คือเนื่องจากผมกำลังตกอยู่ในช่วงกำลังสับสนว่าจะเลือกเรียนต่อในสายไหน ระหว่าง สายสามัญ กับ สายอาชีพ ครับ ขอผมเกริ่นก่อน อาจจะยาวซักนิดนะครับ😅😅😅
ตั้งแต่แรกแล้วแม่ผมส่งผมเข้าเรียนในรร.ที่มุ่งเน้นภาษาจีนตั่งแต่"อ.1"จนตอนนี้ผมอยู่
"ม.3"

ยังไม่เคยย้ายไปไหนเลย555)
รร.ที่ผมเรียนก็ไม่ได้มีหลักสูตรการเรียนการสอนแตกต่างจาก รร.เอกชน หรือ ของรัฐมากเท่าไหร่หรอก แต่ที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นก็คือ "ภาษาจีน"
1 วัน รร.ผมมี7-8คาบจะต้องเรียนวิชาภาษาจีนวัน2คาบที่เหลือก็วิชาหลักอื่นๆทั่วไป5-6คาบ
ซึ่งตั่งแต่เด็กผมไม่ได้ใส่ใจในวิชาภาษาจีนเลยแม้แต่น้อย
(เอาง่ายๆคือไม่เอาอะไรของภาษาจีนเลยและก็รำคาญครูชาวจีนที่มาสอนด้วย)
และนั่นก็คือผมตอนอยู่ระดับประถมแต่พอเริ่มขึ้นมัธยมผมก็ได้รู้ถึงประโยชน์ของภาษาจีนที่ผมเรียนมา"9ปี!!"
(จริงๆแล้วก็พอจับต้นชนปลายได้บ้างแหละเกี่ยวกับหลักสูตรพื้นฐานต่างๆเกี่ยวกับภาษาจีนพอฟังอ่านเขียนรู้เรื่องแต่ไม่ถึงพูดได้100%เอาง่ายๆคืองูๆปลาๆ)
จากปากของคุณครูและผู้ปกครองที่บอกว่า
"ในอนาคตภาษาจีนจะเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้นพอๆกับภาษาอังกฤษ อย่าให้ของดีที่มีอยู่ในตัวตั้งแต่เด็ก ที่ซึมซับมาตลอดอย่างภาษาจีนนั้นหายไปเลย มันมีประโยชน์มากๆแนะนำให้เรียนต่อในระดับสามัญสายศิลป์ภาษาจนถึงมหาลัยและก็ถ้าผลการเรียนและพฤ
ติกรรมน่าพึงพอใจก็สามารถที่จะขอทุนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดังๆในประเทศจีนได้ด้วยนะ จบมาก็สามารถนำความรู้ด้านภาษาที่มีไปต่อยอดใช้ในการทำงานต่างๆกับชาวจีนที่เข้ามาได้ เพราะตอนนี้อิธพลทางเศษฐกิจของจีนกำลังแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆซึ่งนั่นก็รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย นี่แหละคือเหตุผลที่เธอควรจะเลือกเรียนในทางนี้นะ ถ้าเธอเลือกเรียนเธอจะมีภาษีที่ดีกว่าคนอื่นที่เขาไม่มีโอกาสได้เรียนแบบนี้นะ"พวกเขาว่าอย่างนั้นครับ
ผมเลยลองไปปรึกษาพ่อว่าควรเรียนต่อในรร.นี้ต่อไปเรื่อยๆเพื่อผลลัพธ์แบบที่เขาว่าดีไหม ซึ่งกลายเป็นว่าพ่อของผมคิดต่างจากแม่ผมซึ่งนั่นก็คือ
"ป๊าคิดว่าควรจะเรียนต่อในสายสามัญมากกว่านะ"
ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าพ่อยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมบอกผมเลยพยายามจะพูดให้เขาเข้าใจให้ได้จนกระทั่งพ่อบอกกับผมด้วยประโยคยาวๆว่าแบบนี้ครับ
"ที่ป๊าให้เราเรียนในสายช่างหรือสายอาชีพไม่ใช่ว่าป๊าอยากให้เราโตไปทำงานเป็นช่างเกี่ยวกับเครื่องยนห์ต่างๆหรืออื่นๆ แต่อยากให้ลองไปเปิดหูเปิดตาแล้วหาสายที่ตัวเองชอบจริงๆดูลองเอาไปคิดดูนะในยุคดิจิตอลที่เราจะเข้าสู่โลกที่อะไรก็พัฒนาไวขึ้นเต็มไปหมดจนเราตามไม่ทัน เทคโนโลยีหรือไม่ก็พวกแอพพลิเคชั่นต่างๆก็ต้องมีส่วนช่วยในเรื่องภาษาอยู่แล้ว ดูอย่างตอนนี้สิ มันก็มีแอพล่ามแบบมีเสียงแล้วเพียงแค่กดปุ่มแล้วพูดภาษาไหนก็ได้มันก็จะสามารถแปลความหมายให้กับชาวต่างชาติได้เข้าใจและสื่อสารกันได้เป็นช่อดๆแต่อาจจะยังมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงประโยคหรือไวยากรของภาษาแต่ถ้าเป็นยุคที่ทุกอย่างแม้แต่ความคิดเลื่อนไหวความเร็วแสงมันก็ต้องเพอเฟคได้อยู่แล้ว พวกล่ามก็คงตกงานหรือไม่มีงานทำกันไปแล้วล่ะ ถึงเรียนจบจีนมาอาจจะได้ภาษาก็จริงแต่ถ้าเราไม่มีวิชาชีพหรือประสบการ์ณจริงเราได้แต่พูดภาษาอื่นในสิ่งที่เราไม่เข้าใจแล้วใครจะรับเราเข้าทำงาน ไม่มีงานทำจะเอาภาษาไปสื่อสารกับใคร?
แต่ถ้าเลือกเรียนสายอาชีพมีมันไม่ได้มีแค่สายช่างกลหรอกนะ
มันยังมีสายกราฟิค คอมพิวเตอร์ วิศวะ ประดิฐ การคมนาคมขนส่งฯลฯ อีกเยอะ แต่ป๊าแนะนำให้เรียนสาย บัญชีนะเพราะสายนี้มันแยกย่อยลงไปถึงเรื่องต่างๆทางเศรษฐศาสตร์ที่เราสนใจด้วยนะ(ก็จริง!!)ไม่ต้องเก่งเลขหรอกแค่มีรอบคอบและก็ขยันจบมามีงานทำสบายจะตายและอีกอย่างนะการเรียนสายอาชีพนั้นประหยัดเวลาเรียนกว่าสายสามัญ เพราะเเค่เรียนเอาวุธ ปวช.ซึ่งเท่ากับวุธม.6แล้วก็เรียนอีกแค่ไม่กี่ปีเอาวุธ ปวส.เเล้วก็เอาวุธไปสอบสมัครงานได้เลยไม่เหมือนคนที่ไปต่อมหาลัยต้องเรียนจนกว่าคะแนนจะผ่านจนเอาวุธปริญญาบ้าๆบอๆแล้วถึงจะได้ทำงานเรียนจบมาก็ได้แต่ทิษดีปฏิบัติทำงานจริงไม่เป็น คนไม่มีงานส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่เรียนสายสามัญแทนไง
เห็นไหมดีออกจบมามีงานทำแน่นอนกว่าเรียนสายสามัญเยอะ แต่ถ้าอยากเรียนภาษาจีนเพื่อเอาไปใช้สื่อสารกับคนจีนป๊าก็ไม่ว่าดีซะอีกภาษาจีนน่ะเราทบทวนไปควบคู่กับตอนที่เรียนสายอาชีพก็ได้ ถ้าทำได้แบบนั้นเราก็จะได้ภาษีที่มากว่าคนอื่นแบบทวีคูณเลยล่ะ แถมเราเองก็ยังเก่งภาษาอังกฤษมากอยู่แล้วด้วย โอโหสบายๆ(ก็จริง!!)แต่แค่ถ้าเรียนแบบนั้นมันจะกดดันตัวเองไปรึเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานี่แหละ เพราะการเรียนสายอาชีพเราจะต้องมีความพยายามยิ่งกว่าคนที่เรียนสายสามัญธรรมดาเราจะได้ทั้งภาคทิษดีและปฎิบัติ ไม่เหมือนสายสามัญที่ส่วนใหญ่จะมีแต่ทิษดีปฏิบัติแทบไม่มี ยังไงเราก็ต้องไปหาข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจแล้วก็ลองไปสมัครสอบเข้าสถาบันเทคนิคระยองดู"
หลังจากตอนนั้นผมก็ได้ไปหาข้อมูลตามที่พ่อบอกก็กลายเป็นว่าผมเริ่มสนใจที่จะเรียนสายอาชีพขึ้นมาจริงๆแต่ก็ยังรู้สึกเสียดายที่จะต้องย้าย รร.เก่าอยู่ดี จะเพราะความผูกพันหรือเพราะเสียดายโอกาสต่างๆเกี่ยวกับการเรียนภาษาจีนก็เหอะ และถ้าผมไปเรียนผมไปเรียนเทคนิคหรือสายอาชีพล่ะก็ผมจะต้องลำบากในการเรียนมากกว่าสายสามัญอย่างแน่นอนและก็อาจจะทำให้คุณแม่และก็คนในครอบครัว(ยกเว้นคุณพ่อ)ต้องเป็นห่วงเพราะไกลหูไกลตามากว่าเดิม แต่มันก็แลกมาด้วยโอกาสในอนาคตการทำงานที่รอผมอยู่ มันคงจะไม่มีอะไรน่าลำบากใจในชีวิตมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
แต่ถ้าผมเลือกที่จะเรียน รร.เก่าต่อจนถึง ม.6และได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมก็อาจจะมีความสุขและสบายกับการเรียนมากกว่าและก็จะไม่เป็นที่เป็นห่วงของคุณแม่และคนในครอบครัวด้วยครับ
สรุปตอนนี้ง่ายๆคือตอนนี้ผมมีอยู่สองเส้นทางคือ
1.สายสามัญ คือ อดทนเรียนในระยะยาวหน่อยแต่ก็เรียนสบายๆได้เรียนภาษาจีนและนำไปต่อยอดอย่างที่ตั้งใจในตอนแรกและอีกอย่างผมไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากหรือกดดันตัวเองในการเรียนมากเพราะคุณยายผมมีธุรกิจครอบครัวที่รองรับไว้ให้อยู่แล้วไม่ได้งานก็ไม่เห็นจะเป็นไร แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอนในยุคที่ทุกอย่างเคลื่อนที่อย่างความเร็วแสงใช่ไหมครับแม้กระทั่งธุรกิจของคุณยายก็ตาม
2.สายอาชีพ คือ ลำบากช่วงที่เรียนเอาวุธ ปวช.และ ปวส.และภาคปฏิบัติต่างๆแสนจะโหดหินเพื่อนำมาซึ่งการงานอาชีพที่มั่นคงในอนาคตและใครก็จะมาดูถูกไม่ได้และยังมีเวลาใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นอย่างอิสระก่อนจะอายุ30มากว่าการที่เรียนสายสามัญเพื่อเอาวุธปริญยาต่างๆและยังเสียค่าเทอมในระยะที่สั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมเมื่อที่ผมเกษียรหรือลาออกจากงานเก่าผมก็สามารถนำประสบการ์ณที่มีไปต่อยอดในธุรกิจของตัวเอง(ง่ายๆคือผมอยากเป็นนายตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง)หรือไม่ก็ของที่คุณยายต่อยอดมาให้
ผมเหลือเวลาอีก5เดือนหรือ1เทอมเท่านั้นครับจวนจะถึงเวลาเลือกเข้าไปทุกที ตอนนี้ผมคิดกับตัวเองเสมอว่า วัยของผมเป็นวัยที่มีทางเลือกมากมายแต่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่เมื่อผมถึงวัยผู้ใหญ่ผมสามารถจะทำอะไรก็ได้แต่ไม่มีทางเลือกมากพอ ไม่ได้หลงตัวเองหรือชมตัวเองนะครับ
ผมไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้ว่าผมไม่กล้าที่จะเลือกทางไหนเลยเพราะผมแคร์ว่าคนอื่นในครอบครัวจะเป็นห่วงผมมากเกินไปรึเปล่า หรือ ผมกลัวที่จะเลือกเส้นทางเพราะคิดว่ามันคงยากลำบากเกินไปกันแน่นะ
เพราะแบบนั้นผมจึงขอความกรุณาพวกพี่ๆพันทิบที่มีประสบการ์ณเรื่องนี้ มาช่วยแสดงความคิดเห็นว่าผมควรเลือกทางไหนดีและช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติมแก่ผมด้วยครับ😀😀😀
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
การศึกษาเรียนต่อ. ผมควรจะเลือกการเรียนต่อสายสามัญ ม.4-ม.6และเรียนจบมหาลัย หรือ สายอาชีพเพื่อเอาวุธ ปวช.,ปวส.แบบไหนดีครับ
ตั้งแต่แรกแล้วแม่ผมส่งผมเข้าเรียนในรร.ที่มุ่งเน้นภาษาจีนตั่งแต่"อ.1"จนตอนนี้ผมอยู่
"ม.3"
รร.ที่ผมเรียนก็ไม่ได้มีหลักสูตรการเรียนการสอนแตกต่างจาก รร.เอกชน หรือ ของรัฐมากเท่าไหร่หรอก แต่ที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นก็คือ "ภาษาจีน"
1 วัน รร.ผมมี7-8คาบจะต้องเรียนวิชาภาษาจีนวัน2คาบที่เหลือก็วิชาหลักอื่นๆทั่วไป5-6คาบ
ซึ่งตั่งแต่เด็กผมไม่ได้ใส่ใจในวิชาภาษาจีนเลยแม้แต่น้อย
(เอาง่ายๆคือไม่เอาอะไรของภาษาจีนเลยและก็รำคาญครูชาวจีนที่มาสอนด้วย)
และนั่นก็คือผมตอนอยู่ระดับประถมแต่พอเริ่มขึ้นมัธยมผมก็ได้รู้ถึงประโยชน์ของภาษาจีนที่ผมเรียนมา"9ปี!!"
(จริงๆแล้วก็พอจับต้นชนปลายได้บ้างแหละเกี่ยวกับหลักสูตรพื้นฐานต่างๆเกี่ยวกับภาษาจีนพอฟังอ่านเขียนรู้เรื่องแต่ไม่ถึงพูดได้100%เอาง่ายๆคืองูๆปลาๆ)
จากปากของคุณครูและผู้ปกครองที่บอกว่า
"ในอนาคตภาษาจีนจะเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้นพอๆกับภาษาอังกฤษ อย่าให้ของดีที่มีอยู่ในตัวตั้งแต่เด็ก ที่ซึมซับมาตลอดอย่างภาษาจีนนั้นหายไปเลย มันมีประโยชน์มากๆแนะนำให้เรียนต่อในระดับสามัญสายศิลป์ภาษาจนถึงมหาลัยและก็ถ้าผลการเรียนและพฤ
ติกรรมน่าพึงพอใจก็สามารถที่จะขอทุนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดังๆในประเทศจีนได้ด้วยนะ จบมาก็สามารถนำความรู้ด้านภาษาที่มีไปต่อยอดใช้ในการทำงานต่างๆกับชาวจีนที่เข้ามาได้ เพราะตอนนี้อิธพลทางเศษฐกิจของจีนกำลังแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆซึ่งนั่นก็รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย นี่แหละคือเหตุผลที่เธอควรจะเลือกเรียนในทางนี้นะ ถ้าเธอเลือกเรียนเธอจะมีภาษีที่ดีกว่าคนอื่นที่เขาไม่มีโอกาสได้เรียนแบบนี้นะ"พวกเขาว่าอย่างนั้นครับ
ผมเลยลองไปปรึกษาพ่อว่าควรเรียนต่อในรร.นี้ต่อไปเรื่อยๆเพื่อผลลัพธ์แบบที่เขาว่าดีไหม ซึ่งกลายเป็นว่าพ่อของผมคิดต่างจากแม่ผมซึ่งนั่นก็คือ
"ป๊าคิดว่าควรจะเรียนต่อในสายสามัญมากกว่านะ"
ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าพ่อยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมบอกผมเลยพยายามจะพูดให้เขาเข้าใจให้ได้จนกระทั่งพ่อบอกกับผมด้วยประโยคยาวๆว่าแบบนี้ครับ
"ที่ป๊าให้เราเรียนในสายช่างหรือสายอาชีพไม่ใช่ว่าป๊าอยากให้เราโตไปทำงานเป็นช่างเกี่ยวกับเครื่องยนห์ต่างๆหรืออื่นๆ แต่อยากให้ลองไปเปิดหูเปิดตาแล้วหาสายที่ตัวเองชอบจริงๆดูลองเอาไปคิดดูนะในยุคดิจิตอลที่เราจะเข้าสู่โลกที่อะไรก็พัฒนาไวขึ้นเต็มไปหมดจนเราตามไม่ทัน เทคโนโลยีหรือไม่ก็พวกแอพพลิเคชั่นต่างๆก็ต้องมีส่วนช่วยในเรื่องภาษาอยู่แล้ว ดูอย่างตอนนี้สิ มันก็มีแอพล่ามแบบมีเสียงแล้วเพียงแค่กดปุ่มแล้วพูดภาษาไหนก็ได้มันก็จะสามารถแปลความหมายให้กับชาวต่างชาติได้เข้าใจและสื่อสารกันได้เป็นช่อดๆแต่อาจจะยังมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงประโยคหรือไวยากรของภาษาแต่ถ้าเป็นยุคที่ทุกอย่างแม้แต่ความคิดเลื่อนไหวความเร็วแสงมันก็ต้องเพอเฟคได้อยู่แล้ว พวกล่ามก็คงตกงานหรือไม่มีงานทำกันไปแล้วล่ะ ถึงเรียนจบจีนมาอาจจะได้ภาษาก็จริงแต่ถ้าเราไม่มีวิชาชีพหรือประสบการ์ณจริงเราได้แต่พูดภาษาอื่นในสิ่งที่เราไม่เข้าใจแล้วใครจะรับเราเข้าทำงาน ไม่มีงานทำจะเอาภาษาไปสื่อสารกับใคร?
แต่ถ้าเลือกเรียนสายอาชีพมีมันไม่ได้มีแค่สายช่างกลหรอกนะ
มันยังมีสายกราฟิค คอมพิวเตอร์ วิศวะ ประดิฐ การคมนาคมขนส่งฯลฯ อีกเยอะ แต่ป๊าแนะนำให้เรียนสาย บัญชีนะเพราะสายนี้มันแยกย่อยลงไปถึงเรื่องต่างๆทางเศรษฐศาสตร์ที่เราสนใจด้วยนะ(ก็จริง!!)ไม่ต้องเก่งเลขหรอกแค่มีรอบคอบและก็ขยันจบมามีงานทำสบายจะตายและอีกอย่างนะการเรียนสายอาชีพนั้นประหยัดเวลาเรียนกว่าสายสามัญ เพราะเเค่เรียนเอาวุธ ปวช.ซึ่งเท่ากับวุธม.6แล้วก็เรียนอีกแค่ไม่กี่ปีเอาวุธ ปวส.เเล้วก็เอาวุธไปสอบสมัครงานได้เลยไม่เหมือนคนที่ไปต่อมหาลัยต้องเรียนจนกว่าคะแนนจะผ่านจนเอาวุธปริญญาบ้าๆบอๆแล้วถึงจะได้ทำงานเรียนจบมาก็ได้แต่ทิษดีปฏิบัติทำงานจริงไม่เป็น คนไม่มีงานส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่เรียนสายสามัญแทนไง
เห็นไหมดีออกจบมามีงานทำแน่นอนกว่าเรียนสายสามัญเยอะ แต่ถ้าอยากเรียนภาษาจีนเพื่อเอาไปใช้สื่อสารกับคนจีนป๊าก็ไม่ว่าดีซะอีกภาษาจีนน่ะเราทบทวนไปควบคู่กับตอนที่เรียนสายอาชีพก็ได้ ถ้าทำได้แบบนั้นเราก็จะได้ภาษีที่มากว่าคนอื่นแบบทวีคูณเลยล่ะ แถมเราเองก็ยังเก่งภาษาอังกฤษมากอยู่แล้วด้วย โอโหสบายๆ(ก็จริง!!)แต่แค่ถ้าเรียนแบบนั้นมันจะกดดันตัวเองไปรึเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานี่แหละ เพราะการเรียนสายอาชีพเราจะต้องมีความพยายามยิ่งกว่าคนที่เรียนสายสามัญธรรมดาเราจะได้ทั้งภาคทิษดีและปฎิบัติ ไม่เหมือนสายสามัญที่ส่วนใหญ่จะมีแต่ทิษดีปฏิบัติแทบไม่มี ยังไงเราก็ต้องไปหาข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจแล้วก็ลองไปสมัครสอบเข้าสถาบันเทคนิคระยองดู"
หลังจากตอนนั้นผมก็ได้ไปหาข้อมูลตามที่พ่อบอกก็กลายเป็นว่าผมเริ่มสนใจที่จะเรียนสายอาชีพขึ้นมาจริงๆแต่ก็ยังรู้สึกเสียดายที่จะต้องย้าย รร.เก่าอยู่ดี จะเพราะความผูกพันหรือเพราะเสียดายโอกาสต่างๆเกี่ยวกับการเรียนภาษาจีนก็เหอะ และถ้าผมไปเรียนผมไปเรียนเทคนิคหรือสายอาชีพล่ะก็ผมจะต้องลำบากในการเรียนมากกว่าสายสามัญอย่างแน่นอนและก็อาจจะทำให้คุณแม่และก็คนในครอบครัว(ยกเว้นคุณพ่อ)ต้องเป็นห่วงเพราะไกลหูไกลตามากว่าเดิม แต่มันก็แลกมาด้วยโอกาสในอนาคตการทำงานที่รอผมอยู่ มันคงจะไม่มีอะไรน่าลำบากใจในชีวิตมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
แต่ถ้าผมเลือกที่จะเรียน รร.เก่าต่อจนถึง ม.6และได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมก็อาจจะมีความสุขและสบายกับการเรียนมากกว่าและก็จะไม่เป็นที่เป็นห่วงของคุณแม่และคนในครอบครัวด้วยครับ
สรุปตอนนี้ง่ายๆคือตอนนี้ผมมีอยู่สองเส้นทางคือ
1.สายสามัญ คือ อดทนเรียนในระยะยาวหน่อยแต่ก็เรียนสบายๆได้เรียนภาษาจีนและนำไปต่อยอดอย่างที่ตั้งใจในตอนแรกและอีกอย่างผมไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากหรือกดดันตัวเองในการเรียนมากเพราะคุณยายผมมีธุรกิจครอบครัวที่รองรับไว้ให้อยู่แล้วไม่ได้งานก็ไม่เห็นจะเป็นไร แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอนในยุคที่ทุกอย่างเคลื่อนที่อย่างความเร็วแสงใช่ไหมครับแม้กระทั่งธุรกิจของคุณยายก็ตาม
2.สายอาชีพ คือ ลำบากช่วงที่เรียนเอาวุธ ปวช.และ ปวส.และภาคปฏิบัติต่างๆแสนจะโหดหินเพื่อนำมาซึ่งการงานอาชีพที่มั่นคงในอนาคตและใครก็จะมาดูถูกไม่ได้และยังมีเวลาใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นอย่างอิสระก่อนจะอายุ30มากว่าการที่เรียนสายสามัญเพื่อเอาวุธปริญยาต่างๆและยังเสียค่าเทอมในระยะที่สั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมเมื่อที่ผมเกษียรหรือลาออกจากงานเก่าผมก็สามารถนำประสบการ์ณที่มีไปต่อยอดในธุรกิจของตัวเอง(ง่ายๆคือผมอยากเป็นนายตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง)หรือไม่ก็ของที่คุณยายต่อยอดมาให้
ผมเหลือเวลาอีก5เดือนหรือ1เทอมเท่านั้นครับจวนจะถึงเวลาเลือกเข้าไปทุกที ตอนนี้ผมคิดกับตัวเองเสมอว่า วัยของผมเป็นวัยที่มีทางเลือกมากมายแต่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่เมื่อผมถึงวัยผู้ใหญ่ผมสามารถจะทำอะไรก็ได้แต่ไม่มีทางเลือกมากพอ ไม่ได้หลงตัวเองหรือชมตัวเองนะครับ
ผมไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้ว่าผมไม่กล้าที่จะเลือกทางไหนเลยเพราะผมแคร์ว่าคนอื่นในครอบครัวจะเป็นห่วงผมมากเกินไปรึเปล่า หรือ ผมกลัวที่จะเลือกเส้นทางเพราะคิดว่ามันคงยากลำบากเกินไปกันแน่นะ
เพราะแบบนั้นผมจึงขอความกรุณาพวกพี่ๆพันทิบที่มีประสบการ์ณเรื่องนี้ มาช่วยแสดงความคิดเห็นว่าผมควรเลือกทางไหนดีและช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติมแก่ผมด้วยครับ😀😀😀
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ