" รวบ รวม ธรรมะ ที่ สอน ให้ เป็น ผู้ ยิน ดี ใน การ หลีก เร้น "

อานิสงส์ของการหลีกเร้น

ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงเป็น ผู้มี ความหลีกเร้น (ปฏิสลฺลาณ) เป็นที่มายินดี
ยินดีแล้ว ใน ความหลีกเร้น จงเป็น ผู้ตามประกอบ เจโตสมถะ ในภายใน
มี ฌาน อันตนไม่ละเลย ประกอบพร้อมด้วย วิปัสสนา เพิ่มพูนความยินดีใน สุญญาคาร อยู่เถิด
.

ภิกษุ ท. ! เมื่อประพฤติกระทำเช่นนั้นอยู่,
ผลอานิสงค์ อย่างใดอย่างหนึ่งใน บรรดาผลทั้งสอง เป็นอันเธอหวังได้ คือ
อรหัตตผล ใน ทิฏฐธรรม นี้ หรือว่าเมื่อ เชื้อ (อุปาทิ) เหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี.


(อิติวุ. ขุ. ๒๕/๒๕๙/๒๒๓.)
________________________________________________________________________________________________


‪‎ว่าด้วยการหลีกเร้นเป็นเหตุเกิดปัญญา‬

ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจง ประกอบความเพียร ใน การหลีกเร้น เถิด.

ภิกษุ ท. !  ภิกษุผู้หลีกออกเร้น ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริง
ก็ ภิกษุย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงอย่างไร
ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งรูป  
ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งเวทนา
ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งสัญญา
ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งสังขาร
ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิดและความดับแห่งวิญญาณ

(ขนฺธ.สํ. ๑๗/๒๐/๓๐)
________________________________________________________________________________________________


‪‎ตรัสว่าจงหลีกเร้นแล้วจักรู้อริยสัจ‬

ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียรในการหลีกเร้นเถิด.
ภิกษุ ผู้หลีกเร้น ย่อมรู้ได้ตามเป็นจริง
, รู้ได้ตามเป็นจริงซึ่งอะไรเล่า ?

รู้ได้ตามเป็นจริง ซึ่ง ความจริงอันประเสริฐ ว่า ;
“นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับ ไม่เหลือของทุกข์" ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียร ในการหลีกเร้นเถิด.
ภิกษุผู้หลีกเร้น ย่อมรู้ได้ตามเป็นจริง.

ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริง ว่า
“นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,” ดังนี้เถิด.

(มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๒๐/๑๖๕๕.)
________________________________________________________________________________________________


‪‎รู้ตามความเป็นจริงซึ่งความไม่เที่ยง‬

ภิกษุท. ! เธอทั้งหลายเมื่ออยู่ในที่สงัด จงประกอบความเพียรเถิด

ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้อยู่ในที่สงัดย่อมรู้ตามความเป็นจริง
รู้อะไรตามความเป็นจริง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า รูปทั้งหลายไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุวิญญาณไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุสัมผัสไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ไม่เที่ยง

( ในกรณีแห่งอายตนะ คือ โสตะ, ฆานะ, ชิวหา, กายะ และมโน
ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความแบบเดียวกันกับในกรณี อายตนะ คือ จักษุ ทุกประการ ต่างกันแค่ตัวอักษรเท่านั้น )


ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายเมื่ออยู่ในที่สงัด จงประกอบความเพียรเถิด ภิกษุผู้อยู่ในที่สงัด ย่อมรู้ตามความเป็นจริง ฯ

(สฬา.สํ. ๑๘/๑๐๐/๑๔๘. )
________________________________________________________________________________________________


ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงหลีกเร้น บำเพ็ญความเพียร
เพราะเมื่อภิกษุ หลีกเร้น อยู่ สิ่งทั้งปวงย่อมปรากฏตามความเป็นจริง


ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่าย่อมปรากฏตามความเป็นจริง คือ
จักษุ ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง
รูป ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง
จักษุวิญญาณ ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง
จักษุสัมผัส ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง
แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ย่อมปรากฏตามความเป็นจริงว่าไม่เที่ย


( ในกรณีแห่งอายตนะ คือ โสตะ, ฆานะ, ชิวหา, กายะ และมโน
ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความแบบเดียวกันกับในกรณี อายตนะ คือ จักษุ ทุกประการ ต่างกันแค่ตัวอักษรเท่านั้น )


ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงหลีกเร้นบำเพ็ญความเพียร
เพราะเมื่อภิกษุหลีกเร้นอยู่สิ่งทั้งปวงย่อมปรากฏตามความเป็นจริง ฯ

(สฬา.สํ. ๑๘/๑๘๑/๒๕๐)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่