมภาษณ์จะเรียกให้ตรวจเอกสารอีกที
- ราวๆ 15 นาทีก่อนเวลานัดเราจะถูกเรียกให้ไปต่อแถวตรวจเอกสารอีกครั้ง อันนี้ต้องตั้งใจดูและฟังนะ เอาเอกสารที่เตรียมไว้อย่างดียื่นให้เค้าดู เค้าก้เปิดหน่อยๆ ให้เซ็นใบเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วก็บอกให้เราเข้าห้องสัมภาษณ์
- เข้ามาแล้วก็กดคิว เลือกประเภทวีซ่า อย่างวีซ่าท่องเที่ยวกดหมายเลข 1 ช่องสัมภาษณ์จะเป็นเบอร์ 6-11 พอได้บัตรคิวแล้วก็ไปนั่งรอใกล้ๆห้องสัมภาษณ์เลย อย่านั่งไกลนะครับ ถ้าคนเยอะเดี๋ยวกว่าจะผ่านคนมาถึงห้องสัมภาษณ์จะโดนด่าเอา
- พอถึงคิวก็แค่เดินไปหาเจ้าหน้าที่ ยื่นเอกสารใส่ช่องด้านล่าง แล้วก็เริ่มการสัมภาษณ์
- สัมภาษณ์เสร็จจะได้กระดาษ 1 ใบ ในใบนั้นจะเขียน หมายเลขอ้างอิง ระบุว่าจะมารับเองหรือส่งทางจดหมาย เอากระดาษใบนี้ไปจ่ายที่ช่อง 2
- จ่ายเสร็จเอาใบเสร็จไปซื้อซองจดหมาย
- ตอนซื้อซองจดหมายก็เขียนหน้าซองว่าจะให้ส่งไปที่ไหนยังงัยแล้วก็จ่ายเงิน 2300 บาท (บางประเทศขอผ่านเอเย่นจะต้องเสียเงินค่าดำเนินการเพิ่มเติม ไม่ยุ่งยากเท่าเยอรมันแต่เสียเงินเยอะกว่า)
- ได้ซองแล้วก็เอาไปวางที่โต๊ะเจ้าหน้าที่หน้าห้องเบอร์ 10 บอกเค้าด้วยว่าสัมภาษณ์ห้องไหน
- เป็นอันเสร็จกระบวนการ จริงๆดูเยอะแยะตาแป๊ะแมว แต่จริงๆไม่มีอะไร ทุกอย่างตามลำดับขั้นตอน ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรกดดัน แค่เตรียมตัวให้พร้อมเท่านั้นจบ หรือถ้ามีอะไรขาดตกไปเจ้าหน้าที่ก็จะบอกเอง ส่วนการแก้ไขก็ไม่ได้ว่ายากอะไรนัก จัดการได้ถ้ามีสติ
[ เอกสาร ] - ค่อยๆเตรยมไปทีละอย่างนะครับ เอกสารสมบูรณ์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วครับ
- หนังสือเดินทางฉบับจริงที่ยังมีหน้าว่างเกิน 2 หน้าและอายุการใช้มากกว่า 6 เดือน มีผู้หญิงคนนึงอายุพาสปอร์ตเหลือ 3 เดือนนับจากวันเดินทาง ก็โดนให้กลับไปทำพาสปอร์ตใหม่แล้วค่อยมายื่น คือใครที่พาสปอร์ตเหลือ 6 เดือนอ่ะเสี่ยงมาก บางทีเหลือ 7 เดือน ตม บางประเทศยังไม่ให้เข้าเลย มันมีกฏก็จริงแต่มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตมด้ย ฉะนั้น ถ้าวีซ่าเหลือ 6 เดือนหน่อยๆก็ไปทำใหม่เถอะเพื่อความชัวร์
- หนังสือเดินทางเล่มเก่า ถ้าใครเคยได้วีซ่าเชงเก้นแล้วก็ถ่ายเอกสารไปด้วย แนบไปเลย
- รูปถ่าย 2 ใบ ใบแรกติดบนใบคำร้อง ใบที่ 2 เขียนชื่อและหมายเลขพาสปอร์ตไว้ด้านหลัง รูปต้องเป็นแบบไบโอเมตริก ซึ่งเข้าใจง่ายๆคือ "รูปถ่ายที่เห็นหน้าชัดเจนพื้นหลังขาวปริ้นท์บนกระดาษคุณภาพดี" คือไม่เหมือนถ่ายติดบัตรทั่วไปอ่ะ บนรูปจะมีแต่หน้าล้วนๆเลย ไม่มีไหล่โผล่มาเลย (ตัวอย่าง
https://bangkok.diplo.de/blob/1376432/a281a264654da28c5f64c8eed01ff062/fotomustertafel-downloaddatei-data.pdf) วิธีถ่ายเอาจริงๆร้านไหนก็ถ่ายได้ แต่ต้องเอาตัวอย่างไปให้เค้าดู และกำชับเลยว่าต้องอย่างงี้เท่านั้น บางร้านจะเถียงาแบบนั้นแบบนี้ก็ได้ครับผมเคยถ่าย ตอนผมไปถ่ายผมก็บอกเค้าเลย "ผมก็เคยถ่ายแบบนั้นแหล่ะ สุดท้ายโดนตีกลับ ต้องไปเสียเงินถ่ายใหม่" ช่วยทำตามที่บอกหน่อยเถอะ
- แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกน (กรอกออนไลน์) ที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ กรอกแล้วก็ปริ้นเลย หรือถ้ายังไม่เสร็จก็เซฟไฟล์ไว้ค่อยมากรอกต่อได้
- ลงนามรับทราบข้อกาหนดตามกฎหมายการพานักในเยอรมนี (ปริ้นท์จากเว็บแล้วมาเซ็น)
- หลักฐานการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ วงเงินความคุ้มครองไม่ต่ากว่า 1.2 ล้านบาท และต้องรวมบริการนำตัวกลับประเทศในกรณีเจ็บป่วยด้วย อันนี้สำคัญมาก ถึงเค้าไม่บังคับก็ควรมีนะครับ
- หนังสือรับรองการทำงานระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงานมา ระยะเวลาที่ลางาน และได้รับการอนุญาตให้พักร้อนแล้ว หลังจากพักร้อนจะกลับมาทำงานปรกติ
- หนังสือแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง อันนี้เหมือนเราบอกจุดหมายของเราให้เค้ารู้อ่ะครับ คือไม่ต้องปั้นเรื่องนะ บอกไปเลยตรงๆ (แต่ก็ให้มีความเหมาะสม) เราเขียนว่า ชื่ออะไร ทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร ทำมากี่ปีแล้ว ปกติชอบเดินทาง ชอบเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค เคยไปแบ็คแพ็คมาแล้วทั้งเช่นที่ สิงคโปร์ จีน อัมสเตอร์ดัม ปารีส บลาๆๆๆ แต่เราเนี่ยยังไม่เคยสัมผัสฟีลของยุโรปช่วงคริสมาต์ที่เค้าว่าสวยนักสวยหนาเลย ยังช่วยพิจารณาด้วยนะ บลาๆๆๆๆ อีกอย่างนึงนะ ไอ้ใบนี้นี่มันทำให้เจ้าหน้าที่เค้ารู้ด้วยว่า เออพอจะพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้ เอาตัวรอดได้ ไม่ตายอยู่ต่างประเทศแน่ๆ ไม่น่าเป็นห่วง ไรงี้
- หลักฐานยืนยันการจองโรงแรมหรือที่พัก ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ในแพลนของเรามีวันนึงที่ต้องนั่งรถบัสข้ามคืน เราก็ปริ้นรายละเอียดและราคานั้นแหล่ะแนบไป เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉะนั้นง่ายๆคืออย่าให้เกิดคำถามว่า เอ๊ะ แล้วคืนนี้พักที่ไหน ทำไมไม่มีข้อมูล บางคนบอกว่านอนกับเพื่อน แต่เข้าใจมะ มันไม่มีหลักฐานอ่ะ ถ้านอนกับเพื่อนวิธีทำให้เป็นหลักฐานก็คือง่ายๆ ให้เพื่อนส่งเมล์มา บอกชื่อที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ความสัมพันธ์ ระบุว่าให้นาย/นางสาวนี่มานอนด้วย เพราะเราเคยเจอกัน เคยทำงานด้วยกัน บลาๆๆ แต่มานอนเฉยๆนะ ชั้นไม่ได้ออกเงินหรือโฮสท์อะไร บลาๆๆๆ แนบสำเนาพาสปอร์ตมาด้วย เห็นมะ แค่นี้ก็มีหลักฐานแล้ว (ปล. เราไม่ได้ใช้วิธีการนี้ เพราะมันจะเกิดคำถามตามมาเยอะมาก ตอบได้แหล่ะ แต่ไม่อยากให้ยุ่งยาก)
- แผนการเดินทางโดยละเอียด ในแผนของเราจะระบุว่า วันลำดับที่ 1 ตรงกับวันที่ ฉันจะอยู่ที่เมืองนี้ ประเทศนี้ ทำอะไร เดินทางอย่างไร ถ้านั่งรถไฟจะนั่งขบวนหมายเลยนี้ ต่อด้วยหมายเลขนี้ ถึงจุดหมายเวลานี้ บลาๆๆๆ จริงๆระบุค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆด้วยก็ได้ แต่เราไม่ได้ใส่ คือทำไว้หมดแล้วแต่ไม่ได้ใส่ลงไป) อันนี้สำคัญเหมือนกัน คือจะไปเที่ยวใช่ป้ะ ต้องรู้ดิว่าจะไปไหนบ้าง ฉะนั้น อ่านและจำด้วย เพราะเดี๋ยวเค้าจะถาม อย่างเช่น ไปไหนบ้าง ไปทำไม ไปกี่วัน อยู่เยอรมันกี่วัน อยู่เวียนนากี่วัน ไปยังงัย นอนไหน บลาๆๆ ถ้าเด๋อด๋า ดูไม่รู้สี่รู้แปดก็จะโดนถามเยอะกว่าปกติ
- หลักฐานการจองเที่ยวบิน
- หลักฐานการจองหรือรายละเอียดตั๋วรถไฟ/รถบัส จริงๆต้องบอกว่ามันสำคัญแต่ไม่สำคัญนะตรงนี้ มันสำคัญคือสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ไม่สำคัญเพราะบางทีมันน่าเชื่อถือแต่สุดท้ายถ้าวีซ่าไม่ผ่านก็เสียเงิน ฟรีๆอ่ะดิ ฉะนั้นแค่พอมีอ้างอิงให้เค้ารู้ว่าเรารู้นะ เรารู้ เราเอาจริงนะ เราตั้งใจเว่ย
- สมุดบัญชีเงินฝากและ Bank Guarantee ไม่ต้องแนบ pay in slip (เตรียมไปด้วยแต่ไม่ต้องยื่น) จริงๆย้อนหลัง 3 เดือนก็พอ แต่ผมขอไป 6 เดือน คำถามคือเงินเท่าไหร่ถึงพอ จริงๆตรงนี้ไม่มีกฏใดๆตายตัว แต่ต้องแบบว่าดูแล้วเพียงพอต่อระยะเวลาที่คุณจะไปอยู่ แค่นั้น มีพี่คนนึงยื่นไปไม่กี่หมื่นเอง แต่คือเอกสารอื่นๆมันเพียงพอต่อความเชื่อถือไง สุดท้ายวีซ่าก็ผ่าน ปล. สเตทเม้นอ่ะ ยอดที่ระบุยอดสุดท้ายคือยอดของวันก่อนหน้า 1 วัน หรือเอาง่ายๆเอาเงินใส่วันนี้ขอสเตทเม้นท์วันนี้ไม่ได้ ต้องรอไปอีก 1 วัน และๆการจะทำให้สเตทเม้นท์น่าเชื่อถือคือถ้ารู้ว่าจะไปขอวีซ่าอ่ะ 3 เดือนล่วงหน้าก็เอาเงินมาเข้าๆออกๆเล่นๆให้มันดูมีเงินเดินสะพัด หน่อยก็โอเค
- หลักฐานทางภาษา ทุนการศึกษาและการศึกษา ที่จะทำให้เรามีความน่าเชื่อถือ
- ภาระผูกพันธุ์ คือถ้าคิดว่าความน่าเชื่อถือจากเอกสารข้างต้นมันยังน้อยไปนะ เตรียมสัญญาผ่อนค่าบ้านค่ารถค่าที่ดินแนบไปเลย ประมาณว่าเออ ชั้นไปแล้วก็ต้องกลับมา หนี้รออยู่ ที่ไปเที่ยวเนี่ยเงินเก็บ
- ทั้งหมดนี้ยื่นแค่ 1 ชุดนะครับ แต่ผมก็เตรียมเผื่อไว้หลายชุดเหมือนกัน
ขั้นตอนและเอกสารก็ประมาณนั้นครับ เอาง่ายๆคือทำให้เค้ารู้ว่าเราพร้อมและเตรียมตัวมาดีแล้วก็พอ
[ การจัดเรียงเอกสาร ] ซึ่งเค้ากำหนดไว้เลยตามนี้ (เอาคลิปเอาแมคออกให้หมดนะครับ)
1. ใบนัดสัมภาษณ์
2. สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มใหม่ เล่มเก่าตามลำดับ
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ติดรูปถ่ายให้เรียบร้อย (รูปอีกใบแนบไว้หน้าสุดของเอกสารทั้งหมด)
4. เอกสารยืนยันที่พัก
5. ใบจองเที่ยวบิน
5. หลักฐานอื่น ๆ เช่น หนังสือรับรองการทำงาน หลักฐานทางการเงิน ใบแนะนำตัว เอกสารทางภาษา อื่นๆใดๆ
6. ปิดท้ายด้วยหลักฐานการประกัน สุขภาพและอุบัติเหตุ
พอถึงเวลาสัมภาKณ์จริงไม่มีอะไรเลยครับ สบายมาก เอกสารครบ เจ้าหน้าที่ถามนิดหน่อย ตรวจสอบเอกสารแล้วไม่มีอะไรก็ ผ่านฉลุย รอฟังผลในอีก 2-3 วันข้างหน้าครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณกระทู้อื่นๆก่อนหน้าและหลายๆเว็บไซต์ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ ผมก็ค่อยๆศึกษาและรวบรวมจากท่านอื่นๆมาเช่นกันครับ ตอนนี้ได้วีซ่าแล้ว รอออกเดินทางอย่างเดียว ขอบคุณนะครับ
[CR] เรื่องเล่า: เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตเยอรมัน ตค 2018
จริงๆไม่มีอะไรยุ่งยากครับ เตรียมเอกสารให้พร้อมตามที่สถานทูตแจ้งไว้ เตรียมข้อมูลการเดินทางให้พร้อม เตรียมข้อมูลส่วนตัวให้พร้อม แค่นี้ก็ผ่านไปครึ่งนึงแล้วครับ
[ ขั้นตอน ]
- ก่อนอื่นเลยมีแพลนในใจก่อนว่าจุดหมายคือที่ไหน แล้วก็นั่งรอๆๆๆ รอจนกว่าตั๋วเครื่องบินจะได้ราคาที่ต้องการ ครั้งนี้แพลนคือไปเที่ยวยุโรปช่วงก่อนคริสมาสต์โดยบินเข้าและออกที่เยอรมัน (8 คืนที่เยอรมัน 7 คืนที่ประเทศอื่นๆ)
- พอได้ตั๋วก็ค่อยๆเก็บตังค์ พร้อมกับดูว่าช่วงเวลาที่ไปจะไปใช้ชีวิตที่เมืองไหนบ้าง
- จากนั้นก็เตรียมเอกสารเดี่ยวกับการเดินทางต่างๆ เช่นใบจองที่พัก ใบจองยานพาหนะ ใบจองโรงละคร ใบจองพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
- แล้วก็เตรียมยื่นเรื่องขอวีซ่า ซึ่งสามารถขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน โดยกดจองคิวในเว็บก่อน ต้องระวังนิดนึงบางคนอาจจะคิดว่าสักเดือนนึงละกัน เป็นไปได้นะที่ช่วงเดือนนึงคิวถูกจองเต็มหมด ไม่สามารถยื่นวีซ่าได้แล้วจะยุ่งนะครับ
- ต้องกรอกเอกสารคำร้องด้วยนะ ผ่านหน้าเว็บเท่านั้น https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/touristenvisum/1678002
- พอถึงวันนัดก็ปริ้นใบนัด ไปสถานทูตก่อนเวลา 30 นาที ที่นี่เค้าทำกันเป็นระบบ เดินไปตามลำดับ ไม่ต้องกังวลว่าจะเอ๋อ แต่ต้องมีสติ (เวลานัดเริ่มตั้งแต่เช้าเลย ผมเลือกรอบ 8 โมงครึ่ง)
- พอไปถึงก็แสดงใบนัดให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า สแกนกระเป๋า ปิดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์แล้วฝากเจ้าหน้าที่ไว้ (เจ้าหน้าที่ก็ไม่ดุนะครับ ช่วยเหลือดีงาม) เดินยื่นเอกสารช่องด้านหน้าเพื่อให้เค้าตรวจสอบขั้นแรก (เดี๋ยวบอกว่าเอกสารต้องเตรียมและเรียงอะไรบ้าง)
- เสร็จแล้วนั่งรอ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่หน้าห้องสัมภาษณ์จะเรียกให้ตรวจเอกสารอีกที
- ราวๆ 15 นาทีก่อนเวลานัดเราจะถูกเรียกให้ไปต่อแถวตรวจเอกสารอีกครั้ง อันนี้ต้องตั้งใจดูและฟังนะ เอาเอกสารที่เตรียมไว้อย่างดียื่นให้เค้าดู เค้าก้เปิดหน่อยๆ ให้เซ็นใบเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วก็บอกให้เราเข้าห้องสัมภาษณ์
- เข้ามาแล้วก็กดคิว เลือกประเภทวีซ่า อย่างวีซ่าท่องเที่ยวกดหมายเลข 1 ช่องสัมภาษณ์จะเป็นเบอร์ 6-11 พอได้บัตรคิวแล้วก็ไปนั่งรอใกล้ๆห้องสัมภาษณ์เลย อย่านั่งไกลนะครับ ถ้าคนเยอะเดี๋ยวกว่าจะผ่านคนมาถึงห้องสัมภาษณ์จะโดนด่าเอา
- พอถึงคิวก็แค่เดินไปหาเจ้าหน้าที่ ยื่นเอกสารใส่ช่องด้านล่าง แล้วก็เริ่มการสัมภาษณ์
- สัมภาษณ์เสร็จจะได้กระดาษ 1 ใบ ในใบนั้นจะเขียน หมายเลขอ้างอิง ระบุว่าจะมารับเองหรือส่งทางจดหมาย เอากระดาษใบนี้ไปจ่ายที่ช่อง 2
- จ่ายเสร็จเอาใบเสร็จไปซื้อซองจดหมาย
- ตอนซื้อซองจดหมายก็เขียนหน้าซองว่าจะให้ส่งไปที่ไหนยังงัยแล้วก็จ่ายเงิน 2300 บาท (บางประเทศขอผ่านเอเย่นจะต้องเสียเงินค่าดำเนินการเพิ่มเติม ไม่ยุ่งยากเท่าเยอรมันแต่เสียเงินเยอะกว่า)
- ได้ซองแล้วก็เอาไปวางที่โต๊ะเจ้าหน้าที่หน้าห้องเบอร์ 10 บอกเค้าด้วยว่าสัมภาษณ์ห้องไหน
- เป็นอันเสร็จกระบวนการ จริงๆดูเยอะแยะตาแป๊ะแมว แต่จริงๆไม่มีอะไร ทุกอย่างตามลำดับขั้นตอน ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรกดดัน แค่เตรียมตัวให้พร้อมเท่านั้นจบ หรือถ้ามีอะไรขาดตกไปเจ้าหน้าที่ก็จะบอกเอง ส่วนการแก้ไขก็ไม่ได้ว่ายากอะไรนัก จัดการได้ถ้ามีสติ
[ เอกสาร ] - ค่อยๆเตรยมไปทีละอย่างนะครับ เอกสารสมบูรณ์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วครับ
- หนังสือเดินทางฉบับจริงที่ยังมีหน้าว่างเกิน 2 หน้าและอายุการใช้มากกว่า 6 เดือน มีผู้หญิงคนนึงอายุพาสปอร์ตเหลือ 3 เดือนนับจากวันเดินทาง ก็โดนให้กลับไปทำพาสปอร์ตใหม่แล้วค่อยมายื่น คือใครที่พาสปอร์ตเหลือ 6 เดือนอ่ะเสี่ยงมาก บางทีเหลือ 7 เดือน ตม บางประเทศยังไม่ให้เข้าเลย มันมีกฏก็จริงแต่มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตมด้ย ฉะนั้น ถ้าวีซ่าเหลือ 6 เดือนหน่อยๆก็ไปทำใหม่เถอะเพื่อความชัวร์
- หนังสือเดินทางเล่มเก่า ถ้าใครเคยได้วีซ่าเชงเก้นแล้วก็ถ่ายเอกสารไปด้วย แนบไปเลย
- รูปถ่าย 2 ใบ ใบแรกติดบนใบคำร้อง ใบที่ 2 เขียนชื่อและหมายเลขพาสปอร์ตไว้ด้านหลัง รูปต้องเป็นแบบไบโอเมตริก ซึ่งเข้าใจง่ายๆคือ "รูปถ่ายที่เห็นหน้าชัดเจนพื้นหลังขาวปริ้นท์บนกระดาษคุณภาพดี" คือไม่เหมือนถ่ายติดบัตรทั่วไปอ่ะ บนรูปจะมีแต่หน้าล้วนๆเลย ไม่มีไหล่โผล่มาเลย (ตัวอย่าง https://bangkok.diplo.de/blob/1376432/a281a264654da28c5f64c8eed01ff062/fotomustertafel-downloaddatei-data.pdf) วิธีถ่ายเอาจริงๆร้านไหนก็ถ่ายได้ แต่ต้องเอาตัวอย่างไปให้เค้าดู และกำชับเลยว่าต้องอย่างงี้เท่านั้น บางร้านจะเถียงาแบบนั้นแบบนี้ก็ได้ครับผมเคยถ่าย ตอนผมไปถ่ายผมก็บอกเค้าเลย "ผมก็เคยถ่ายแบบนั้นแหล่ะ สุดท้ายโดนตีกลับ ต้องไปเสียเงินถ่ายใหม่" ช่วยทำตามที่บอกหน่อยเถอะ
- แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกน (กรอกออนไลน์) ที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ กรอกแล้วก็ปริ้นเลย หรือถ้ายังไม่เสร็จก็เซฟไฟล์ไว้ค่อยมากรอกต่อได้
- ลงนามรับทราบข้อกาหนดตามกฎหมายการพานักในเยอรมนี (ปริ้นท์จากเว็บแล้วมาเซ็น)
- หลักฐานการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ วงเงินความคุ้มครองไม่ต่ากว่า 1.2 ล้านบาท และต้องรวมบริการนำตัวกลับประเทศในกรณีเจ็บป่วยด้วย อันนี้สำคัญมาก ถึงเค้าไม่บังคับก็ควรมีนะครับ
- หนังสือรับรองการทำงานระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงานมา ระยะเวลาที่ลางาน และได้รับการอนุญาตให้พักร้อนแล้ว หลังจากพักร้อนจะกลับมาทำงานปรกติ
- หนังสือแสดงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง อันนี้เหมือนเราบอกจุดหมายของเราให้เค้ารู้อ่ะครับ คือไม่ต้องปั้นเรื่องนะ บอกไปเลยตรงๆ (แต่ก็ให้มีความเหมาะสม) เราเขียนว่า ชื่ออะไร ทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร ทำมากี่ปีแล้ว ปกติชอบเดินทาง ชอบเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค เคยไปแบ็คแพ็คมาแล้วทั้งเช่นที่ สิงคโปร์ จีน อัมสเตอร์ดัม ปารีส บลาๆๆๆ แต่เราเนี่ยยังไม่เคยสัมผัสฟีลของยุโรปช่วงคริสมาต์ที่เค้าว่าสวยนักสวยหนาเลย ยังช่วยพิจารณาด้วยนะ บลาๆๆๆๆ อีกอย่างนึงนะ ไอ้ใบนี้นี่มันทำให้เจ้าหน้าที่เค้ารู้ด้วยว่า เออพอจะพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้ เอาตัวรอดได้ ไม่ตายอยู่ต่างประเทศแน่ๆ ไม่น่าเป็นห่วง ไรงี้
- หลักฐานยืนยันการจองโรงแรมหรือที่พัก ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ในแพลนของเรามีวันนึงที่ต้องนั่งรถบัสข้ามคืน เราก็ปริ้นรายละเอียดและราคานั้นแหล่ะแนบไป เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉะนั้นง่ายๆคืออย่าให้เกิดคำถามว่า เอ๊ะ แล้วคืนนี้พักที่ไหน ทำไมไม่มีข้อมูล บางคนบอกว่านอนกับเพื่อน แต่เข้าใจมะ มันไม่มีหลักฐานอ่ะ ถ้านอนกับเพื่อนวิธีทำให้เป็นหลักฐานก็คือง่ายๆ ให้เพื่อนส่งเมล์มา บอกชื่อที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ความสัมพันธ์ ระบุว่าให้นาย/นางสาวนี่มานอนด้วย เพราะเราเคยเจอกัน เคยทำงานด้วยกัน บลาๆๆ แต่มานอนเฉยๆนะ ชั้นไม่ได้ออกเงินหรือโฮสท์อะไร บลาๆๆๆ แนบสำเนาพาสปอร์ตมาด้วย เห็นมะ แค่นี้ก็มีหลักฐานแล้ว (ปล. เราไม่ได้ใช้วิธีการนี้ เพราะมันจะเกิดคำถามตามมาเยอะมาก ตอบได้แหล่ะ แต่ไม่อยากให้ยุ่งยาก)
- แผนการเดินทางโดยละเอียด ในแผนของเราจะระบุว่า วันลำดับที่ 1 ตรงกับวันที่ ฉันจะอยู่ที่เมืองนี้ ประเทศนี้ ทำอะไร เดินทางอย่างไร ถ้านั่งรถไฟจะนั่งขบวนหมายเลยนี้ ต่อด้วยหมายเลขนี้ ถึงจุดหมายเวลานี้ บลาๆๆๆ จริงๆระบุค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆด้วยก็ได้ แต่เราไม่ได้ใส่ คือทำไว้หมดแล้วแต่ไม่ได้ใส่ลงไป) อันนี้สำคัญเหมือนกัน คือจะไปเที่ยวใช่ป้ะ ต้องรู้ดิว่าจะไปไหนบ้าง ฉะนั้น อ่านและจำด้วย เพราะเดี๋ยวเค้าจะถาม อย่างเช่น ไปไหนบ้าง ไปทำไม ไปกี่วัน อยู่เยอรมันกี่วัน อยู่เวียนนากี่วัน ไปยังงัย นอนไหน บลาๆๆ ถ้าเด๋อด๋า ดูไม่รู้สี่รู้แปดก็จะโดนถามเยอะกว่าปกติ
- หลักฐานการจองเที่ยวบิน
- หลักฐานการจองหรือรายละเอียดตั๋วรถไฟ/รถบัส จริงๆต้องบอกว่ามันสำคัญแต่ไม่สำคัญนะตรงนี้ มันสำคัญคือสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ไม่สำคัญเพราะบางทีมันน่าเชื่อถือแต่สุดท้ายถ้าวีซ่าไม่ผ่านก็เสียเงิน ฟรีๆอ่ะดิ ฉะนั้นแค่พอมีอ้างอิงให้เค้ารู้ว่าเรารู้นะ เรารู้ เราเอาจริงนะ เราตั้งใจเว่ย
- สมุดบัญชีเงินฝากและ Bank Guarantee ไม่ต้องแนบ pay in slip (เตรียมไปด้วยแต่ไม่ต้องยื่น) จริงๆย้อนหลัง 3 เดือนก็พอ แต่ผมขอไป 6 เดือน คำถามคือเงินเท่าไหร่ถึงพอ จริงๆตรงนี้ไม่มีกฏใดๆตายตัว แต่ต้องแบบว่าดูแล้วเพียงพอต่อระยะเวลาที่คุณจะไปอยู่ แค่นั้น มีพี่คนนึงยื่นไปไม่กี่หมื่นเอง แต่คือเอกสารอื่นๆมันเพียงพอต่อความเชื่อถือไง สุดท้ายวีซ่าก็ผ่าน ปล. สเตทเม้นอ่ะ ยอดที่ระบุยอดสุดท้ายคือยอดของวันก่อนหน้า 1 วัน หรือเอาง่ายๆเอาเงินใส่วันนี้ขอสเตทเม้นท์วันนี้ไม่ได้ ต้องรอไปอีก 1 วัน และๆการจะทำให้สเตทเม้นท์น่าเชื่อถือคือถ้ารู้ว่าจะไปขอวีซ่าอ่ะ 3 เดือนล่วงหน้าก็เอาเงินมาเข้าๆออกๆเล่นๆให้มันดูมีเงินเดินสะพัด หน่อยก็โอเค
- หลักฐานทางภาษา ทุนการศึกษาและการศึกษา ที่จะทำให้เรามีความน่าเชื่อถือ
- ภาระผูกพันธุ์ คือถ้าคิดว่าความน่าเชื่อถือจากเอกสารข้างต้นมันยังน้อยไปนะ เตรียมสัญญาผ่อนค่าบ้านค่ารถค่าที่ดินแนบไปเลย ประมาณว่าเออ ชั้นไปแล้วก็ต้องกลับมา หนี้รออยู่ ที่ไปเที่ยวเนี่ยเงินเก็บ
- ทั้งหมดนี้ยื่นแค่ 1 ชุดนะครับ แต่ผมก็เตรียมเผื่อไว้หลายชุดเหมือนกัน
ขั้นตอนและเอกสารก็ประมาณนั้นครับ เอาง่ายๆคือทำให้เค้ารู้ว่าเราพร้อมและเตรียมตัวมาดีแล้วก็พอ
[ การจัดเรียงเอกสาร ] ซึ่งเค้ากำหนดไว้เลยตามนี้ (เอาคลิปเอาแมคออกให้หมดนะครับ)
1. ใบนัดสัมภาษณ์
2. สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มใหม่ เล่มเก่าตามลำดับ
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ติดรูปถ่ายให้เรียบร้อย (รูปอีกใบแนบไว้หน้าสุดของเอกสารทั้งหมด)
4. เอกสารยืนยันที่พัก
5. ใบจองเที่ยวบิน
5. หลักฐานอื่น ๆ เช่น หนังสือรับรองการทำงาน หลักฐานทางการเงิน ใบแนะนำตัว เอกสารทางภาษา อื่นๆใดๆ
6. ปิดท้ายด้วยหลักฐานการประกัน สุขภาพและอุบัติเหตุ
พอถึงเวลาสัมภาKณ์จริงไม่มีอะไรเลยครับ สบายมาก เอกสารครบ เจ้าหน้าที่ถามนิดหน่อย ตรวจสอบเอกสารแล้วไม่มีอะไรก็ ผ่านฉลุย รอฟังผลในอีก 2-3 วันข้างหน้าครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณกระทู้อื่นๆก่อนหน้าและหลายๆเว็บไซต์ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ ผมก็ค่อยๆศึกษาและรวบรวมจากท่านอื่นๆมาเช่นกันครับ ตอนนี้ได้วีซ่าแล้ว รอออกเดินทางอย่างเดียว ขอบคุณนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้