เล่าประสบการณ์การปีนขึ้นสู่ ภูเขาไฟสตรอมโบลี ประเทศอิตาลี

ภูเขาไฟสตรอมโบลี ตั้งอยู่บนเกาะสตรอมโบลี หมู่เกาะเอโอเลียน ประเทศอิตาลี เป็นภูเขาไฟที่ยังมีการประทุอยู่อย่างอ่อนๆตั้งแต่ระหว่างไม่กี่นาทีไปจนถึงชั่วโมง ผมมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนในประเทศอิตาลี 10 เดือน และระหว่างวันที่ 3-9 ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มอุ่นไปจนถึงร้อนในภาคใต้อย่างซิซิลี ผมได้มีโอกาสไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียนเป็นเวลาราวๆ 7 วัน

วันที่ 3 พฤษภาคม 2018 พวกเราได้ออกจากเมืองที่เราอยู่ในชนบทของอิตาลีโดยนั่งบัสไปลงอีกเมืองนึงเพื่อขึ้นรถไฟไปยังกรุงโรมและมาถึงโรมในเวลา 3 ทุ่ม เรารอรถไฟที่จะพาเราไปยังเกาะซิซิลีราวๆครึ่งชั่วโมง แต่ เอ๊ะ? เราจะไปเกาะ แล้วทำไมเรามาขึ้นรถไฟหล่ะมันจะไม่วิ่งไปลงทะเลหรอ? คำตอบคือ ไม่ครับ รถไฟสายนี้วิ่งจากโรมไปหยุดที่เนเปิ้ลและวิ่งเข้าไปในเรือที่จอดรออยู่ที่ Villa San Giovanni ซึ่งเข้าไปเร็วจนผมก็ไม่รู้ตัวเลยพยายามรอดูอยู่ตลอดแท้ๆว่ามันจะเข้าไปยังไง ซึ่งผมค่อนข้างโชคดีที่ได้นอนบนรถไฟสายนี้กับเพื่อน ผญ. สองคน เพราะมีปัญหาในการคละจำนวนชายหญิง

ภาพจากระเบียงบนเรือ ขณะที่เรือใกล้จะเทียบที่เมือง Messina

วันที่ 4 พฤษภาคม 2018 และแล้วเรือก็มาเทียบท่าที่เมือง Messina เวลาเช้าตรู่ พวกเรามีโอกาสได้ออกมาชมบรรยากาศยามเช้าบริเวณดาดฟ้าเรือกันก่อนที่จะกลับไปที่รถไฟ เมื่อมาถึงเกาะซิซิลีรถไฟก็วิ่งฉลิวไปเลยครับ รู้ตัวอีกทีมันก็ลงไปซะแล้ว วิ่งไปจนถึงเมืองที่มีชื่อว่า Catania เรามาที่เมืองนี้เพื่อที่จะขึ้นบัสไปยังภูเขาไฟ Etna ครับ! ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศอิตาลี ระหว่างทางได้มีโอกาสเห็นสภาพตัวเมืองที่ไม่ค่อยสะอาด ซึ่งเท่าที่เห็นมาภาคใต้จะสะอาดน้อยกว่าภาคเหนือแต่เกาะซิซิลีหนักกว่าภาคใต้ครับ...



ภาพถ่ายวิวธรรมชาติเล็กๆน้อยๆบริเวณ Crateri Silvestri บริเวณภูเขาไฟ Etna
จากนั้นพวกเราลงมาจาก Etna มาหยุดที่บริเวณที่เรียกว่า Santa Barbara, Etna
Etna จาก Santa Barbara

บริเวณนี้มีถ้ำและบ้านกับบ่อน้ำแบบสมัยก่อน (ในภาพมีแค่ถ้ำกับบ้านนะครับ บ่อน้ำผมไม่ถ่าย)

จากนั้นเราได้แวะกินอาหารกลางวันก่อนที่จะขึ้นบัสไป Milazzo เพื่อต่อเรือไปยังเกาะ Vulcano ซึ่งมีที่พัก จริงๆแล้วมีนักเรียนกลุ่มนึงในโรงเรียนผมที่มาก่อนกลุ่มของห้องผม ซึ่งพวกนั้นได้พักที่เกาะ Lipari ซึ่งในความเห็นส่วนตัวแล้วเป็นเกาะที่สวยที่สุดในบรรดาหมู่เกาะเอโอเลียนทั้งหมดเลย เมื่อลงเรือมาจะได้กลิ่นกำมะถันที่แรงที่สุดเท่าที่จะเคยได้กลิ่นในชีวิตเลยทีเดียวและชีวิตนี้คงไม่น่าจะกลิ่นที่แรงกว่านี้อีกแล้ว

วันที่ 5 พฤษภาคม 2018
บรรยากาศของชายหาดยามเช้าจากโรงแรมที่พวกผมได้พัก ในช่วงเช้าเราฟังไกด์อธิบายเรื่องภูเขาไปในโรงแรมอย่างเดียว

ในช่วงบ่ายค่อนเย็นเราได้เดินมาจนถึงบริเวณ Valle dei mostri

วันที่ 6 พฤษภาคม 2018 วันนี้เรานั่งเรือจากเกาะ Vulcano มายัง Lipari

บรรยากาศบริเวณท่าจอดเรือที่พวกเรามาเทียบท่า

ในรูปเป็นโบสถ์ชื่อว่า Concattedrale di San Bartolomeo (Lipari)

เราได้นั่งเรือออกมาจากเกาะกันแล้วครับ ในรูปจะสังเกตุเห็นภูเขาไฟ Stromboli
บรรยากาศระหว่างทาง

เราได้มาถึงเกาะ Stromboli กันแล้วนะครับ

ภาพตัวเมืองหลังจากเราเดินขึ้นภูเขาไฟ Stromboli ได้ในระดับนึงซึ่งหลังจากนี้ผมจะไม่ได้ถ่ายรูปเลยจนกว่าจะถึงยอดเพราะไม่มีกระจิตกระใจมาถ่าย อากาศที่ร้อนและเหนื่อยบวกกับต้องใช้สมาธิในการปืนซึ่งใช้เวลาเดินอย่างต่อเนื่องถึงสองชั่วโมงซึ่งทางขึ้นเขานั้นไม่ได้อำนวยแก่นักท่องเที่ยวทั่วๆไปเท่าใดนักมีหินเยอะมากไม่รู้ว่าจะลื่นหล่นไปข้างล่างตอนไหนเลย บางทีผมแทบจะต้องคลานไปกับพื้นเพราะกลัวหล่น ยิ่งถ้ามองไปข้างนี่เป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวมากจังหวะนี้ต้องเอาตัวรอดตัวใครตัวมันเพราะแต่ละคนก็เอาตัวเองแทบไม่รอด ช่วงแรกๆมันเหนื่อยธรรมดาแต่พอเริ่มเปลี่ยนจากเดินเป็นปืนนี่สิเหมือนถูกกักไว้ เราจะกลับก็ไม่ได้ต้องไปข้างหน้าอย่างเดียว เมื่อใกล้จะถึงยอดแล้วอากาศหนาวขึ้นมาก ผมชอบชั้นบรรยากาศมากเลยทีเดียวสดชื่นสบายตัว เสียดายตัวเหนียวไปหน่อยเพราะข้างล่างอากาศร้อน

บรรยากาศช่วงใกล้ถึงยอด







บรรยากาศเมื่อเรามาถึงจุดสูงสุดของ Stromboli ความเหนื่อยล้าได้หายไปจากใจเราเมื่อเราได้เห็นสิ่งเหล่านี้พร้อมกับชั้นบรรยากาศที่สดชื่นและเย็นสบาย มีภูเขาไฟประทุเรื่อยๆอย่างอ่อนๆทำให้มีควันจากภูเขาไฟที่แลดูเหมือนจะสะอาดเนื่องจากชั้นบรรยากาศและแสงอาทิตย์ออกมาให้เราได้ชม หลังจากมาถึงยอดหลายๆคนถึงกับนั่งไม่ลุกไปไหนกันเลยทีเดียวเนื่องจาก ณ เวลานั้นความเหนื่อยล้าทำให้เราไม่สามารถขยับไปไหนได้
ปล. ผมอาจจะมาต่อ Part 2 ในช่วงขาลงจากภูเขาไฟกับการทัศนศึกษาที่เหลืออีก 2 วัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่