กุ้ง...หอย...ปู...ปลา...1/2

กระทู้สนทนา
.




              มีคนเคยบอกว่า บรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลาย มันมีชีวิต แต่ไม่มีจิตใจที่จะรู้สึกนึกคิด ไม่มีความหวาดกลัว รัก โลภ โกรธ หลง  จะตายอย่างไรก็ค่า  ผมได้ฟังแล้วหัวเราะในใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจหมายถึงว่าบรรดาสรรพสัตว์พวกนั้นอยู่ในภาวะบรรลุหลุด พ้นไปจากกิเลสทั้งหลาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ทั้งหลายแล้วนั่นเอง
    
             หมายถึงว่า กุ้งหอย ปู ปลา บรรลุนิพพาน หลุดพ้น อย่างนั้นหรือ เพราะมนุษย์อยู่เบื้องบนของปิรามิดอาหาร    ฆ่า...  กิน... และกิน...  เพียงแต่ไม่ใช่การกินเพราะความอยู่รอด แต่เป็นการกินบาป และสนองตัณหา ความอยากของตัวเองลงไปในส่วนผสมของชีวิตตัวเอง   โดยใช้ตรรกะที่เข้าข้างตัวเอง สิ่งมีชีวิตอื่นเกิดมาให้ข้าพเจ้าสวาปาม   เราจึงเห็นสัตว์หลายชนิดดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอดจากปาก  ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า  ‘มนุษย์’


            ใช่..  ผมบรรลุแล้ว...แต่ผมก็ไม่ได้คุยเรื่องแบบนี้กับใครเท่าไรหรอกครับ โดยเฉพาะพวกหมอและพยาบาล ซึ่งมักจะพาผมไปในห้องแคบๆ และซักถามด้วยคำถามอันน่าเบื่อหน่าย ซึ่งผมก็ตอบเท่าที่จำเป็นและระมัดระวัง

            ทำไมผมถึงเข้ามาอยู่ใน สถาบันวิเคราะห์ทางจิต  โดยไม่มีใครมาเชิญหรือขอร้อง และมานั่งเขียนบันทึกเล่มนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน คุณหมอบอกอย่าเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังเชียวนะครับ ผมอายก็เป็น...ใช่...ผมอายถึงเรื่องจะเล่าต่อไปนี้..ใช่..ผมอาจจะบ้า..ถึงจะบ้าก็ตามเถอะครับ บ้าแต่ก็ไม่ได้หน้าด้าน

             น่า....ฟังเรื่องเล่าของผมก่อน

            วันนั้น..เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ผมและเธอ.....เธอในวันนั้นหมายถึงแฟนของผมเอง  หรือจะเรียกว่าคนรัก คู่ควง  อะไรก็ช่างเถอะ ผมไม่สนใจ   ส่วนเธอในวันอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นแฟนของใคร แต่ช่างเถอะครับ วันนี้เธอเป็นแฟนของผม  คุณจะคาดหวังอะไร กับ ความรัก ในปัจจุบัน  นั่นไม่สำคัญเท่าเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ถึงไหนแล้วนะ....อ๋อ...! ถึงผมและเธอ กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูหราราคาแพง ผมไม่อยากไปเท่าไรหรอกครับ เพราะชอบร้านส้มตำปูปลาร้าปากซอยมากกว่า แต่ขัดใจเธอไม่ได้


            ผู้หญิงก็เป็นเสียแบบนี้ล่ะครับ...อ้อ...เรื่องนี้รู้แค่พวกเรา  อย่าลืมนะครับ ว่าห้ามไปบอกใคร โดยเฉพาะพวกพยาบาลสาว ๆ เดี๋ยวพวกเธอจะหาว่าผมบ้า และหาว่าผมนินทาพวกเธอ แล้วพวกเธอจะให้ผมกินยาผิด ผมก็แย่สิครับ...พวกพยาบาลส่วนใหญ่สวยน่ารัก แต่น่ากลัว หากขัดใจพวกเธอ

            คนรักของผม...อย่างน้อยผมก็พยายามจะเรียกเธอว่าอย่างนั้น...เธอลากกึ่งบังคับผมมาร้านอาหารใหญ่โตโอ่อ่า คนก็เยอะ รอก็รอนาน ผมไม่ชอบเอาเสียเลย แอร์ก็ไม่มี ร้อนก็ร้อน

            อาหาร ที่สั่งยังไม่มาเสียด้วยซ้ำ ผมก็เริ่มได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วร้าน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส ผมมองหน้าคนโน้นคนนั้นเหมือนจะถามว่า ได้ยินอะไรบ้างไหม แต่พวกเธอพวกเขาเหล่านั้นยังทำท่าทางปกติ

            หรือผมจะหูแว่วไปเอง....

            ทัน ใดนั้นเอง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากโต๊ะข้าง ๆ จึงรีบหันไปมองด้วยความตกใจและแปลกใจ สองคนนั้นคงเป็นคนรักกันและพากันมากินอาหารในร้านนี้เหมือนพวกเรา และคงมาก่อนแน่นอน สังเกตจากมีอาหารวางบนโต๊ะอยู่แล้ว

            ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งกายหรูหราสมกับคนรักน่ารัก นั่งตรงกันข้าม  ผมเห็นพวกเขากำลังใช้ส้อมพยายามตั้งใจงัดแงะหอยนางรมตัวใหญ่ออกจาก เปลือกแบบสดๆ

            เสียงหอยกรีดร้องโหยหวน จนขนลุกขนพอง

           ช่วยด้วย....

            หอยร้องได้...ไม่น่าเป็นไปได้   จะเปรียบเทียบอย่างไรดี  คุณจึงจะเข้าใจถึงเสียงแบบนั้น ลองนึกถึงเสียงคนถูกเลาะเนื้อออกจากกระดูกทั้งเป็น คงประมาณนั้นครับ เนื้อหนังสั่นระริกไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส  แต่สายตาวาววามของคนทั้งสอง กลับมองอย่างชื่นชมสมหวัง  ทำไมคุณไม่ลองนึกถึงสภาพของคุณที่ถูกเลาะเนื้อ ออกมาทั้งเป็นล่ะครับ ถ้าคุณยังนึกไม่ออกผมช่วยก็ได้ ลองนึกถึงภาพที่คุณถูกมีดแซะเนื้อ ออกจากกระดูกสิ

          “หอยสดมากนะคะ”   หญิงสาวพูดเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม “ร้านนี้ดีจริง ๆ คัดมาแต่หอยสด ๆ ตัวใหญ่ หอยเป็นหอย เนื้อเป็นเนื้อ ดูสิคะ เนื้อยังสั่นระริกอยู่เลย แบบนี้ต้องอร่อยหวาน”

            ว่าพลางมือเรียวก็งัดหอยออกมาจนได้ เจ้าหอยผู้น่าสงสารยังร้องไม่ยอมหยุด เธอวางมันคงบนจาน ใช้ช้อนตัดน้ำจิ้มรสเผ็ดมาราดลงบนเนื้อหอยระริกร้าวซึ่งเพิ่งถูกถลกเนื้อ เป็น ๆ แล้วเธอก็ใฃ้ส้อมตักหอยส่งลงน้ำจิ้ม ยกใส่ปาก เคี้ยวอย่างอร่อยจัดจนหูตาเหลือก

          “โอ๊ย......”     เสียงหอยนางรมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เหมือนคนมีแผลสด แล้วราดด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน “เจ็บแสบจะตายอยู่แล้ว”

            นั่น...ทะลึ่งพูดเป็นภาษาคนอีก หอยบ้าอะไร เอ๊ะ...หรือผมบ้ากันแน่..ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตว่าหอยพูดได้...แถมพูดแล้วน่าสงสาร

            ผมนั่งตะลึงตัวแข็ง นี่ผมต้องฟั่นเฟือนไปแล้วแน่นอน....

            หอยอีกตัวก็กำลังพยายามดิ้นรนให้พ้นจากส้อมในมือของชายหนุ่ม เลือดของมันมีสีแดงฉานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่มันไม่ควรมีเลือดสีแดง  และคงไม่มีใครเชื่อ เพราะผมเองยังไม่อยากเชื่อ หอยจะมีเลือดสีแดงขนาดนี้เชียวหรือ ไม่เคยเห็น จะต้องมีอะไรผิดปกติ พวกหอยในจานกำลังสั่งเสียกัน เพราะความตายรออยู่ข้างหน้า

          “ลาก่อนเพื่อนรัก”

            เจ้าหอยตัวนั้นสั่งเสียเพื่อนซึ่งเหลืออีกสองสามตัวบนจานอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะถูกดึงออกมาและยัดใส่ปากของชายหนุ่ม ซึ่งทำหน้าที่บดเคี้ยวขยี้ราวเป็นเครื่องจักรมรณะ เจ้าหอยผู้น่าสงสารพยายามดิ้นรน ตามสัญชาตญาณของการเอาตัวรอดจนกระทั่งถูกบด ขยี้แหลกเหลวเลอะเลือนคลุกเคล้ากับน้ำจิ้มรสเด็ดและใบกระถิน กระทั่งเสียง ร้องขาดหายไปเมื่อถูกกลืนลงไปในหลุมดำ

            “ที่รัก”...หอยสาวตัวหนึ่งร่ำร้องถึงหอยรัก ซึ่งไม่รู้ว่า ถูกวางลงบนตำแหน่งใดบนจาน เธอเพียงคร่ำครวญหาหอยรักเท่านั้น

          “ชาติหน้าถ้ามี  เราจะเกิดเป็นหอย เคียงคู่กันอีกนะที่รัก”

          “ชาติหน้าถ้ามี ให้พี่ได้พบรักเธอ อยู่เรียงเคียงขวัญบำเรอจะ รักเธอไม่รู้เสื่อมคลาย ให้เราเคียงรัก ร่วมรักกันมิรู้แหนงหน่าย รักกันจวบจนวันตายอย่ามีมารร้ายคอยตามรามา ชาติหน้าถ้ามีให้พี่ได้พบดวงใจ ให้เราครองรักกันไป ให้รักกันไม่รู้เสื่อมทราม อย่าได้แรมร้างสมอย่างใจรักในชาติหน้า รักเอยอย่าทรมา รักเอยอย่าพาให้ร้าวระทม มีกรรมขอทนแต่เพียงชาตินี้”

          หอยอีกตัวร้องเป็นบทกวีเพลง  แน่นอนว่าเขา  เอ....ผมควรจะเรียกหอยว่าเขาไหมนะ...หรือจะเรียกว่าตัว...ผมไม่แน่ใจว่าหอยมีเพศหญิงเพศชายหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เสียงของพวกเขารบกวนจิตใจเหลือเกิน

         บางอย่างทำให้ผมหันหน้าขึ้นมอง

         ป้ายร้านอาหาร เขียนตัวโต ราวกับป้ายหาเสียงของผูแทนราษฏร

         ร้านนี้...

         กุ้งเผาเป็น ๆ

         หอยเผา เป็นๆ

         ปลาเผาเป็นๆ

         ปูเผาเป็น ๆ

            ผมรู้สึกอยากจะอ้วก
        
         “เป็นอะไรไปคะ หน้าซีดเชียว..”    เสียงของคนรักแววในหูในขณะผมกำลังตาลายเหมือนจะเป็นลม แต่จะให้ผมบอกว่า ช่วยด้วย...หอยพูดได้..ช่วยหอยด้วย...อย่ากินหอย..แบบนั้นใครจะไปเชื่อล่ะครับ

            ผมลุกขึ้น ขอตัวเข้าห้องน้ำ ในขณะนั้นเสียงกรีดร้องยังดังระงมร้าน ผมเดินตามเสียงพวกนั้นไปอย่างไม่ตั้งใจจนถึงห้องครัว ซึ่งเป็นจุดที่เสียงร้องดังหนาแน่นมากที่สุด

            ภาพที่บังเอิญเห็นยิ่งกว่าฝันร้าย!

            ผมไม่ได้ยินเฉพาะเสียงอีกต่อไป เพราะผมเห็นภาพที่คนอื่นมองไม่เห็นเหมือนอย่างที่ผมเห็น

            กุ้ง ตัวใหญ่วางเรียงรายอยู่บนคะแกรงย่างเหนือเตาถ่าน ความร้อนระอุออกมาราวไฟนรก กุ้งพวกนั้นกำลังถูกเผาทั้งเป็น...พวกมันยังไม่ตายแต่ถูกนำมาเผาทั้งยังสด ๆ และมีชีวิตเหมือนพวกผู้คนซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในสมัยโบราณแล้วถูกเผา ทั้งเป็น ร่างกายของบรรดากุ้งบิดเบี้ยวดิ้นรนเร่าๆอย่างแสนเจ็บปวดทรมาน กลิ่นเนื้อเหม็นไหม้คละคลุ้ง บางตัวหันหน้าใช้ขาของพวกมันกอดเกี่ยวกันแบบตายในอ้อมขาของกันและกันอย่าง ไร้ทางเลือก บางทีทั้งสองอาจเป็นกุ้งรักกัน แทนที่จะใช้ชีวิตคู่อย่างสงบสุขในแหล่งน้ำอย่างควรจะเป็น มีลูกมีหลานสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลไปนานเท่านาน...แต่น้ำมือของมนุษย์กลับ ทำลายชีวิตรักสวยงามตามประสากุ้งลงอย่างน่าสยดสยอง


            ร่างกายของมันหงิกงอรวดร้าว ในอ้อมขาซึ่งกันและกัน

           “ลาก่อนที่รัก....”
        
           "ลาก่อน"

            เสียงร้องครั้งสุดท้ายของกุ้งตัวหนึ่งซึ่งพยายามดิ้นรนไปหากุ้งรักซึ่งอยู่ อีกฟากหนึ่งของตะแกรง แต่ไร้ผล...พวกมันเพียงใช้หนวดกุ้งแตะกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจากกันชั่ว กาลนาน






จบบทที่ 1 ครับ

ปล.
  เพลงที่น้องหอย ร้องสั่งลากัน
มาจากเพลงนี้ครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่