หลายครอบครัวที่อยากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันคงยากลำบากมากๆ ถ้าต้องเดินทางพร้อมเด็ก วันนี้เรามีเทคนิคในการเตรียมตัวมาฝากค่ะ
1. เตรียมใจ^^ บอกก่อนเลยว่าเดินทางพร้อมเด็กไม่ง่าย แต่ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าอยากสร้างความทรงจำร่วมกันและอยากให้คนที่เรารักได้เป็นส่วนหนึ่งในทุกๆความทรงจำที่ดีของเราแล้ว ทุกสิ่งจะง่ายขึ้นมาทันที หลายคนบอกว่า เด็กจำอะไรไม่ได้หรอก รอโตค่อยพาไปเที่ยว อันนี้เถียงขาดใจเลย เด็กจำได้ค่ะ จำได้ทุกรายละเอียด เพียงแต่เค้าจะเล่าได้ตามความทรงจำขณะนั้น(ขึ้นอยู่กับวัย) แล้วถ้าจะรอเค้าโต ไม่รู้เรากับเค้าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นไม๊!! เริ่มวันนี้ค่ะ!! และการไปเที่ยวจะสนุก พ่อกับแม่เองต้อง “อย่าเยอะ” ทุกอย่างสามารถผ่อนปรนได้ กินนมตามเวลา เข้านอนตามเวลา ที่นอน หมอนข้างเน่า ตุ๊กตาเน่า ไม่ต้องแบกไป สิ่งเหล่านี้จะสร้างความกดดันให้เราเอง เราเองเริ่มพาลูกคนแรกเที่ยวตอน 11เดือน คนที่ 2 อายุ 6 เดือน ไม่มีอะไรยาก ใจล้วนๆ ดีซะอีก ยิ่งเล็กค่าใช้จ่ายยิ่งถูก ต่ำกว่า 2ขวบไม่เสียค่าตั๋วเครื่องบิน ต่ำกว่า 7ขวบไม่ต้องเสียค่าเข้า(บางที่) ต่ำกว่า 6ขวบไม่เสียค่ารถไฟฟ้า พอเริ่มโตต้องเสียสารพัดค่าเลย><
2. วางแผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ จะไปประเทศไหน ไปกี่วัน สถานที่ที่อยากไป แนะนำให้ผู้ร่วมเดินทาง(รวมถึงเด็กๆ)มีส่วนร่วมในการวางแผนโดยมีหัวหน้าทีมกำหนดกรอบมาเบื้องต้น จะทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่เหมือนถูกบังคับ สนุกกันทุกคน ได้เที่ยวในที่ที่เราอยากไปกันทุกคน(จะได้ไม่มาบ่นทีหลัง55) บางบ้านอาจซื้อการท่องเที่ยวแบบ Day Trip ก็สะดวกดีค่ะ อยากไปไหนก็เลือกซื้อเป็นวันๆไป ส่วนใหญ่เค้าจะนัดเจอที่สถานีรถไฟใหญ่ๆหรืออาจรับที่โรงแรมขนาดใหญ่ที่ดีลเอาไว้ เราแค่ไปตามเวลานัด เค้าก็จะมีรถบัสพาไปตามสถานที่ที่ระบุ รวมอาหารเที่ยงและค่าเข้าชม ตอนเย็นก็มาส่งที่เดิม แบบนี้จะไม่แพงมาก วันไหนเที่ยวในเมืองก็เที่ยวเอง วันไหนสถานที่เที่ยวเดินทางไปยากจะใช้บริการนี้ก็น่าสนใจค่ะ ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบกึ่งๆเที่ยวเอง กี่งๆทัวร์ค่ะ
3. จองตั๋วเครื่องบิน ถ้าเราวางแผนได้เนิ่นๆ เดี๋ยวนี้สายการบินราคาประหยัดราคาถูกมากค่ะ หรือแม้กระทั่งฟูลเซอร์วิสช่วงโปรก็มีเยอะ จะทำให้เราประหยัดค่าตั๋วได้เยอะเลย
4. จองโรงแรม เมื่อได้ตั๋ว+มีแผนการท่องเที่ยวแล้ว เราก็สามารถจองโรงแรมได้เลย เดี๋ยวนี้สะดวกมาก จองก่อนจ่ายทีหลัง จองไปก่อนให้ครบตามจำนวนวันที่ต้องการ เมื่อเราลงรายละเอียดแล้วมีการปรับแผน เราก็สามารถจองใหม่ให้ใกล้และเหมาะกับการเที่ยวของเราได้ แล้วก็ยกเลิกอันเก่า วิธีนี้จะทำให้เราได้ห้องพักราคาถูกเพราะเราจองล่วงหน้า ถ้าไปไม่กี่วันไม่อยากเคลื่อนย้ายก็จองโรงแรมที่เดียว แต่ถ้าไปหลายที่ ให้เลือกจองจุดศูนย์กลางในแต่ละที่จะได้ไม่เหนื่อย
5. การเดินทาง ศึกษาการเดินทางในแต่ละประเทศให้ดี ถ้าเราไม่วางแผนให้ดี ค่าเดินทางนี่แหละคือ ค่าใช้จ่ายแบบน้ำซึมบ่อทราย จ่ายรวมๆกันอาจจ่ายแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีกนะคะ อย่างที่ญี่ปุ่นจะมีตั๋วรถไฟฟ้าสำหรับนักท่องเที่ยว มีหลายแบบ แต่ละภูมิภาคมีขอบเขตไม่เหมือนกัน จำนวนวันในการเดินทางแตกต่างกัน เราสามารถซื้อล่วงหน้านอกประเทศญี่ปุ่นได้เลยผ่านเอเจนซี่ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ ผู้ใช้ต้องได้ประทับตราจากตม.ว่าเป็นวีซ่าระยะสั้นเท่านั้นค่ะ บัตรพาสบางอย่างเป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ได้ด้วย แต่ถ้าบ้านไหนเน้นเที่ยวธรรมชาติ การเช่ารถขับอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในบางประเทศ
6. บัตรผ่านประตู ถ้าแพลนของเราแน่นอนแล้ว การซื้อบัตรผ่านประตูล่วงหน้า จะทำให้เราไม่ต้องไปต่อคิวเพื่อซื้อบัตรตรงทางเข้า(บางที่รอซื้อตั๋วตรงทางเข้าเป็นชั่วโมงนะคะ) และที่สำคัญบางทีซื้อผ่านเอเจนซี่หรือออนไลน์ล่วงหน้าจะถูกกว่า 10-20% เลยค่ะ แถมบางทีก็มีของแถมให้ด้วย เช่น คูปองอาหาร ของที่ระลึก ส่วนลดซื้อของ
7. อาหาร ถ้ามีเด็กเดินทาง เราจะต้องทำการบ้านอย่างดี โดยเฉพาะกรณีที่เด็กน้อยแพ้อาหารบางประเภท โชคดีบ้านเราเด็กๆกินได้ทุกอย่าง เค้าก็ได้เปิดประสบการณ์การกินอาหารพื้นเมืองได้ทุกอย่าง เราควรจะมีสแน็คหรือขนมปังติดตัวเสมอ เพราะบางทีการเดินทางเองเรากำหนดเวลาได้ค่อนข้างยาก บางทีหลง บางทีติดฝน บางทีร้านอาหารรอนาน (ข้อดีของทัวร์เรื่องการกินคือ เค้าจองไว้หมดแล้ว ลงจากรถปุ๊บเดินเข้าร้านอาหาร พร้อมกินทันที) บางมื้ออาจช้ากว่ากำหนดเป็นเวลานาน ของกินเล่นพวกนี้ประทังชีวิตได้ค่ะ
8. เสื้อผ้า เมื่อเราได้แผนการเดินทาง เราสามารถเอาเมืองที่เราเลือกมาดูพยากรณ์อากาศได้เลย เพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม รวมถึงการเลือกธีมในการแต่งตัวให้เหมาะกับกิจกรรมและสถานที่ เราเดินทางพร้อมเด็ก 2คนต้องวางแผนอย่างดี เราจะทำการบ้านโดยการเลือกชุดในแต่ละวัน แยกตามคน ถ่ายรูปเก็บเรียงตามวันไว้เพื่อให้ง่ายในการหยิบมาใส่และจัดกระเป๋า รอบที่ผ่านมาไปญี่ปุ่น 15วัน (เสื้อแขนยาว 30ตัว, เลคกิ้ง 30ตัว, ชุดเดรสอีกหลายสิบชุด, ลองจอนและอีกสารพัดอย่าง) ถ้าไม่วางแผนต้องรื้อเข้ารื้อออก ไม่สนุกแน่ๆ และที่สำคัญไปเที่ยวทั้งที วิวสวย อากาศดี นางแบบพร้อม แต่ชุดไม่พร้อมนี่พลาดเลยนะคะ บางที่เราอาจไปแค่ครั้งเดียว หรืออาจไปอีกแต่นางแบบไม่เหมือนเดิมแน่ๆ555 เดี๋ยวนี้มีบริการเช่าชุดสำหรับไปเมืองหนาว เวิร์คมากค่ะ ค่าเช่าเริ่มตั้งแต่ 500บาท/7วัน บางทีซื้อใหม่หลายๆคนอาจแพงกว่าค่าเที่ยวนะคะ จะใส่ของเดิมซ้ำๆถ่ายรูปมาก็น่าเบื่อ บางร้านมีหน้าร้านให้ลองด้วยจะได้ดูว่าเหมาะกับเราไม๊ บางคนสั่งซื้อออนไลน์มา เห็นนางแบบใส่สวย เราใส่นี่... เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ^^
9. รองเท้า อันนี้สำคัญมาก...บอกเลย รองเท้ากัด-รองเท้าเปียกนี่แทบไม่อยากไปไหนเลยนะคะ จะหาเปลี่ยนไม่ใช่ว่าจะมาในทันทีโดยเฉพาะเด็ก ปกติเราจะเตรียมไปอย่างน้อย 2คู่ ดูสถานที่และกิจกรรมด้วยนะคะ จะใส่เดินสวยๆในเมือง เดินชายหาด เมืองร้อน เมืองหนาว ลุยหิมะ ต้องเลือกให้เหมาะ เลือกสวยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเราต้องใช้เดินจริงๆ ไม่ใช่ใส่สำหรับถ่ายรูปในสตูดิโอ
10. ยาประจำตัว เตรียมยาสามัญบางอย่างไว้ด้วยค่ะ แก้ปวด ลดไข้ ยาดม ยาหม่อง แก้ปวดท้อง(อาหารที่ไม่คุ้นเคย อาจทำพิษกับเราได้) เดินทางต่างประเทศ บางที่ซื้อยายากค่ะ โดยเฉพาะเด็ก แต่ไม่ต้องถึงกับขนห้องพยาบาลไปนะคะ บอกแล้วว่าอย่าเยอะ เดี๋ยวจะไม่สนุก55
11. กระเป๋าเดินทาง เลือกให้เหมาะกับจำนวนคน+จำนวนวัน ต้องคำนวณน้ำหนักกระเป๋าให้ดี ถ้าไปเพิ่มที่หน้าเคาน์เตอร์จะแพงมาก อาจต้องทิ้งของบางอย่างเลยทีเดียว ปกติเราจะเลือกน้ำหนักขาไปไม่เยอะ ขากลับจัดเต็ม เราจะเตรียมกระเป๋าผ้าแบบพับได้เอาไว้สำหรับใส่ของขากลับมาด้วยเสมอ ส่วนกระเป๋าใบเล็กแบบถือขึ้นเครื่อง (7กก.) ดูข้อกำหนดของสายการบินให้ดีนะคะว่าขนาดเท่าไหร่ วัดจากไหนถึงไหน แต่ต้องดูว่าพะรุงพะรังไม๊ ถ้าเดินทางพร้อมเด็กเล็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาจเลือกที่จะโหลดเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงเมืองแล้ว บางประเทศมีบริการส่งกระเป๋าถึงที่หมาย อันนี้เป็นตัวช่วยที่ดี บางทีกระเป๋าหลายใบ บางใบอาจไม่ได้ใช้ในวันแรกๆ อาจใช้บริการส่งไปรอที่ปลายทางได้เลย สะดวกมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ย้ายที่พักบ่อยๆ ตัวช่วยอีกอย่างนึงสำหรับเราคือ ถุงสูญญากาศ ขากลับนี่เสื้อผ้าจะบวมมาก ไหนจะของที่ระลึก ของฝาก การใช้ถุงแบบนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ภายในกระเป๋าได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะการไปเมืองหนาวที่เสื้อผ้ามักจะมีบุข้างใน เปลืองที่มาก พองไปทั้งตัว555
12. อินเตอร์เน็ท อุปกรณ์สื่อสารและถ่ายภาพ หลายประเทศมีสัญญาณ wifi ให้ใช้ฟรี แต่ไม่มีในทุกพื้นที่นะคะ อินเตอร์เน็ทมีความจำเป็นในต่างแดน เดี๋ยวนี้เดินทางต่างประเทศมีสารพัดซิมโปรโมชั่น มีทุกค่าย เลือกให้ดี ให้เหมาะกับประเทศที่เราจะไป เราต้องใช้โทร ใช้หาข้อมูลร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เวลาเปิด-ปิด ดูแผนที่ ดูGPS แปลภาษา(ถึงแม้ว่าเราจะทำการบ้านมาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม) ไม่ต้องแบกตำราเล่มหนาๆ หลายๆเล่มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ่ายรูป อัพรูปกันทั้งวัน แต่พอมีเครื่องมือก็อย่าลืมว่าต้องมีแบตเตอรีให้พร้อม อุปกรณ์ชาร์จไฟ หัวแปลง หัวต่อขยาย (อุปกรณ์เยอะเกิ๊นสมัยนี้ ทั้งมือถือ กล้องถ่ายรูป คูณตามจำนวนคนไม่น้อยนะคะ555)
13. ของฝาก ลิสท์ไว้เลยค่ะอยากได้อะไรบ้าง จะได้ไม่ตกหล่น อันนี้ตามสะดวกเลยค่ะ ปกติเราไม่รับฝากซื้อของเพราะของที่เราจะซื้อก็เยอะมากอยู่แล้ว ยิ่งต้องออกตามหาอีกนี่ไม่เลย เราจะเลือกซื้อสำหรับฝาก(ตามกำลังทรัพย์ที่มีขณะนั้นๆ) อันนี้ฝากครอบครัว ที่ทำงาน ข้างบ้าน เพื่อน เพื่อนสนิทลูก(เด็กๆจะได้โควตาการซื้อของฝากสำหรับเพื่อนสนิทเสมอ) ซื้อในสิ่งที่เราจะใช้ ไม่ใช่ซื้อเพราะคนอื่นเค้าไปแล้วซื้อกัน ไม่อย่างนั้นเราจะมีขยะเต็มบ้าน
14. เงิน เรื่องนี้สำคัญที่สุดค่ะ555 เงินบันดาลทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น เก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อชาร์จแบตให้ตัวเราเอง เปิดมุมมองใหม่ๆ เริ่มจากที่ใกล้ๆก่อนก็ได้ค่ะ ราคาเบาๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้น อย่าทำงานจนเที่ยวไม่ไหวแล้วค่อยเที่ยว วันนั้นมีเงินก็ไม่มีแรงแล้วค่ะ เที่ยวยังไงก็ไม่สนุก บ้านเราไม่ได้จ่ายเงินก้อนเดียวในการเที่ยวค่ะ ค่อยๆจ่าย เริ่มจากค่าตั๋วเครื่องบินก่อน สักพักค่อยเป็นค่าบัตร-ค่าตั๋วรถไฟ ค่าโรงแรม เงินสดติดตัวในการเที่ยว เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆจ่าย ยิ่งเราวางแผนนาน การจ่ายเงินก็จะไม่หนักมาก เราสามารถออกแบบการเที่ยวได้ตามงบที่เราตั้งไว้ บางบ้านเน้นกิน(อย่างบ้านเรา) บางบ้านเน้นช็อปปิ้ง บางบ้านเน้นเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ บางบ้านเน้นหรู เอาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราเลยค่ะ^^ บัตรเครดิตก็จะมีประโยชน์มากในบางประเทศเพราะจะมีโปรโมชั่นส่วนลดของแถมเป็นพิเศษ แต่ต้องคำนวณเรื่องค่าชาร์จให้ดีค่ะ ทุกแบงค์จะมีค่าชาร์จเมื่อรูดใช้บัตรในต่างประเทศ(ไม่รวมกับอัตราแลกเปลี่ยน) บางบัตรต้องแจ้งทางแบงค์ก่อนว่าจะนำไปรูดใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่งั้นอาจใช้ไม่ได้ค่ะ
15. หัวหน้าไกด์ เมื่อเราไปเที่ยวกันเอง ไม่มีผู้นำ ไม่มีตารางเวลาที่ถูกกำหนดไว้เป๊ะๆตามโปรแกรมทัวร์ เราจะต้องมีผู้นำในการเที่ยวนั่นก็คือหัวหน้าไกด์จำเป็น ให้เครดิตผู้นำ ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ห้ามบ่น การเที่ยวถึงจะสนุก (ไม่ใช่ไปทะเลาะกันที่ต่างแดน) บางบ้านอาจจะผลัดกันเป็นผู้นำในบางวัน คนเป็นหัวหน้าไกด์ก็ต้องทำการบ้านมาอย่างดี ขึ้นรถตรงไหน เวลากี่โมง ที่เที่ยวเปิดกี่โมง กินอะไรได้บ้าง เพราะการเดินหลงวนไปวนมา อาจทำให้เจ้าหญิง-เจ้าชายตัวน้อยกลายเป็นอสูรเลยก็ได้ เสียเวลา และอาจพลาดกิจกรรมสำคัญที่ตั้งใจเอาไว้ แต่เมื่อมีการผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ไม่ต้องโทษกัน ช่วยกันหาทางออก การเที่ยวคือการหาประสบการณ์ร่วมกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องดีที่สุดในทุกอย่าง ประสบการณ์มีได้ทั้งดี-ไม่ดี เวลามองย้อนกลับไป ไอ้ที่ว่าพลาดอย่างแรงนี่สิ “ฮาสุด” คุยกันได้ยันลูกโตเลย เชื่อสิ!!
[CR] 15 สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองพร้อมเด็กๆ
1. เตรียมใจ^^ บอกก่อนเลยว่าเดินทางพร้อมเด็กไม่ง่าย แต่ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าอยากสร้างความทรงจำร่วมกันและอยากให้คนที่เรารักได้เป็นส่วนหนึ่งในทุกๆความทรงจำที่ดีของเราแล้ว ทุกสิ่งจะง่ายขึ้นมาทันที หลายคนบอกว่า เด็กจำอะไรไม่ได้หรอก รอโตค่อยพาไปเที่ยว อันนี้เถียงขาดใจเลย เด็กจำได้ค่ะ จำได้ทุกรายละเอียด เพียงแต่เค้าจะเล่าได้ตามความทรงจำขณะนั้น(ขึ้นอยู่กับวัย) แล้วถ้าจะรอเค้าโต ไม่รู้เรากับเค้าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นไม๊!! เริ่มวันนี้ค่ะ!! และการไปเที่ยวจะสนุก พ่อกับแม่เองต้อง “อย่าเยอะ” ทุกอย่างสามารถผ่อนปรนได้ กินนมตามเวลา เข้านอนตามเวลา ที่นอน หมอนข้างเน่า ตุ๊กตาเน่า ไม่ต้องแบกไป สิ่งเหล่านี้จะสร้างความกดดันให้เราเอง เราเองเริ่มพาลูกคนแรกเที่ยวตอน 11เดือน คนที่ 2 อายุ 6 เดือน ไม่มีอะไรยาก ใจล้วนๆ ดีซะอีก ยิ่งเล็กค่าใช้จ่ายยิ่งถูก ต่ำกว่า 2ขวบไม่เสียค่าตั๋วเครื่องบิน ต่ำกว่า 7ขวบไม่ต้องเสียค่าเข้า(บางที่) ต่ำกว่า 6ขวบไม่เสียค่ารถไฟฟ้า พอเริ่มโตต้องเสียสารพัดค่าเลย><
2. วางแผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ จะไปประเทศไหน ไปกี่วัน สถานที่ที่อยากไป แนะนำให้ผู้ร่วมเดินทาง(รวมถึงเด็กๆ)มีส่วนร่วมในการวางแผนโดยมีหัวหน้าทีมกำหนดกรอบมาเบื้องต้น จะทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่เหมือนถูกบังคับ สนุกกันทุกคน ได้เที่ยวในที่ที่เราอยากไปกันทุกคน(จะได้ไม่มาบ่นทีหลัง55) บางบ้านอาจซื้อการท่องเที่ยวแบบ Day Trip ก็สะดวกดีค่ะ อยากไปไหนก็เลือกซื้อเป็นวันๆไป ส่วนใหญ่เค้าจะนัดเจอที่สถานีรถไฟใหญ่ๆหรืออาจรับที่โรงแรมขนาดใหญ่ที่ดีลเอาไว้ เราแค่ไปตามเวลานัด เค้าก็จะมีรถบัสพาไปตามสถานที่ที่ระบุ รวมอาหารเที่ยงและค่าเข้าชม ตอนเย็นก็มาส่งที่เดิม แบบนี้จะไม่แพงมาก วันไหนเที่ยวในเมืองก็เที่ยวเอง วันไหนสถานที่เที่ยวเดินทางไปยากจะใช้บริการนี้ก็น่าสนใจค่ะ ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบกึ่งๆเที่ยวเอง กี่งๆทัวร์ค่ะ
3. จองตั๋วเครื่องบิน ถ้าเราวางแผนได้เนิ่นๆ เดี๋ยวนี้สายการบินราคาประหยัดราคาถูกมากค่ะ หรือแม้กระทั่งฟูลเซอร์วิสช่วงโปรก็มีเยอะ จะทำให้เราประหยัดค่าตั๋วได้เยอะเลย
4. จองโรงแรม เมื่อได้ตั๋ว+มีแผนการท่องเที่ยวแล้ว เราก็สามารถจองโรงแรมได้เลย เดี๋ยวนี้สะดวกมาก จองก่อนจ่ายทีหลัง จองไปก่อนให้ครบตามจำนวนวันที่ต้องการ เมื่อเราลงรายละเอียดแล้วมีการปรับแผน เราก็สามารถจองใหม่ให้ใกล้และเหมาะกับการเที่ยวของเราได้ แล้วก็ยกเลิกอันเก่า วิธีนี้จะทำให้เราได้ห้องพักราคาถูกเพราะเราจองล่วงหน้า ถ้าไปไม่กี่วันไม่อยากเคลื่อนย้ายก็จองโรงแรมที่เดียว แต่ถ้าไปหลายที่ ให้เลือกจองจุดศูนย์กลางในแต่ละที่จะได้ไม่เหนื่อย
5. การเดินทาง ศึกษาการเดินทางในแต่ละประเทศให้ดี ถ้าเราไม่วางแผนให้ดี ค่าเดินทางนี่แหละคือ ค่าใช้จ่ายแบบน้ำซึมบ่อทราย จ่ายรวมๆกันอาจจ่ายแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีกนะคะ อย่างที่ญี่ปุ่นจะมีตั๋วรถไฟฟ้าสำหรับนักท่องเที่ยว มีหลายแบบ แต่ละภูมิภาคมีขอบเขตไม่เหมือนกัน จำนวนวันในการเดินทางแตกต่างกัน เราสามารถซื้อล่วงหน้านอกประเทศญี่ปุ่นได้เลยผ่านเอเจนซี่ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ ผู้ใช้ต้องได้ประทับตราจากตม.ว่าเป็นวีซ่าระยะสั้นเท่านั้นค่ะ บัตรพาสบางอย่างเป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ได้ด้วย แต่ถ้าบ้านไหนเน้นเที่ยวธรรมชาติ การเช่ารถขับอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในบางประเทศ
6. บัตรผ่านประตู ถ้าแพลนของเราแน่นอนแล้ว การซื้อบัตรผ่านประตูล่วงหน้า จะทำให้เราไม่ต้องไปต่อคิวเพื่อซื้อบัตรตรงทางเข้า(บางที่รอซื้อตั๋วตรงทางเข้าเป็นชั่วโมงนะคะ) และที่สำคัญบางทีซื้อผ่านเอเจนซี่หรือออนไลน์ล่วงหน้าจะถูกกว่า 10-20% เลยค่ะ แถมบางทีก็มีของแถมให้ด้วย เช่น คูปองอาหาร ของที่ระลึก ส่วนลดซื้อของ
7. อาหาร ถ้ามีเด็กเดินทาง เราจะต้องทำการบ้านอย่างดี โดยเฉพาะกรณีที่เด็กน้อยแพ้อาหารบางประเภท โชคดีบ้านเราเด็กๆกินได้ทุกอย่าง เค้าก็ได้เปิดประสบการณ์การกินอาหารพื้นเมืองได้ทุกอย่าง เราควรจะมีสแน็คหรือขนมปังติดตัวเสมอ เพราะบางทีการเดินทางเองเรากำหนดเวลาได้ค่อนข้างยาก บางทีหลง บางทีติดฝน บางทีร้านอาหารรอนาน (ข้อดีของทัวร์เรื่องการกินคือ เค้าจองไว้หมดแล้ว ลงจากรถปุ๊บเดินเข้าร้านอาหาร พร้อมกินทันที) บางมื้ออาจช้ากว่ากำหนดเป็นเวลานาน ของกินเล่นพวกนี้ประทังชีวิตได้ค่ะ
8. เสื้อผ้า เมื่อเราได้แผนการเดินทาง เราสามารถเอาเมืองที่เราเลือกมาดูพยากรณ์อากาศได้เลย เพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม รวมถึงการเลือกธีมในการแต่งตัวให้เหมาะกับกิจกรรมและสถานที่ เราเดินทางพร้อมเด็ก 2คนต้องวางแผนอย่างดี เราจะทำการบ้านโดยการเลือกชุดในแต่ละวัน แยกตามคน ถ่ายรูปเก็บเรียงตามวันไว้เพื่อให้ง่ายในการหยิบมาใส่และจัดกระเป๋า รอบที่ผ่านมาไปญี่ปุ่น 15วัน (เสื้อแขนยาว 30ตัว, เลคกิ้ง 30ตัว, ชุดเดรสอีกหลายสิบชุด, ลองจอนและอีกสารพัดอย่าง) ถ้าไม่วางแผนต้องรื้อเข้ารื้อออก ไม่สนุกแน่ๆ และที่สำคัญไปเที่ยวทั้งที วิวสวย อากาศดี นางแบบพร้อม แต่ชุดไม่พร้อมนี่พลาดเลยนะคะ บางที่เราอาจไปแค่ครั้งเดียว หรืออาจไปอีกแต่นางแบบไม่เหมือนเดิมแน่ๆ555 เดี๋ยวนี้มีบริการเช่าชุดสำหรับไปเมืองหนาว เวิร์คมากค่ะ ค่าเช่าเริ่มตั้งแต่ 500บาท/7วัน บางทีซื้อใหม่หลายๆคนอาจแพงกว่าค่าเที่ยวนะคะ จะใส่ของเดิมซ้ำๆถ่ายรูปมาก็น่าเบื่อ บางร้านมีหน้าร้านให้ลองด้วยจะได้ดูว่าเหมาะกับเราไม๊ บางคนสั่งซื้อออนไลน์มา เห็นนางแบบใส่สวย เราใส่นี่... เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ^^
9. รองเท้า อันนี้สำคัญมาก...บอกเลย รองเท้ากัด-รองเท้าเปียกนี่แทบไม่อยากไปไหนเลยนะคะ จะหาเปลี่ยนไม่ใช่ว่าจะมาในทันทีโดยเฉพาะเด็ก ปกติเราจะเตรียมไปอย่างน้อย 2คู่ ดูสถานที่และกิจกรรมด้วยนะคะ จะใส่เดินสวยๆในเมือง เดินชายหาด เมืองร้อน เมืองหนาว ลุยหิมะ ต้องเลือกให้เหมาะ เลือกสวยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเราต้องใช้เดินจริงๆ ไม่ใช่ใส่สำหรับถ่ายรูปในสตูดิโอ
10. ยาประจำตัว เตรียมยาสามัญบางอย่างไว้ด้วยค่ะ แก้ปวด ลดไข้ ยาดม ยาหม่อง แก้ปวดท้อง(อาหารที่ไม่คุ้นเคย อาจทำพิษกับเราได้) เดินทางต่างประเทศ บางที่ซื้อยายากค่ะ โดยเฉพาะเด็ก แต่ไม่ต้องถึงกับขนห้องพยาบาลไปนะคะ บอกแล้วว่าอย่าเยอะ เดี๋ยวจะไม่สนุก55
11. กระเป๋าเดินทาง เลือกให้เหมาะกับจำนวนคน+จำนวนวัน ต้องคำนวณน้ำหนักกระเป๋าให้ดี ถ้าไปเพิ่มที่หน้าเคาน์เตอร์จะแพงมาก อาจต้องทิ้งของบางอย่างเลยทีเดียว ปกติเราจะเลือกน้ำหนักขาไปไม่เยอะ ขากลับจัดเต็ม เราจะเตรียมกระเป๋าผ้าแบบพับได้เอาไว้สำหรับใส่ของขากลับมาด้วยเสมอ ส่วนกระเป๋าใบเล็กแบบถือขึ้นเครื่อง (7กก.) ดูข้อกำหนดของสายการบินให้ดีนะคะว่าขนาดเท่าไหร่ วัดจากไหนถึงไหน แต่ต้องดูว่าพะรุงพะรังไม๊ ถ้าเดินทางพร้อมเด็กเล็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาจเลือกที่จะโหลดเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงเมืองแล้ว บางประเทศมีบริการส่งกระเป๋าถึงที่หมาย อันนี้เป็นตัวช่วยที่ดี บางทีกระเป๋าหลายใบ บางใบอาจไม่ได้ใช้ในวันแรกๆ อาจใช้บริการส่งไปรอที่ปลายทางได้เลย สะดวกมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ย้ายที่พักบ่อยๆ ตัวช่วยอีกอย่างนึงสำหรับเราคือ ถุงสูญญากาศ ขากลับนี่เสื้อผ้าจะบวมมาก ไหนจะของที่ระลึก ของฝาก การใช้ถุงแบบนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ภายในกระเป๋าได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะการไปเมืองหนาวที่เสื้อผ้ามักจะมีบุข้างใน เปลืองที่มาก พองไปทั้งตัว555
12. อินเตอร์เน็ท อุปกรณ์สื่อสารและถ่ายภาพ หลายประเทศมีสัญญาณ wifi ให้ใช้ฟรี แต่ไม่มีในทุกพื้นที่นะคะ อินเตอร์เน็ทมีความจำเป็นในต่างแดน เดี๋ยวนี้เดินทางต่างประเทศมีสารพัดซิมโปรโมชั่น มีทุกค่าย เลือกให้ดี ให้เหมาะกับประเทศที่เราจะไป เราต้องใช้โทร ใช้หาข้อมูลร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เวลาเปิด-ปิด ดูแผนที่ ดูGPS แปลภาษา(ถึงแม้ว่าเราจะทำการบ้านมาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม) ไม่ต้องแบกตำราเล่มหนาๆ หลายๆเล่มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ่ายรูป อัพรูปกันทั้งวัน แต่พอมีเครื่องมือก็อย่าลืมว่าต้องมีแบตเตอรีให้พร้อม อุปกรณ์ชาร์จไฟ หัวแปลง หัวต่อขยาย (อุปกรณ์เยอะเกิ๊นสมัยนี้ ทั้งมือถือ กล้องถ่ายรูป คูณตามจำนวนคนไม่น้อยนะคะ555)
13. ของฝาก ลิสท์ไว้เลยค่ะอยากได้อะไรบ้าง จะได้ไม่ตกหล่น อันนี้ตามสะดวกเลยค่ะ ปกติเราไม่รับฝากซื้อของเพราะของที่เราจะซื้อก็เยอะมากอยู่แล้ว ยิ่งต้องออกตามหาอีกนี่ไม่เลย เราจะเลือกซื้อสำหรับฝาก(ตามกำลังทรัพย์ที่มีขณะนั้นๆ) อันนี้ฝากครอบครัว ที่ทำงาน ข้างบ้าน เพื่อน เพื่อนสนิทลูก(เด็กๆจะได้โควตาการซื้อของฝากสำหรับเพื่อนสนิทเสมอ) ซื้อในสิ่งที่เราจะใช้ ไม่ใช่ซื้อเพราะคนอื่นเค้าไปแล้วซื้อกัน ไม่อย่างนั้นเราจะมีขยะเต็มบ้าน
14. เงิน เรื่องนี้สำคัญที่สุดค่ะ555 เงินบันดาลทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น เก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อชาร์จแบตให้ตัวเราเอง เปิดมุมมองใหม่ๆ เริ่มจากที่ใกล้ๆก่อนก็ได้ค่ะ ราคาเบาๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้น อย่าทำงานจนเที่ยวไม่ไหวแล้วค่อยเที่ยว วันนั้นมีเงินก็ไม่มีแรงแล้วค่ะ เที่ยวยังไงก็ไม่สนุก บ้านเราไม่ได้จ่ายเงินก้อนเดียวในการเที่ยวค่ะ ค่อยๆจ่าย เริ่มจากค่าตั๋วเครื่องบินก่อน สักพักค่อยเป็นค่าบัตร-ค่าตั๋วรถไฟ ค่าโรงแรม เงินสดติดตัวในการเที่ยว เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆจ่าย ยิ่งเราวางแผนนาน การจ่ายเงินก็จะไม่หนักมาก เราสามารถออกแบบการเที่ยวได้ตามงบที่เราตั้งไว้ บางบ้านเน้นกิน(อย่างบ้านเรา) บางบ้านเน้นช็อปปิ้ง บางบ้านเน้นเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ บางบ้านเน้นหรู เอาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราเลยค่ะ^^ บัตรเครดิตก็จะมีประโยชน์มากในบางประเทศเพราะจะมีโปรโมชั่นส่วนลดของแถมเป็นพิเศษ แต่ต้องคำนวณเรื่องค่าชาร์จให้ดีค่ะ ทุกแบงค์จะมีค่าชาร์จเมื่อรูดใช้บัตรในต่างประเทศ(ไม่รวมกับอัตราแลกเปลี่ยน) บางบัตรต้องแจ้งทางแบงค์ก่อนว่าจะนำไปรูดใช้จ่ายในต่างประเทศ ไม่งั้นอาจใช้ไม่ได้ค่ะ
15. หัวหน้าไกด์ เมื่อเราไปเที่ยวกันเอง ไม่มีผู้นำ ไม่มีตารางเวลาที่ถูกกำหนดไว้เป๊ะๆตามโปรแกรมทัวร์ เราจะต้องมีผู้นำในการเที่ยวนั่นก็คือหัวหน้าไกด์จำเป็น ให้เครดิตผู้นำ ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ห้ามบ่น การเที่ยวถึงจะสนุก (ไม่ใช่ไปทะเลาะกันที่ต่างแดน) บางบ้านอาจจะผลัดกันเป็นผู้นำในบางวัน คนเป็นหัวหน้าไกด์ก็ต้องทำการบ้านมาอย่างดี ขึ้นรถตรงไหน เวลากี่โมง ที่เที่ยวเปิดกี่โมง กินอะไรได้บ้าง เพราะการเดินหลงวนไปวนมา อาจทำให้เจ้าหญิง-เจ้าชายตัวน้อยกลายเป็นอสูรเลยก็ได้ เสียเวลา และอาจพลาดกิจกรรมสำคัญที่ตั้งใจเอาไว้ แต่เมื่อมีการผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ไม่ต้องโทษกัน ช่วยกันหาทางออก การเที่ยวคือการหาประสบการณ์ร่วมกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องดีที่สุดในทุกอย่าง ประสบการณ์มีได้ทั้งดี-ไม่ดี เวลามองย้อนกลับไป ไอ้ที่ว่าพลาดอย่างแรงนี่สิ “ฮาสุด” คุยกันได้ยันลูกโตเลย เชื่อสิ!!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้