เคยรู้สึกว่าชีวิตไม่มีจุดหมายมั้ยคะ?
ตอนแรกที่เข้ามาเรียน มีจุดมุ่งหมายที่แนวแน่ ชั้นทำได้ เจออะไรก็พร้อมพุ่งชนเสมอ
แต่ตอนนี้มันกลับกันจากตอนนั้นเลยค่ะ
ชีวิตไร้จุดหมาย ไม่อยากก้าวไปไหนต่อเพียงเพราะท้อกับตัวเองและโรคที่เป็นอยู่
โรคซึมเศร้า ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นในทุกๆวัน
ก่อนนี้ตอนเข้ามาเรียน คือชอบมากกกกก มีความสุขกับการได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่วางแผนไว้เป็นฉากๆ ว่าวันข้างหน้าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรียนในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่เรียน จะมีงานที่มั่นคง วางแผนไว้แบบนั้น
จขกท เป็นคนหัวดีค่ะ ไม่ถึงขั้นเป็นหัวกะทิ แต่ก็ฉลาดและเรียนเก่งในระดับหนึ่งเลย
แต่พอมาเจอกับโรคนี้ที่มันแทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันเรื่อยๆ มันก็ส่งผลให้ทุกอย่างแย่ลง โดยเฉพาะการเรียนที่วัดอนาคตของเราได้มากพอสมควร
ปีแรกๆ ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เฟรชชี่ น้องใหม่ เร้ยนดี เพื่อนเยอะ
พอเข้ามาปลายๆปีที่สอง เริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเริ่มผิดปกติแล้ว เริ่มหม่นหมอง เริ่มอารมณ์ฉุนเฉียวแปรปรวน เริ่มร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังกับทุกเรื่องที่ทำให้ปวดใจ (มีปัญหาครอบครัวค่ะ ไม่ขอกล่าวถึง แต่ต้นตอของโรคมาจากตรงนี้) เริ่มอาการต่างๆที่นำไปสู่ โรคซึมเศร้า จนไม่อยากพบปะผู้คน ไปเรียนน้อยลง หายไปจากวงโคจรของใครหลายๆคน และจมอยู่กับตัวเองอยู่แบบนั้นจนเข้าต้นปีที่ 3 ของการเรียน มันแย่ลงทุกขณะ หายไปเป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ต่อเดือน จากนั้นก็หายไปเลย เพื่อนติดต่อไม่ได้ ตามตัวไม่เจอ เพื่อนทราบค่ะว่าเป็นอะไร แต่เหมือนเค้าจะไม่ปักใจเชื่อเรา อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อันนี้ไม่รู้ ทำให้เพื่อนผิดหวัง ไม่เชื่อใจ กลายเป็น คนเพื่อนน้อยในที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่โกรธใครที่เค้าไม่อยากจมอยู่กับชีวิตที่มืดมนของเราหรอกค่ะ
และที่เป็นปัญหาในตอนนี้คือ เข้าสู่ปีที่ 4 ของการเรียนแล้ว ตอนปีสามที่เริ่มหายไป ผลการเรียนก็แย่ลง เนื่องจากไม่ได้ดรอปเรียน พอมาปีนี้จะเอาใหม่ ฮึบใหม่ รีตัวเก่า ตั้งใจใหม่ ต้องกลับไปเป็นคนเดิมให้ได้ ก็กลายเป็นว่า ผ่านมาจะครึ่งเทอม ก็ไม่เป็นผล ยังคงเป็นเหมือนเดิม จนล่าสุดขอดรอปเรียนไป
ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์หลายๆคนก็แล้ว อาจารย์ก็เข้าใจนะคะ ท่านก็หาทางช่วยเราเต็มที่ แต่เป็นเพราะตัว จขกท เอง ที่รู้สึกว่าตัวเองไปต่อไม่ไหวจริงๆ แต่ก็เห็นใจที่บ้าน เค้าก็ถามตลอดว่าใกล้จบรึยัง จะไปฝึกงาน จะทำโปรเจ็คจบ จะแจ้งจบเมื่อไร ถามจนไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเคยทะเลาะกับเค้าทั้งน้ำตา ที่บ้านก็บอกว่าให้เวลาเยียวยาตัวเองนานเกินพอแล้ว น่าจะจัดการตัวเองได้แล้ว
ใจจริงอยากจะออกไปทำงานหรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้มากเลยค่ะ ดีกว่าดรอปเรียนไปวันๆ แต่ความรู้สึกนึกคิดมันไม่โอเคเอาซะเลย ยิ่งคิดว่าต้องกลับมาฮึบต่อ มาเรียนต่อ ก็ยิ่งเครียดมากกว่าเดิม กลัวจะไปต่อไม่ได้ทำไม่ไหว ใจนึงก็อยากจะลาออกเลย ดีกว่าให้ที่บ้านเสียเงินส่งคนไม่มีเป้าหมายในชีวิตอีกแล้วเรียนต่อ
ขอบคุณที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านจนจบนะคะ
อยากให้ใครหลายๆคนมาแชร์มุมมองและความคิดเห็นจริงๆค่ะ
จริงอยู่ค่ะว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัว จขกท เอง
แต่ว่าด้วยความที่มันไปต่อก็ไม่ได้ ไม่ไหวอะไรสักอย่าง ตอนนี้เลยกลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเลยค่ะ เหนื่อยจังเลยนะคะชีวิต มีโอกาสมากกว่าใครหลายคนแต่ก็ทำมันพังเองกับมือ
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของทุกคนนะคะ อย่าเครียดกันมากนะ ยิ้มเข้าไว้
เรียนต่อ ดรอปต่อไป หรือลาออกดี
ตอนแรกที่เข้ามาเรียน มีจุดมุ่งหมายที่แนวแน่ ชั้นทำได้ เจออะไรก็พร้อมพุ่งชนเสมอ
แต่ตอนนี้มันกลับกันจากตอนนั้นเลยค่ะ
ชีวิตไร้จุดหมาย ไม่อยากก้าวไปไหนต่อเพียงเพราะท้อกับตัวเองและโรคที่เป็นอยู่
โรคซึมเศร้า ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นในทุกๆวัน
ก่อนนี้ตอนเข้ามาเรียน คือชอบมากกกกก มีความสุขกับการได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่วางแผนไว้เป็นฉากๆ ว่าวันข้างหน้าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรียนในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่เรียน จะมีงานที่มั่นคง วางแผนไว้แบบนั้น
จขกท เป็นคนหัวดีค่ะ ไม่ถึงขั้นเป็นหัวกะทิ แต่ก็ฉลาดและเรียนเก่งในระดับหนึ่งเลย
แต่พอมาเจอกับโรคนี้ที่มันแทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันเรื่อยๆ มันก็ส่งผลให้ทุกอย่างแย่ลง โดยเฉพาะการเรียนที่วัดอนาคตของเราได้มากพอสมควร
ปีแรกๆ ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เฟรชชี่ น้องใหม่ เร้ยนดี เพื่อนเยอะ
พอเข้ามาปลายๆปีที่สอง เริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเริ่มผิดปกติแล้ว เริ่มหม่นหมอง เริ่มอารมณ์ฉุนเฉียวแปรปรวน เริ่มร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังกับทุกเรื่องที่ทำให้ปวดใจ (มีปัญหาครอบครัวค่ะ ไม่ขอกล่าวถึง แต่ต้นตอของโรคมาจากตรงนี้) เริ่มอาการต่างๆที่นำไปสู่ โรคซึมเศร้า จนไม่อยากพบปะผู้คน ไปเรียนน้อยลง หายไปจากวงโคจรของใครหลายๆคน และจมอยู่กับตัวเองอยู่แบบนั้นจนเข้าต้นปีที่ 3 ของการเรียน มันแย่ลงทุกขณะ หายไปเป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ต่อเดือน จากนั้นก็หายไปเลย เพื่อนติดต่อไม่ได้ ตามตัวไม่เจอ เพื่อนทราบค่ะว่าเป็นอะไร แต่เหมือนเค้าจะไม่ปักใจเชื่อเรา อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อันนี้ไม่รู้ ทำให้เพื่อนผิดหวัง ไม่เชื่อใจ กลายเป็น คนเพื่อนน้อยในที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่โกรธใครที่เค้าไม่อยากจมอยู่กับชีวิตที่มืดมนของเราหรอกค่ะ
และที่เป็นปัญหาในตอนนี้คือ เข้าสู่ปีที่ 4 ของการเรียนแล้ว ตอนปีสามที่เริ่มหายไป ผลการเรียนก็แย่ลง เนื่องจากไม่ได้ดรอปเรียน พอมาปีนี้จะเอาใหม่ ฮึบใหม่ รีตัวเก่า ตั้งใจใหม่ ต้องกลับไปเป็นคนเดิมให้ได้ ก็กลายเป็นว่า ผ่านมาจะครึ่งเทอม ก็ไม่เป็นผล ยังคงเป็นเหมือนเดิม จนล่าสุดขอดรอปเรียนไป
ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์หลายๆคนก็แล้ว อาจารย์ก็เข้าใจนะคะ ท่านก็หาทางช่วยเราเต็มที่ แต่เป็นเพราะตัว จขกท เอง ที่รู้สึกว่าตัวเองไปต่อไม่ไหวจริงๆ แต่ก็เห็นใจที่บ้าน เค้าก็ถามตลอดว่าใกล้จบรึยัง จะไปฝึกงาน จะทำโปรเจ็คจบ จะแจ้งจบเมื่อไร ถามจนไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเคยทะเลาะกับเค้าทั้งน้ำตา ที่บ้านก็บอกว่าให้เวลาเยียวยาตัวเองนานเกินพอแล้ว น่าจะจัดการตัวเองได้แล้ว
ใจจริงอยากจะออกไปทำงานหรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้มากเลยค่ะ ดีกว่าดรอปเรียนไปวันๆ แต่ความรู้สึกนึกคิดมันไม่โอเคเอาซะเลย ยิ่งคิดว่าต้องกลับมาฮึบต่อ มาเรียนต่อ ก็ยิ่งเครียดมากกว่าเดิม กลัวจะไปต่อไม่ได้ทำไม่ไหว ใจนึงก็อยากจะลาออกเลย ดีกว่าให้ที่บ้านเสียเงินส่งคนไม่มีเป้าหมายในชีวิตอีกแล้วเรียนต่อ
ขอบคุณที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านจนจบนะคะ
อยากให้ใครหลายๆคนมาแชร์มุมมองและความคิดเห็นจริงๆค่ะ
จริงอยู่ค่ะว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัว จขกท เอง
แต่ว่าด้วยความที่มันไปต่อก็ไม่ได้ ไม่ไหวอะไรสักอย่าง ตอนนี้เลยกลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเลยค่ะ เหนื่อยจังเลยนะคะชีวิต มีโอกาสมากกว่าใครหลายคนแต่ก็ทำมันพังเองกับมือ
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของทุกคนนะคะ อย่าเครียดกันมากนะ ยิ้มเข้าไว้