อยู่ญี่ปุ่น 15 วัน กับเงินคนละ 20,000 บาท!!!

วันนี้เฟซบุคแจ้งเตือนครบ 1 ปีของการไปเที่ยวญี่ปุ่น ใช่ค่ะเราไปมาเมื่อปีที่แล้ววันที่ 15 - 29 ตุลาคม 2560 ก่อนจะไปเนี่ย เราก็วางแผนล่วงหน้าไว้อย่างดี จะเที่ยวที่ไหน พักที่ไหน เดินทางยังไง จดทุกอย่างในไดอารี่ (เป็นคนชอบจด) คือเอาเป็นว่าพร้อมสุดๆ ครั้งนี้เราไปกับพ่อแล้วก็แฟนจ้า ไปกัน 3 คน เราเลือกที่จะไปภูมิภาคคันไซ เพราะอะไรไม่รู้ ตอนนั้นตั๋วเครื่องบินถูกดีเลยมาเที่ยวที่นี่ 5555555

แพลนของเราก็คือ เที่ยวคันไซ 6 วัน ชุบุ 3 วัน แถบคันโต 4 วัน และกลับมาที่โอซาก้าเพื่อนั่งเครื่องกลับ แต่!!!!!!! แพลนมันล่ม! ล่ม! ล่ม!!!
เพราะก่อนจะเดินทาง พวกเรานั่งแท็กซี่มาลงดอนเมือง แล้วพ่อเราดั้นลืมมือถือไว้ในรถไง แล้วในมือถือเนี่ยก็มีพวกธุรกรรมทางการเงินเยอะแยะมากมายและพ่อเราไม่ล็อคเครื่อง!! โทรตามไปแท็กซี่ก็ไม่รับสาย โทรไปเป็น 10 รอบก็ไม่รับ พ่อก็ใช้มือถืออีกเครื่องโทรไปอายัดบัตรไว้ ทุกบัตร!!

ยังยิ้มได้ ยิ้ม

อายัดปุ๊ป พึ่งนึกออกว่าไม่ได้กดตังมาแลกเพิ่ม ของเดินที่แลกมารวมกันคือ 6 หมื่นกว่าบาท ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีก็เลยไม่ยืมเงินใครทั้งนั้น!! เที่ยวแบบนี้แหละ แค่ประหยัดก็พอ!! แต่ว่าก็ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป เพราะก่อนมาที่นี่เราจองที่พักพร้อมจ่ายเงินไว้เรียบร้อยแล้ว อิอิ เราจองที่พักไว้ใน Airbnb ที่สะอาด คนรีวิวเยอะ และน่าอยู่ ได้อารมณ์อยู่บ้านกับคนญี่ปุ่นไรงี้

และแล้วเราก็มาถึงญี่ปุ่นจ้า มาถึงแล้วโอซาก้าของช้านนนน มาถึงตอน 5 ทุ่มสนามบินปิด! ไวไฟไม่ดี! ไม่มีร้านขายซิมเนต! อ่านญี่ปุ่นไม่ออก! พูดญี่ปุ่นไม่ได้! (พลาดเรื่องนี้ไปจริงๆพราะก่อนมาลืมนึกถึงซิมเนตไง คิดถึงแต่ที่เที่ยวกะที่กิน) เราเดินวนอยู่หน้าตู้กดตั๋วนานมาก กดดีไม่กดดี แฟนเราก็วิ่งไปหาไวไฟ เราพูดอังกฤษเค้าก็ไม่รู้เรื่อง แล้วช้านจะเข้าที่พักยังไงงง!!!! เพราะการเดินทางเข้าที่พักทุกอย่างเจ้าของที่พักจะส่งมาให้ใน e-mail ละมันเปิดไม่ได้ไง และ ลืมสมุดไดอารี่ไว้ที่บ้าน โอ้ยเวรกรรม


จนในที่สุดฟ้าก็เป็นใจ ไวไฟก็ดีขึ้นมานิดนึง เลยรีบหา รีบแคปหน้าจอ ไปถามเจ้าหน้าที่คุยกันภาษามืออยู่นานเค้าก็กดตั๋วให้ รีบวิ่งลงไปที่สถานีเพื่อรอขึ้นรถไฟ เพราะจำได้ว่าอีกไม่กี่นาทีรถไฟจะมาถึงแล้ว พอลงบันไดปุ๊บเอ้า!! มีสองฝั่งซ้ายขวา ละสรุปขึ้นฝั่งไหน เลขอะไรนะ เอ้อออเวรกรรม แต่!!!! โชคดีเจอคนไทยจ้า!! รู้ว่าเป็นคนไทย เพราะเรากำลังตัดพ้อกับชีวิต 5555 แล้วพี่เค้าดันได้ยิน โชคดีมั้ยล่ะ 55555 เราก็เลยถามเค้า เค้าเป็นคนไทยที่มาดูงานที่ญี่ปุ่นพอจะคุ้นเคยเส้นทาง พี่เค้าก็บอกทาง และแชร์เนตให้เพื่อหาเส้นทาง เค้าใจดีมากเลยช่วยบอกว่าเราต้องไปลงป้ายไหน ยังไง โอ้ยยย รอดตาย!!


มาถึงสถานีเราก็ต้องเดินเข้าที่พักอีกครึ่งชั่วโมง เพราะแท็กซี่เค้าไม่รับแล้วอ่ะเวลานี้ เศร้าใจ ฝนก็ตก หนาวก็หนาว จะเที่ยงคืนแล้วด้วย หิวอีก ไม่มีร้านไหนเปิดเลย แต่ยังโชคดีที่มี familymart เปิดอยู่ อาหารที่ญี่ปุ่นครั้งแรกก็คือ ข้าวปั้นนั้นเอง!! มีชานมไข่มุกด้วย อร่อยมากกกก 10/10
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่