สวัสดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มายด์มาแชร์ประสบการการท่องเที่ยวให้ทุกคนได้ฟัง ผิดพลาดหรือยังไม่สนุกตรงไหนต้องขออภัยด้วยน้า
เกริ่นก่อนว่าทริปนี้เนี่ยไปแบบ “ทัวร์” นะคะ ซึ่งประสบการณ์ต่างๆ ก็อาจจะไม่สมบุกสมบันเท่าไรนะ 555 (แต่เอาจริงๆ มันก็สมบุกสมบันอยู่บ้างอ่ะนะ ==”)
และก่อนที่จะขอเล่าประสบการณ์ความสนุกที่เลห์ ลาดักแบบยาวๆ นั้น สำหรับคนที่ไม่ชอบความยืดเยื้อ ชอบอ่านรีวิวสั้นๆ มาค่ะ มายด์ขอเชิญคุณมาอ่านตรงนี้ เพื่อความกระชับ รวดเร็วทันใจ ไม่เสียเวลา อ่านจบจะได้เสริทหาทริปในเลห์ ลาดัก กัน

[รีวิวสั้นๆ] ทริปนี้มายด์ไปกัน 5 คน พ่อ แม่ มายด์ น้องและคุณตา อายุ 60+ นะคะ คนมีายุถ้าแข็งแรงหน่อยสามารมาเที่ยวได้น้า
ค่าทัวร์ต่อคนอยู่ที่ 33,000 บาท รวมตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รวมค่าทำ VISA ให้นะคะ VISA อยู่ที่ 2,000 บาท/คน เลือกไปกับ Travelzeed ทัวร์ พอดีแม่ไปรู้จักมาจากไหนสักที่นี่แหระ
ระยะเวลาทัวร์ 7 วัน (เดินทาง 2 วัน เที่ยวลาดัก 5 วัน) จุดประสงค์หลักส่วนตัวของมายดืคือการไปสัมผัสหิมะ ครั้งแรกในชีวิต แบบจริงๆ ไม่ใช้แบบสร้างขึ้นในห้องเหมือนดรีมเวิลด์ อะไรแบบนั้นอ่ะ
สถานที่เที่ยว
Day 1 และ 7 เป็นช่วงเดินทางนะคะ (ระยะเวลาเดินทางก็เกือบครึ่งวันนะ เพราะต้องรอเปลี่ยนเครื่องที่เดลีด้วย)
Day 2 > เจดีย์สันติภาพ/พระราชวังเลห์/ตลาดท้องถิ่นลาดัก
Day 3 > วัดอัลชิ ชมรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรย/จุดบรรจบกันของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์/Magnetic Hill
Day 4 > นูบรา วัลเลย์/ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก “จุดไฮไลท์ของทริป ที่มีความสูงถึง 18,360 ฟุตจากระดับน้ำทะเล”/ชมวัด Diskit/ขี่อูฐที่นูบรา
Day 5 > ทะเลสาบ Pangong ที่เปลี่ยนสีตามเวลา/ถนนที่มีความสูงอันดับสองของโลก
Day 6 > เยี่ยมครอบครัวท้องถิ่น Stok Village/ชมรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่/Famous Stock Palace/ชอปปิงตลาดนัดท้องถิ่นลาดัก
ค่าเงิน ใช้ได้ทั้ง รูปี และดอลล่า นะคะ แต่หลักๆ ใช้ง่ายๆ รูปีดีกว่า โดยคิดคร่าวๆ แบบนี้
100 รูปี = 50 บาทไทย หาร 2 กันไปเลยนั่นเองนะจ๊ะ

จากทุกๆ สถานที่ที่ลิสมาให้ทุกคนจะบอกว่ามันประทับใจมากกกกกกก เพราะขนาดจุดที่เป็นวัดที่ดูเหมือนน่าเบื่อ จริงๆ แล้วไม่น่าเบื่อเลย ไม่ว่าจะวิวจากวัด หรืออะไรก็ตามมันสวยมากๆ จริงๆ ค่ะ ใครไปถ้าเอาให้คุ้มต้องเข้าทุกที่ ล้างแมมกล้อง แมมมือถือแล้วควักออกมาถ่ายให้หมด ทุกมุมถ่ายรูปสวยๆ ได้หมดเลย และเรื่องวิวยิ่งสูง ยิ่งว๊าว แถมยังยิ่งหนาวมากๆ ด้วย 555
*แต่มีสิ่งที่ต้องรู้ไว้นิดหน่อยก่อนไปลาดัก ซึ่งสำคัญมากนะคะ*
1. อากาศที่นั่นเบาบางมากกกก จากความสูงของพื้นที่ เพราะฉะนั้นค่อยๆ ปรับตัวหายใจช้าๆ ทำอะไรช้าๆ ให้เหมือนกับเจ้าตัวสลอตไปเลย อย่าให้เสียออกซิเจนมากเกินในวันแรกๆ
2. พกยา Dimox สำหรับคนไม่เคยเที่ยวที่สูงๆ แต่จริงๆ ก็ควรกินทุกคนอ่ะ ไกด์บอกมันคือยาเกี่ยวกับพวกรักษาอาการแพ้ความสูง ความดันอากาศอะไรแบบนี้แหระ มายด์ลืม

3. ห้ามถ่ายรูปทหารและเขตทหารเด็ดขาด!
เดือนไหนน่าเที่ยว เลห์ ลาดักซ์นะ
ส่วนมากคนที่จะมาขี่มอไซต์ จะมาตอนช่วงเดือน มิถุนายน อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น ขี่สบาย ไม่ต้องหนาวสั่น
ส่วนพวกทัวร์ก็จะมีทั้งช่วงมิถุนายน และช่วงกันยายน ตุลาคม นี่แหระหลังจากนี้เลห์ ลาดักก็จะปิดการท่องเที่ยวละ เพราะมันหนาวแบบสุดขั้วไปเที่ยวไหนไม่ได้

ถ้าได้ยินไม่ผิดนะ เค้ามีฤดูการท่องเที่ยวจริงๆ แค่ 4 เดือนเท่านั้นค่ะ ที่เหลือทั้งปีก็ไม่รับทัวร์หรือนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ละ
----

จบละ รีวิวสั้นๆ ส่วนรูปนั้น กดเลื่อนผ่านๆ Text ไปดูแต่รูปก็ได้นะฮะ

---
[รีวิวแบบเต็มที่ เผื่ออรรถรสสส]
Photo by Samsung Galaxy Note9 [การแต่งภาพเป็นความชอบส่วนบุคคลนะคะ]
ต้องบอกก่อนว่าเลห์ ลาดัก เนี่ยไม่ใช่ความคิดของมายด์เลยนะที่อยากจะไป แต่มันเกิดขึ้นตรงที่ว่าวันนั้น… ในไลน์ครอบครัว
อยู่ๆ แม่ก็โผล่มาถามทุกคน “ไปเลห์ ลาดักกันมั้ย?”
เฮ้ย!!! ฮัลโหลววว นั่นที่ไหนน่ะ เสริทๆ อ้อๆ สวยๆ มีหิมะ รอไรล่ะ ส่งกลับไปว่า “ OK ค่าาาา ไปแน่นอน”
แน่นอนว่าแม่ไม่ได้รู้จักอยู่แล้วเช่นกัน 55 แต่บังเอิ๊ญ ป๊า เนี่ยเค้าเคยใฝ่ฝัน นอนฝัน กลิ้งฝัน มานานนับปี ว่าอยากจะไปเหลือเกินดินแดนแห่งนี้ จากหนังสือสักเล่มนี่แหระ ที่เค้าขี่มอไซต์มาลาดักซ์มาเที่ยวกัน นางเลยหลงไหลสุดๆ พวกเราทุกคนเลยพร้อมใจกันว่า “ไป!!”

วันเดินทาง [Day 1: 5 ต.ค. 61]
เดอะแก๊งของพวกเราค่อนข้างจะตื่นเต้นนิดๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เลยไปเร็วนิดหน่อย ประมาณเวลาก็ บ่ายกว่าๆ จากที่ไกด์นัดไว้ 17.00 น. แต่เราก็ไม่ใช้เวลาให้เสียป่าวนะจ๊ะ เพราะเราเดินตั้งแต่ชั้นใต้ดินยันชั้น 4 เพื่อทำธุระให้เสร็จสรรพ
ปล. แม่มายด์เลือกแลกเงินก่อนไป โดยไปแลกเงินที่ชั้นใต้ดิน ตู้สีส้มๆ เรทเงินเค้าดี๊ดี ราคามิตรภาพ ไปตรงนั้นได้เลยไม่พลาดแน่นอน
ในทริปนี้เราต้องเปลี่ยนเครื่องด้วยนะคะ เพราะเลห์เป็นเมืองที่ค่อนข้างไกลจากอิเดีย ถ้านับเวลารวมๆ ก็...ครึ่งวันได้อ่ะ เพราะจากไทยไปเดลี 5 ชม. รอเปลี่ยนเครื่อง 6 ชม. ที่เดลี จากเดลีต่อไปเลห์ ลาดัก อีก 2 ชม. ก็เมาเครื่องกันไปเบาๆ เนาะ เอ้อ เราไปสายการบิน Jet Airway นะคะ (ทัวร์จัดมาให้)
บนเครื่องก็บอกก่อนนะว่าต้องทำใจนิดนึงในเรื่องของ “กลิ่น” ไม่ใช่จากเครื่องบินนะคะ แต่มันมาจาก “คน” อย่างที่เรารู้ๆ กันเนาะ แต่ก็นั่นแหระแปลกใหม่ในการนั่งเครื่องดี 555
อีกอย่างที่บนเครื่องที่แปลกใหม่คือ “อาหารและเครื่องดื่ม” คือปกติที่เคยบินมาบ้างนั้น จะไม่ค่อยมีอาหารแจกฟรีสักเท่าไหร่ แต่ที่นี่มีอาหารให้เป็นเซ็ตๆ ทั้งของคาว ของหวาน สลัดผัก น้ำเปล่า นม กาแฟ และยังไม่พอยังมีรถเข็นที่เต้มไปด้วยเครื่องดื่มมหัศจรรย์อย่าง เหล้า วิสกี้ แชมเปน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม อื้อหือออออ อะไรเนี่ยยย เมากันในเครื่องก็ได้หรา งงไปหมด แต่สุดท้ายพวกเราก็ได้แต่ขอน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมเท่านั้น 55555 (เครื่องตอนจากไทย ไป เดลีนะ)

รสชาติก็อร่อยดี สไตล์อินเดียๆ แหระค่ะ ส่วนเครื่องที่ไปเลห์ ลาดัก ก็มีของกินนะ แต่จะเป็นเหมือนเคบับอ่ะ ลืมถ่ายรูปมาเพราะตอนที่เค้าเริ่มแจกของกินอ่ะ มัวแต่มองวิวข้างกระจก บอกว่าเลยใครหลับ มันพลาดม๊ากกกกกกกกกก เพราะวิวที่เราเห็นคือภูเขาสีขาวหลายลูก ขาวแบบขาวจั๊วะ ขาวววไปหมด จนคิดว่าก้อนเมฆ คือมันสวยมากๆๆๆๆ ไม่มีตึกสูงใหญ่มีแต่ภูเขาหิมะธรรมชาติ ที่สวยงามมากๆ เต็มไปหมด จนถ่ายรูปรัวๆ เกือบร้อยรูป แถมยังเป็นตากล้องจำเป็นให้คนข้างๆ คนข้างหลัง คนข้างหน้า อีกด้วย สนุกไปใหญ่
Day 2 -- เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
พอเราลงเครื่อง ตามสไตล์เด็กลูกครึ่งอ่ะเนาะ (ครึ่งอีสาน ครึ่งเหนือน่ะ 55) ก็หน้าสั่นสิคะ รออะไร อากาศบนเครื่องประมาณ 26 องศา อากาศนอกเครื่องประมาณ 10 องศาท่าจะได้ สั่นไปทั้งตัว ทั้งตื่นเต้นทั้งหนาวเลย ฮาา

แต่โชคดีค่ะ โรงแรมที่เราพักไม่ไกลจากสนามบินมาก แค่ 10 นาทีก็ถึงละ

ความหนาวเหน็บเลยค่อยอุ่นขึ้นมา พร้อมกับการต้อนรับน่ารักๆ จากไกด์ท้องถิ่นและโรงแรมที่เอา Welcome Drink เป็นชาท้องถิ่นที่ชื่อว่า “ชามาซาร่า” มาให้เราดื่มร้อนๆ เพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น กลิ่นอ่อนๆ ของชาทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก รสชาติก็จะออกไปคล้ายๆ น้ำเต้าหู้ผสมชาหน่อยๆ อร่อยเลย

พอเรากินชาเสร็จทางไกด์ท้องถิ่นก็แนะนำให้เราทานอาหารแล้วนอนพัก พร้อมเน้นย้ำว่า “ยูต้องนอน ห้ามทำอะไรนอกจาก “นอน” ทั้งนั้น!!” ถ้าถามว่าเชื่อไกด์มั้ย ก็บอกเลยว่า เชื่อ! 55555 (เวลาของไทยจะเร็วกว่าเลห์อยู่ 1 ชม. ครึ่งนะคะ)

รูปนี้ถ่ายไม่ทันก่อนเมฆบังภูเขาหิมะ แต่ง่วงแล้วอ่ะ เลยนอนต่อละลืมถ่ายแก้เลย
เค้าให้เรานอนประมาณ 4 ชม. นิดๆ เพราะตอนที่เราไปถึงมันเวลา 6 โมงเช้าของเลห์อ่ะ ตื่นมาก็มารับประทานยา Dimox ตามคำแนะนำของไกด์แล้วออกเดินทางด้วยรถบัสน้อยๆ 2 คัน ที่บรรจุลูกทัวร์จำนวน 18 คนไป วันแรกก็จัดไปค่ะ 3 สถานที่ ต้อนรับการมาลาดักอย่างประทับใจทั้งวิว อากาศ ประวัติ คือดีย์~
Shanti Stupa จำประวัติไม่ได้นะคะ แต่รู้แค่ว่าวิวบนเจดีย์แห่งนี้สวยงามมากกกกกกกกก เพราะเค้าตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่มองเห็นเมืองเลห์ได้เกือบทั้งเมือง ถ้าดูจากภาพจะเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่แตกต่างกันในพื้นที่เดียวกันอย่างชัดเจนเลยนะคะ


พระราชวังเลห์นี้ประวัติก็ค่อนข้างน่าสนใจ แต่อย่างว่านะ จำไม่ค่อยจะได้ TT อันนี้ก็สวยเพราะมองเห็นวิวหมู่บ้านเป็นหลังๆ เลย แต่น่าเสียดายตอนที่มายด์ไปอีก 5 นาทีมันปิดเลยไม่ได้เข้าอ่ะ แถมต้องเสียค่าเข้าด้วยประมาณ 30 รูปีมั้ง เลยได้แต่เก็บรูปด้านนอกมาฝากทุกคนเลย



รถที่นี่เท่ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ โดยเฉพาะมอไซต์ ไม่รู้ของใครก็ถ่ายรูปมาซะเลย


สุดท้ายของวันแรกไกด์ก็ใจดี๊ ใจดี บอกพวกเราว่าจะพาแวะตลาดนัดท้องถิ่นก่อน ซึ่งความจริงมีแค่วันสุดท้ายก่อนกลับเท่านั้น แต่ด้วยความเวลาเหลือไกด์เลยให้ไปลองเซอร์เวย์ไว้ก่อน แล้วค่อยมาชอปในวันก่อนกลับ เราเลยได้รับชมบรรยากาศตลาดนัดยามค่ำคืนของเมืองเลห์ที่มีสเน่ห์สวยงาม ที่แต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์กันสุดๆ ไปเลย (ไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากเลย มันหนาวจนมือแข็ง หนาวจริงๆ นะคะ หรืออาจจะเป็นเพราะมายด์ปรับตัวไม่ได้ด้วยรึป่าวไม่รู้ แต่หนาวมาก หนาวจนไม่ถ่ายรูปเลยอ่ะ

)
ก่อนรวมตัวกันกลับโรงแรม เหล่าแก๊งของเราก็ได้เดินตามหาของกินจนไปพบกับอะไรสักอย่างย่างๆ อยู่ท่ามกลางความหนาว เลยจัดมาอย่างละ 1 ชุด หน้าตามันตอนอยู่บนไม้น่ากินม๊ากกก แต่พอใส่แพคเกจเท่านั้นแหระ 555555 พิจารณากันเองนะค้า แต่ว่าเรื่องรสชาติเนี่ยอร่อยสุดๆ ไปเลยจริงๆนะ

หนาวนะ แต่ได้รูปของกินมานะ (แอ๊ะ! ยังไง 555)
และแล้ววันแรกก็ดูเหมือนจะจบอย่างมีความสุขแต่เดี๋ยวก่อน!!! ห้องนอนของโรงแรมนั้น… เซอร์ไพรส์ชาวไทยอย่างเราม๊ากกก ตรงที่มีฮีคเตอร์แต่ฮีตเตอร์เปิดไม่ได้! น้ำฝักใบก็ไม่อุ่น เปิดตั้งนานก็เย็นอย่างก่ะอาบน้ำแข็ง จะรอไรล่ะค่ะมองหน้ากันกับคนร่วมห้องแล้วพยักหน้า โอเครู้กัน ไม่อาบน้ำจ้าาาา 555
ปล. โรงแรมส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีฮีทเตอร์อุ่นๆ นะคะ

มาต่อความสนุกกันที่คอมเม้นนะคะ
[CR] หิมะแรกในชีวิตที่สวรรค์บนดิน เลห์ ลาดัก อินเดีย ที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต
เกริ่นก่อนว่าทริปนี้เนี่ยไปแบบ “ทัวร์” นะคะ ซึ่งประสบการณ์ต่างๆ ก็อาจจะไม่สมบุกสมบันเท่าไรนะ 555 (แต่เอาจริงๆ มันก็สมบุกสมบันอยู่บ้างอ่ะนะ ==”)
และก่อนที่จะขอเล่าประสบการณ์ความสนุกที่เลห์ ลาดักแบบยาวๆ นั้น สำหรับคนที่ไม่ชอบความยืดเยื้อ ชอบอ่านรีวิวสั้นๆ มาค่ะ มายด์ขอเชิญคุณมาอ่านตรงนี้ เพื่อความกระชับ รวดเร็วทันใจ ไม่เสียเวลา อ่านจบจะได้เสริทหาทริปในเลห์ ลาดัก กัน
ค่าทัวร์ต่อคนอยู่ที่ 33,000 บาท รวมตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รวมค่าทำ VISA ให้นะคะ VISA อยู่ที่ 2,000 บาท/คน เลือกไปกับ Travelzeed ทัวร์ พอดีแม่ไปรู้จักมาจากไหนสักที่นี่แหระ
ระยะเวลาทัวร์ 7 วัน (เดินทาง 2 วัน เที่ยวลาดัก 5 วัน) จุดประสงค์หลักส่วนตัวของมายดืคือการไปสัมผัสหิมะ ครั้งแรกในชีวิต แบบจริงๆ ไม่ใช้แบบสร้างขึ้นในห้องเหมือนดรีมเวิลด์ อะไรแบบนั้นอ่ะ
สถานที่เที่ยว
Day 1 และ 7 เป็นช่วงเดินทางนะคะ (ระยะเวลาเดินทางก็เกือบครึ่งวันนะ เพราะต้องรอเปลี่ยนเครื่องที่เดลีด้วย)
Day 2 > เจดีย์สันติภาพ/พระราชวังเลห์/ตลาดท้องถิ่นลาดัก
Day 3 > วัดอัลชิ ชมรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรย/จุดบรรจบกันของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์/Magnetic Hill
Day 4 > นูบรา วัลเลย์/ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก “จุดไฮไลท์ของทริป ที่มีความสูงถึง 18,360 ฟุตจากระดับน้ำทะเล”/ชมวัด Diskit/ขี่อูฐที่นูบรา
Day 5 > ทะเลสาบ Pangong ที่เปลี่ยนสีตามเวลา/ถนนที่มีความสูงอันดับสองของโลก
Day 6 > เยี่ยมครอบครัวท้องถิ่น Stok Village/ชมรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่/Famous Stock Palace/ชอปปิงตลาดนัดท้องถิ่นลาดัก
ค่าเงิน ใช้ได้ทั้ง รูปี และดอลล่า นะคะ แต่หลักๆ ใช้ง่ายๆ รูปีดีกว่า โดยคิดคร่าวๆ แบบนี้
100 รูปี = 50 บาทไทย หาร 2 กันไปเลยนั่นเองนะจ๊ะ
*แต่มีสิ่งที่ต้องรู้ไว้นิดหน่อยก่อนไปลาดัก ซึ่งสำคัญมากนะคะ*
1. อากาศที่นั่นเบาบางมากกกก จากความสูงของพื้นที่ เพราะฉะนั้นค่อยๆ ปรับตัวหายใจช้าๆ ทำอะไรช้าๆ ให้เหมือนกับเจ้าตัวสลอตไปเลย อย่าให้เสียออกซิเจนมากเกินในวันแรกๆ
2. พกยา Dimox สำหรับคนไม่เคยเที่ยวที่สูงๆ แต่จริงๆ ก็ควรกินทุกคนอ่ะ ไกด์บอกมันคือยาเกี่ยวกับพวกรักษาอาการแพ้ความสูง ความดันอากาศอะไรแบบนี้แหระ มายด์ลืม
3. ห้ามถ่ายรูปทหารและเขตทหารเด็ดขาด!
เดือนไหนน่าเที่ยว เลห์ ลาดักซ์นะ
ส่วนมากคนที่จะมาขี่มอไซต์ จะมาตอนช่วงเดือน มิถุนายน อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น ขี่สบาย ไม่ต้องหนาวสั่น
ส่วนพวกทัวร์ก็จะมีทั้งช่วงมิถุนายน และช่วงกันยายน ตุลาคม นี่แหระหลังจากนี้เลห์ ลาดักก็จะปิดการท่องเที่ยวละ เพราะมันหนาวแบบสุดขั้วไปเที่ยวไหนไม่ได้
----
[รีวิวแบบเต็มที่ เผื่ออรรถรสสส]
Photo by Samsung Galaxy Note9 [การแต่งภาพเป็นความชอบส่วนบุคคลนะคะ]
ต้องบอกก่อนว่าเลห์ ลาดัก เนี่ยไม่ใช่ความคิดของมายด์เลยนะที่อยากจะไป แต่มันเกิดขึ้นตรงที่ว่าวันนั้น… ในไลน์ครอบครัว
อยู่ๆ แม่ก็โผล่มาถามทุกคน “ไปเลห์ ลาดักกันมั้ย?”
เฮ้ย!!! ฮัลโหลววว นั่นที่ไหนน่ะ เสริทๆ อ้อๆ สวยๆ มีหิมะ รอไรล่ะ ส่งกลับไปว่า “ OK ค่าาาา ไปแน่นอน”
แน่นอนว่าแม่ไม่ได้รู้จักอยู่แล้วเช่นกัน 55 แต่บังเอิ๊ญ ป๊า เนี่ยเค้าเคยใฝ่ฝัน นอนฝัน กลิ้งฝัน มานานนับปี ว่าอยากจะไปเหลือเกินดินแดนแห่งนี้ จากหนังสือสักเล่มนี่แหระ ที่เค้าขี่มอไซต์มาลาดักซ์มาเที่ยวกัน นางเลยหลงไหลสุดๆ พวกเราทุกคนเลยพร้อมใจกันว่า “ไป!!”
เดอะแก๊งของพวกเราค่อนข้างจะตื่นเต้นนิดๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เลยไปเร็วนิดหน่อย ประมาณเวลาก็ บ่ายกว่าๆ จากที่ไกด์นัดไว้ 17.00 น. แต่เราก็ไม่ใช้เวลาให้เสียป่าวนะจ๊ะ เพราะเราเดินตั้งแต่ชั้นใต้ดินยันชั้น 4 เพื่อทำธุระให้เสร็จสรรพ
ปล. แม่มายด์เลือกแลกเงินก่อนไป โดยไปแลกเงินที่ชั้นใต้ดิน ตู้สีส้มๆ เรทเงินเค้าดี๊ดี ราคามิตรภาพ ไปตรงนั้นได้เลยไม่พลาดแน่นอน
ในทริปนี้เราต้องเปลี่ยนเครื่องด้วยนะคะ เพราะเลห์เป็นเมืองที่ค่อนข้างไกลจากอิเดีย ถ้านับเวลารวมๆ ก็...ครึ่งวันได้อ่ะ เพราะจากไทยไปเดลี 5 ชม. รอเปลี่ยนเครื่อง 6 ชม. ที่เดลี จากเดลีต่อไปเลห์ ลาดัก อีก 2 ชม. ก็เมาเครื่องกันไปเบาๆ เนาะ เอ้อ เราไปสายการบิน Jet Airway นะคะ (ทัวร์จัดมาให้)
บนเครื่องก็บอกก่อนนะว่าต้องทำใจนิดนึงในเรื่องของ “กลิ่น” ไม่ใช่จากเครื่องบินนะคะ แต่มันมาจาก “คน” อย่างที่เรารู้ๆ กันเนาะ แต่ก็นั่นแหระแปลกใหม่ในการนั่งเครื่องดี 555
อีกอย่างที่บนเครื่องที่แปลกใหม่คือ “อาหารและเครื่องดื่ม” คือปกติที่เคยบินมาบ้างนั้น จะไม่ค่อยมีอาหารแจกฟรีสักเท่าไหร่ แต่ที่นี่มีอาหารให้เป็นเซ็ตๆ ทั้งของคาว ของหวาน สลัดผัก น้ำเปล่า นม กาแฟ และยังไม่พอยังมีรถเข็นที่เต้มไปด้วยเครื่องดื่มมหัศจรรย์อย่าง เหล้า วิสกี้ แชมเปน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม อื้อหือออออ อะไรเนี่ยยย เมากันในเครื่องก็ได้หรา งงไปหมด แต่สุดท้ายพวกเราก็ได้แต่ขอน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมเท่านั้น 55555 (เครื่องตอนจากไทย ไป เดลีนะ)
Day 2 -- เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
พอเราลงเครื่อง ตามสไตล์เด็กลูกครึ่งอ่ะเนาะ (ครึ่งอีสาน ครึ่งเหนือน่ะ 55) ก็หน้าสั่นสิคะ รออะไร อากาศบนเครื่องประมาณ 26 องศา อากาศนอกเครื่องประมาณ 10 องศาท่าจะได้ สั่นไปทั้งตัว ทั้งตื่นเต้นทั้งหนาวเลย ฮาา
เค้าให้เรานอนประมาณ 4 ชม. นิดๆ เพราะตอนที่เราไปถึงมันเวลา 6 โมงเช้าของเลห์อ่ะ ตื่นมาก็มารับประทานยา Dimox ตามคำแนะนำของไกด์แล้วออกเดินทางด้วยรถบัสน้อยๆ 2 คัน ที่บรรจุลูกทัวร์จำนวน 18 คนไป วันแรกก็จัดไปค่ะ 3 สถานที่ ต้อนรับการมาลาดักอย่างประทับใจทั้งวิว อากาศ ประวัติ คือดีย์~
Shanti Stupa จำประวัติไม่ได้นะคะ แต่รู้แค่ว่าวิวบนเจดีย์แห่งนี้สวยงามมากกกกกกกกก เพราะเค้าตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่มองเห็นเมืองเลห์ได้เกือบทั้งเมือง ถ้าดูจากภาพจะเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่แตกต่างกันในพื้นที่เดียวกันอย่างชัดเจนเลยนะคะ
พระราชวังเลห์นี้ประวัติก็ค่อนข้างน่าสนใจ แต่อย่างว่านะ จำไม่ค่อยจะได้ TT อันนี้ก็สวยเพราะมองเห็นวิวหมู่บ้านเป็นหลังๆ เลย แต่น่าเสียดายตอนที่มายด์ไปอีก 5 นาทีมันปิดเลยไม่ได้เข้าอ่ะ แถมต้องเสียค่าเข้าด้วยประมาณ 30 รูปีมั้ง เลยได้แต่เก็บรูปด้านนอกมาฝากทุกคนเลย
รถที่นี่เท่ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ โดยเฉพาะมอไซต์ ไม่รู้ของใครก็ถ่ายรูปมาซะเลย
ก่อนรวมตัวกันกลับโรงแรม เหล่าแก๊งของเราก็ได้เดินตามหาของกินจนไปพบกับอะไรสักอย่างย่างๆ อยู่ท่ามกลางความหนาว เลยจัดมาอย่างละ 1 ชุด หน้าตามันตอนอยู่บนไม้น่ากินม๊ากกก แต่พอใส่แพคเกจเท่านั้นแหระ 555555 พิจารณากันเองนะค้า แต่ว่าเรื่องรสชาติเนี่ยอร่อยสุดๆ ไปเลยจริงๆนะ
และแล้ววันแรกก็ดูเหมือนจะจบอย่างมีความสุขแต่เดี๋ยวก่อน!!! ห้องนอนของโรงแรมนั้น… เซอร์ไพรส์ชาวไทยอย่างเราม๊ากกก ตรงที่มีฮีคเตอร์แต่ฮีตเตอร์เปิดไม่ได้! น้ำฝักใบก็ไม่อุ่น เปิดตั้งนานก็เย็นอย่างก่ะอาบน้ำแข็ง จะรอไรล่ะค่ะมองหน้ากันกับคนร่วมห้องแล้วพยักหน้า โอเครู้กัน ไม่อาบน้ำจ้าาาา 555
ปล. โรงแรมส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีฮีทเตอร์อุ่นๆ นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น